การเขียนแบบ "เรือจำลอง"

     7 พ.ย. 2564 8.53 น.
    การเขียนแบบ "เรือจำลอง"
          1. แบบต่างๆของ "เรือจำลอง" : เราจะกำหนดว่า เรือจำลองลำนั้นๆ
จะมีแบบอะไบ้าง
          ก่อนที่จะเขียนแบบเรือจำลอง เรามาดูกันก่อนว่า เรือจริงๆนั้นมี
แบบ อะไรบ้าง ตามมาเลยครับ

               
           เริ่มจากหมวด G ก่อนเลยครับตามตารางข้างบน ในตารางทั้ง
หมดนี้ อยู่ในสัญญาว่าจ้างการออกแบบเรือด้วยครับ ก็จะเริ่มจาก หมวด G 
หรือหมวดทั่วไป ก็จะมีอยู่สี่รายการ เริ่มจาก G-01 - G-04 
          G-01  Spacification หรือเรียกกันติดปากว่า สเปคเรือ นั่นเอง
ในนี้ก็จะมีรายละเอียดของเรือทั้งหมด เช่น ขนาดเรือ ,กินน้ำลึก ,ขนาดและ
ชนิด+ยี่ห้อของเครื่องยนต์ , ฯลฯ 
           G-02 List of equipment and machineries  หรือ รายการ
เครื่องจักร เครื่องยนต์ มอณเตอร์ เครน ปั๊มต่าง กว้านสมอ กว้านเชือก ฯลฯ
           G-03 Tentative Work Schedule  หรือ ตารางการทำงาน
เบื้องต้น เช่น เริ่มเมื่อไหร่ กี่เดือนเสร็จ แบบอะไรเสร็จก่อน หลัง ฯ
           G-04  Equipment and machineries Catalog ก็แปลตรงๆตัว
เลยครับ คือ แคตาล๊อก ของ เครื่องจักร เครื่องยนต์ ปั๊ม วุทยุ เรด้าห์ ฯลฯ
หามาจากตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเขาก็ยินดีให้ความร่วมมือกับผู้ออกแบบ
อยู่แล้วครับ หรือ อาจจะได้จาก ผู้ว่าจ้างขอมาก็ได้ครับ ไม่แปลก

                    
           หมวดต่อมาคือ H ครับ หมวดนี้ปั่นกันมือหงิกนิ้วล๊อค ก็เคยมา
แล้วครับ และจำนวนก็เยอะด้วย เรือที่มีขนาดใหญ่ แบบในหมวดนี้ก็มาก
ตามไปด้วยครับยิ่งรวมแบบขยายรายละเอียดเข้าไปด้วยก็ฮาไม่ออกครับ
และที่สำคัญใช้เวลามากตามไปด้วยครับ หมวดนี้เป็นการเขียนแบบ
ล้วนๆครับ แต่ทุกแบบเริ่มจากแบบ GA หรือ General Arrangement หรือ
ในภาษาไทยเรียกว่า แบบจัดการทั่วไป ครับ แบบ GA ก็ได้มาจากการ
เจรจาระหว่างผู้ออกแบบกับผู้ว่าจ้าง ก่อนการเซ็นสัญญากันครับ หลังจาก
สัญญาว่าจ้างเรียบร้อย ก็เอาแบบ GA ที่คุยกันไว้มาพัฒนาและปรับปรุง
เพื่อให้เป็นที่พอใจของทุกๆฝ่ายครับ

                   

           มาถึงหมว M : Machinery หรือ เครื่องยนต์ แท่นเครื่อง หางเสือ
ชุดเพลาและใบจักร ฯลฯ
                    
                     
           หมวด E เป็นเรื่องของแบบ ระบบไฟฟ้า ทุกอย่างบนเรือครับ จะเป็น
ไดอแกรมซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็จะมีแบบจัดการพวก อุปกรณ์ ไฟฟ้า เช่น
ตู้ควบคุมต่างๆ ว่าอยู่ตรงไหนของเรือ หรือ แบบขยายรายละเอียดการติด
ตั้ง อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเช่น แบบติดตั้ง มอเตอร์ปัีมน้ำ ฯลฯ 

                  
           หมวดตัว P: Piping หรือ ระบบ ท่อ ต่างเช่น ท่อน้ำมัน ท่อน้ำจืด 
ท่อน้ำระบายความร้อนเครื่องยนต์ ท่อน้ำทิ้ง ฯลฯ  

                  
                  

           หมวด F: Fitting And Other เป็นแบบแสดงรายระเอียดของ พุกผูก

เชือก ราวกันตก เสากระโดง ปล่องท่อไอเสีย ฯลฯ

                 
             หมวด C: Calculation หมวดนี้ หินที่สุดในการออกแบบเรือ
แล้วครับ สมัยก่อนก็เห็นพี่แกคำนวณด้วยมือล้วนๆครับ เสร็จแล้วก็ส่ง
ให้เลขา พิมพ์ออกมาเป็นเล่ม ต่อมาก็ใช่คอมพิวเตอร์ สมัยก่อนก็ใช้ภาษา
 เบสิค เขียนครับ ปริ๊นออกมาหนาเป็นปึกๆ ผมเองก็ดูออกมั่ง ไม่ออกมั่ง
ตรงนี้ สำหรับผู้ที่เรียนเรื่อง Naval Architecture ในบ้านเราที่มีการเรียน
การสอนก็ที่ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ครับ ที่เดียวเท่าที่ผมรู้

                 
          หมวด D: Ducument เป็นเรื่องของเอกสารแล้วครับ เช่น กำหนด
การและวิธีการทดสอบเรือและนำเรืออกไปแล่นทดสอบใน แม่น้ำหรือทะเล
ตามที่ตกลงในสัญญา และกำหนดการ ส่งมอบเรือครับ
         หมวด I: Interior แบบนี้ค่อนข้างจะเยอะอยู่ครับ แต่ส่วนใหญ่
ผู้ออกแบบเรือจะร่วมมือกับผู้ออกแบบตกแต่งภายในอาคาร หรือผู้ออก
แบบที่ผู้ว่าจ้างหามาเองก็ได้ครับ ก็เหมือนการออกแบบภายในบ้านหรือ
อาคารทั่วไปต่างกันก็ที่วัสดุที่ใช้ ต้องมีความทนไฟในระดับหนึ่งหรือตาม
ที่ คลาสกำหนดในกรณีที่นำเรือไปเข้า "คลาส" ซึ่งเป็นคนกลางระหว่าง
เจ้าของเรือและประกันภัย คลาส จะทำหน้าที่ตรวจสอบตั้งแต่เริ่มออก
แบบเรือ วัสดุที่ใช้ในการต่อเรือและตกแต่งภายในทุกชิ้น...ย้ำว่าทุกชิ้นครับ
ตรวจแนวเชื่อม ตัดชิ้นส่วนของเหล็กไปทดสอบคุณภาพ เรียกว่า ทุกชิ้น 
ทุกอย่างที่มาทำเป็นเรือ ตั้งแต่อยู่ในแบบนั้น ได้มาตราฐานของ คลาส นั้นๆ
หรือไม่ ถ้าไม่ผ่านในการออกแบบก็ทำลายแบบนั้นทิ้งหรือแก้แบบ หรือ
ต้องออกแบบใหม่กันเลย และเมื่อนำแบบไปใช้งาน งานที่ไม่ทำตามแบบ
หรือใช้วัสดุที่ไม่ตรงกับแบบ ก็ต้องรื้อทั้งหมดเหมือนกันครับ ทำให้ต้นทุน
ในการต่อเรือสูงมากขึ้น และเจ้าของเรือก็จ่ายให้ คลาส ในการทำหน้าที่
นี้ด้วยนะครับ แต่ผลที่ได้ก็คุ้มมากมายเหมือนกัน ถ้าเป็นเรือบรรทุกสินค้า
ก็สามารถทำประกันภัยได้ มีความน่าเชื่อถือมาก สามารถรับงานที่มีมูลค่า
มากๆได้ ฯลฯ เจ้าของเรือก็ต้องเลือกเอาเองครับ
            Classification Society หรือ คลาส ที่เจอกันบ่อยๆในบ้านเราก็มี
   ClassNK - Nippon Kaiji Kyokai นี่เป็นของญี่ปุ่น  ,Lloyd's Register
อันนี้ของประเทศอังกฤษครับ ,American Bureau of Shipping (ABS )
นี่ก็ของอเมริกาครับ และยังมีอกีหลายประเทศครับ ซึ่งทั้งหมดเป็นองค์กร
ของเอกชนทั้งสิ้น ของไทยไม่มีครับ ถามว่า ถ้าไม่เอาเรือเข้าคลาสแล้ว เรือ
เราจะมีมาตราฐานอะไรมาตรวจสอบ ก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ
กรมเจ้าท่าตั้งแต่เริ่มออกแบบแล้วครับ ไม่ว่าเรือคุณจะเข้าหรือไม่เข้าคลาส
คุณก็ต้องส่งแบบเรือที่จะต่อไปขออณุญาติจากกรมเจ้าท่าตามกฎหมาย
อยู่ดีครับ และเมื่อเรือต่อเสร็จแล้ว ทดสอบ ส่งมอบ จนได้ทะเบียนเรือ และ
ใบอณุญาติใช้เรือแล้ว ที่โหลดไลน์ ก็จะใช้สัญลักษ์เป็น TG ที่กลางลำครับ
          รายละเอียดในแต่ละแบบ ผมเคยลงไว้ในบทความเรื่อง "แบบเรือ"
ครับ อยู่ในกล่องบทความ น่าจะลงไว้นานแล้วเชิญเข้าไปอ่านกันได้ครับ
          ทีนี้มาว่ากันเรื่องของ แบบเรือจำลองกันมั่งครับ แบบของเรือ
จำลองนั้น ไม่จำเป็นต้องมากมายเท่าเรือเรือจริงอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อย
ภายในนี่แทบจะไม่เห็นเลย และส่วนใหญ่ขนาดก็ไม่ใหญ่พอที่จะใส่ราย
ละเอียดลงไปได้หมด แค่บนพื้นดาดฟ้าภายนอก ถ้าเอาเข้าจริงๆก็แทบ
จะไม่ไหวแล้วครับ เรือจริงขนาดยาว ห้าสิบเมตร เอามาทำเรือจำลอง ก็
จะอยู่ในสเกลประมาณ 1:50 ก็จะได้เรือจำลองยาว 1 เมตรนะครับ ดังนั้น
อะไรที่เล็กว่าก็จะทำยากมากขึ้นไปอีก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้
นะครับ มันขึ้นอยู่กับความพยายามของเราเท่านั้น
          รายการแบบข้างบนทั้งหมด ผมเอามาจาก การเสนองานทำแบบ
เรือจริงๆนะครับ ทั้งสัญญาการออกแบบอย่างเดียว มีมูลค่า สามล้านกว่า
บาท หลังการเจรจาสิ้นสุดครับ
          ดังนั้น ตามความคิดของผม แบบที่จำเป็นจะต้องมี สำหรับการทำเรือ
จำลองก็คือ
           GA อันนี้ต้องมีแน่นอน ต่อมาก็คือ Line Plan นี่ก็จำเป็นมากครับ ถ้า
มีแต่ GA อย่างเดียว ก็ทำอะไรไม่ได้ครับ นอกจากมั่วๆเอา แบบต่อมาที่
"ต้องมี" คือแบบโครงสร้างทั้งหมดของเรือจำลองครับ(ถ้าทำได้) ส่วนแบบ
อื่นๆก็ไม่จำเป็นเท่าไรครับ อ้อ แต่มีแบบอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ "ควร" จะมีด้วย
เพื่อความสมจริง นั่นคือ แบบในกลุ่ม Fitting ครับ ราวกันตกเอย
พุกเอย กว้านเชือก กว้านสมอ บันใด ฯลฯ แล้วแต่จะเขียนได้ครับ เรือ
จำลองจะสมจริงก็ด้วยสิ่งเล็กๆน้อยๆพวกนี้เองครับ