8 พฤศจิกายน 2567 1:50 น. สวัสดีครับทุกท่าน ผ่านพ้นเดือนตุลาคม มาได้อย่างทุลักทุเลพอสมควร เพราะนอกจากสภาพร่างกายแล้ว สภาพจิตใจก็โดนมาไม่น้อยเหมือนกัน
ช่วงเดือนที่ผ่านมา ถ้าใครไม่เล่นมือถือ ไม่มีทีวีดู ถือเป็นบุญอย่างที่สุดแล้วครับ เพราะมันมีแต่ข่าวหลอกลวงกัน ทะเลาะกัน ไม่เว้นแม้แต่นักบวชในศาสนาพุทธ เห็นแล้วบอกตรงๆว่า เครียด จริงๆ นี่ขนาดผมพยายามนั่งสมาธิดูลมหายใจเข้าออก ตามที่อาจารย์ท่านบอกท่านสอนมาก็นานพอดู ยังมึน ยังเครียดเลย แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อน เพราะมันเครียดแปปเดียว พอรู้สึกตัวว่าเครียด มันก็หายมึนหายเครียดไปได้ แปลกดีเหมือนกันครับ
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมก็เปลี่ยนกิจกรรม จาก ดูคลิปเรือ สารพัดเรือ ฯลฯ มาเป็น ดู หนังดู ละคร แทน บางเรื่องดูจบแล้วก็มาคิดได้ว่า กุทนดูมาได้ยังไงฟะ ตอนละชั่วโมง ตั้งสิบหกตอน อันนี้ทางฝั่งเกาหลีนะครับ ส่วนทางฝั่งเมืองจีน ก็คล้ายๆกัน ซีรี่ย์ใหม่ๆช่วงสองปีมานี้ บอกตรงๆว่า ดรอปลงไปมาก เรื่องราวซ้ำๆ วนไปวนมา นี่ยิ่งหนักเพราะมีตั้ง สามสิหกตอนมั่ง สี่สิบตอนมั่ง ตอนละสี่สิบกว่านาที ทนดูมาได้ยังไเนี่ย ทำไปได้
สำหรับผม การดูหนัง ดูซีรี่ย์ ต่างๆ เปรียบเหมือนการเรียนหนังสือ วิชาสังคมศึกษา ครับ จริงอยู่ที่ว่า เรื่องราวต่างๆในนั้น มีคนแต่งขึ้นมา จะล้ำหน้าไปในอนาคตอันแสนไกล หรือย้อนยุคไปหลายพันหลายหมื่นปี คนก็ยังเป็นคนอยู่นั่นเอง ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร แต่นิสัยพื้นฐานของก็ไม่เปลี่ยนแปลงนั่นคือ ทำไงก็ได้ให้ตัวเองรอด ไม่ตาย ไม่ล้มเหลว และร่ำรวยขึ้นมากๆ โดยไม่เลือกวิธีที่ใช้อันี้สำหรับฝั่งผู้ร้าย ส่วนฝั่งพระเอก ก็ทำไงก็ได้แต่ไม่เหมือนกัน มีข้อจำกัดของการเป็นพระเอกอยู่ล้นหัวใจ แต่ต้องชนะและรอดตายด้วยนะ ไม่งั้นไม่มีคนดู ผมคนนึงล่ะ ถ้ารู้ว่าเรื่องไหนพระเอกหรือนางเอกตายนี่ผมไม่ดูเลย ส่วนหนังหรือภาพยนต์ เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่ เมื่อก่อนตอนวัยรุ่นนี่ ถ้าเป็นหนังไซไฟนี่ ยกให้ สตาร์วอร์เลย แต่พอหมดสามภาคแรกไปแล้ว ก็ไม่ได้ค่อยติดตามเท่าไหร่ แต่เริ่ม แหม่งละ อะไรฟะ เขียนบทมาให้พ่อกับลูกมาฟาดกัน พระเอกแขนขาด พ่อตายหรือเปล่าจำไม่ได้ พอภาคใหม่ๆออกมา เอ้า ลูกศิษย์ฆ่าอาจารย์อีก แล้วยังไปฆ่าฮันโซโลที่เป็นพ่ออีก เฮ้ย จอร์จลูคัส กับสตีเว่นสปิลเบิก เขามีอะไรกับ พ่อ กับอาจารย์ ของเขานักหนาวะเนี่ย ตายเรียบเลย สรุปเลิกดูนับแต่นั้นเป็นต้นมา จะออกภาคไหมมาผมก็ไม่ดูแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี ผมได้เชียร์ ซีรี่ย์จีนเรื่อง Joy of life 2 ด้วยความคาดหวังพอสมควร ปรากฏว่า ไม่จบ มีภาคสาม อาจจะต้องรออีกหลายปี บอกตรงๆเซ็งมากจริงๆครับ เนื้อเรื่องอ่อนกว่าภาคแรกมากพอสมควร เหมือนผู้กำกับปล่อยของไม่หมด ยังดีที่คงไว้ซึ่งตัว ละคร เก่าอยู่เกือบครบ ไม่งั้นมันจะเสียอรรถรสไปเยอะเลยทีเดียว แต่สังเกตุเห็นได้ชัดเจนว่า ตัวละครเดิมๆนั้น ใบหน้าและอายุก็โรยไพอสมควร ฯลฯ
ในชีวิตจริงของผมอยู่มาถึงวันนี้ผ่านอะไรมาก็มาก และไม่ใช่แต่ผมเท่านั้น ทุกๆคนก็ไม่มีข้อยกเว้นที่จะต้องผ่านเหตุการณ์มามากมายเช่นกัน ตามสภาพของแต่ละคน ไม่ว่าจะบู๊หรือจะบุ๋น แต่ผมอาจจะโชคดีหน่อยที่ไม่เจอเรื่องบู๊ๆเลย อย่างมากก็แค่เฉี่ยวๆเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปอยู่กลางวง หรือข้างใดข้างหนึ่งที่เข้าห้ำหั่นกัน แค่มองเห็นเขาตีกันมั่ง ไล่ฟันกันมั่ง ก็เท่านั้นเองครับ ขับมอไซด์มายี่สิบปี ขับรถยนต์มาสิบกว่าปี ก็จัดว่า แคล้วคลาดมาตลอด อย่างมากก็มีแค่รอยถลอกเล็กๆน้อยๆจากมอไซด์ล้้มเท่านั้นเอง
ดังนั้น เมื่อถึงตอนนี้ ผมก็แค่ได้อาศัย หนัง ละคร ซีรี่ย์ ข่าว ต่างๆที่ลอยอยู่ในอากาศและสามารถเปิดดูได้ตลอดเวลา เอามาดูเพื่อเรียนรู้ นิสัยใจคอของคนในสังคมนั่นเอง อย่างน้อยๆก็ให้ได้รู้ว่า อ้อ มันมีเรื่องแบบนี้จริงๆด้วย เหมือนในซีรี่ย์ที่เราเคยดูเลย และบางเรื่องก็ดันไปเหมือนเรื่องในชีวิตจริงที่ผมได้พบเจอมาก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
ความสำเร็จสำหรับลูกจ้างก็แค่ ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จและใช้ได้ตามเวลาที่กำหมด เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม และอย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วว่า งานกลุ่มไม่มีอยู่จริง ครับมันไม่มีอยู่จริงในหมู่ลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือน อาจจะงงใช่ไหมครับ กลุ่มคนทำงานเรื่องเดียวกันมันมีอยู่จริง แต่คนในกลุ่มไม่ได้มานั่งทำเรื่องเดียวกันนี่ครับ ทุกคนมีหน้าที่ในการทำงานที่ได้รับมอบมาจากหัวหน้า ไม่มีหัวหน้าคนไหนจ่ายงานชิ้นเดียวกันเหมือนกันมาให้ลูกน้องทำพร้อมกันหลายๆคนหรอกครับ เขาจ้างเรามาทำงานแล้ว เงินก็จ่ายแล้ว ก็ต้องทำตามคำสั่งให้ได้ เท่านั้นเอง ถ้าทำไม่ได้หรือไม่ทำ คุณคือจุดบอด ก็จะมีคนอื่นมาทำแทนคุณแค่นั้นเอง ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน เขาก็หาคนมาแทนคุณได้อยู่ดี อาจจะเก่งไม่เท่าคุณแต่มีแน่ๆ และอย่าหวังให้ใครมาช่วยทำงานของคุณเด็ดขาด ถ้าถึงขนาดนั้น แสดงว่า คุณไม่รอดแล้ว เพราะทุกคนรับเงินเดือนเหมือนกัน มากบ้างน้อยบ้างตามความสามารถหรือ คุณวุฒฯ ที่ติดตัวคุณมา การปรึกษาหารือ การประชุม มันมีแน่ๆอยู่แล้วแต่หลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน เรื่องของใครก็เรื่องของมันแล้วครับ
และอีกประโยคหนึ่ง ที่พวกคุณอาจจะได้ยินกันบ่อยๆ มาจากปากของผู้นำหรือหัวหน้างานหรือเจ้าของบริษัท คือคำว่า เราจะเดินไปด้วยกัน เราจะไม่ทิ้งกัน หรือ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง........หึๆ เดินยังไงล่ะครับ เดินแถวหน้ากระดาน เดินเรียงเดี่ยว หรือแบ่งเป็นแถวตอนเรียงเท่าไหร่ก็ว่าไป อย่างนั้นหรือครับ พวกคุณว่ามันจริงหรือครับ เป็นไปได้หรือครับ สำหรับผม ไม่มีทางเป็นไปได้
จากประสปการณ์ของผม เคยได้ยินคำเหล่านี้ในการเจรจางานอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งจบลงด้วยไอ้คนที่พูดแบบนี้ หายก่อนเพื่อนเลย 555
นี่ขนาดยังไม่ได้ทำงานอะไรร่วมกันเลยนะครับ วงแตกซะก่อน
ยิ่งงานที่พูดถึงตัวเลขสูงๆนี่ยิ่งสนุกครับ หาตัวจริงยากมาก และยิ่งมีคำว่า เราจะเดินไปด้วยกันเมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวได้เลยครับ รายไหนรายนั้น อาจจะได้ร่วมงานจริงก็ได้ แต่พอเวลาผ่านไปก็ ตัวใครตัวมันแล้วครับ ยิ่งตอนมีปัญหานี่ ยังกับมนุษย์ล่องหนก็ไม่ปาน 55555555
และยังมีอีกคำที่มักจะใช้กันในระหว่างประชุมหรือเจรจางานกัน นั่นคือ ยังต้องรอเอกสารรับรองโน่น นี่นั่นโดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของเงินทุนจากต่างประเทศแล้วล่ะก็ เตรียมหานายทุนหรือผู้ลงทุนใหม่ได้เลยครับ ไม่งั้นคุณจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเขาเหล่านั้นไปอีกหลายมื้อแน่นอน
และเรื่องพวกนี้ก็ไปอยู่ในหนัง ซีรี่ย์ ละคร ข่าว ฯ เยอะแยะไปหมด ไม่รู็ว่าใครลอกใครมา 555555
ที่ว่ามามันเกิดขึ้นมาเกินสิบกว่าปีแล้วครับ ไม่รู้ว่าปัจจุบันใครยังเจอแบบนี้อยู่มั่ง ก็ขอให้ระวังมากๆหน่อยนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา เอาเงินมาเลี้ยงข้าวลูกน้องยังจะดีกว่าอีก
เราจะเดินไปด้วยกัน คำนี้ ในหน่วยงานต่างๆทั้งเอกชนและรัฐฯ มันแค่คำพูดดูดีเท่านั้นเองเหมือนยุหมาน้อยขึ้นดอยนั่นแหละครับ ในความเป็นจริง มันเดินไปด้วยกันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะหน้าที่แต่ละคนไม่เหมือนกัน เจ้านายอยู่หัวแถว จะให้ลูกน้องมาเดินกระทบไหล่ได้ไง หรือจะให้เจ้านายไปอยู่ท้ายขบวนก็ไม่ได้อีก มันมีผู้นำ ผู้รับคำสั่ง ผู้ถ่ายทอดคำสั้ง ผู้ปฏิบัติตามคำสั่ง มีผู้ตรวจงานที่สั่งไปว่าใช้ได้หรือไม่ มีคนจ่ายเงิน ทุกคนรับเงิน มันจะต้องมีคนเดินหน้า และคนเดินตามแล้วก็มีคนเดินปิดท้ายครับ ถ้าเดินไปด้วยกันนี่จบเลย เป็นทหารไปเดินรบแบบนี้ เหยีบกับระเบิดลูกเดียวก็ตายทั้งหมู่แน่ๆ ตัวอย่างก็มีให้่เห็นเยอะแยะ โรงงานต่างๆปิดประตูเลิกกิจการ ไม่บอกพนักงานซักคำ ไหนว่าเดินไปด้วยกันไงครับ ตอนกิเลี้ยงนี่ พูดซะมันส์เลย
แหม่ เพลินไปหน่อยครับ คุยเรื่องดูซีรี่อยู่ดีๆ พามาเครียดอีกแล้ว ถือว่าเป็น นิทานมาเล่าสู่กันเพื่อความบันเทิงก็พอครับ อย่าไปคิดจริงจังอะไรเลย อ้อ มีคำคมจากซีรี่ย์จีนอีกแล้วเขาบอกว่า "มิได้ผ่านทุกข์อย่างผู้อื่น ก็อย่าได้ไปสอนเขา" ใช่เลยครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้าครับ
3:51 น.
......................................................................................................