การออกแบบเรือจำลอง 101
26 พฤษภาคม 2565 23.22 น. ช่วงหลังๆมานี่นอนหลับยากเหลือเกิน กลางวันก็ตื่นสาย เคยพยายามนอนให้เร็วกว่านี้ก็มาตื่นเอาเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง ตีสอง แล้วก็ตาค้างยาวทุกที ก็เลยใช้โอกาสอันนอนไม่หลับนี้มานั่งเขียนบทความเรื่อยเปื่อยดีกว่านั่งตาค้างอยู่เปล่าอะครับ
งั้นวันนี้เอาของเก่ามาขายอีกสักก็แล้วกันครับ บทความที่แล้วๆมาผมได้นำเสนอ การเขียนแบบเรือจำลอง 101 ไปแล้ว โดยกล่าวถึงที่มาของแบบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นวันนี้จะมาขยายความเรื่อง การออกแบบเรือจำลอง 101......อิอิ อีกครั้งเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นสำหรับผู้ที่เริ่มต้นอยากรู้จักเรือ หรืออยากจะทำเรือจำลอง หรือ โมเดลอะไรก็แล้วแต่ครับ ตามมาครับผมจะเล่าให้ฟัง อาจจะรู้เรื่อง งงมั่ง มั่วๆมั่งก็ทนๆกันไปละกันครับ
สำหรับตัวผม ทุกๆคนสามารถออกแบบ "อะไรก็ได้ "ทั้งนั้นครับ ขอให้ตามองเห็นมือขีดเขียนได้และมีความอยากที่จะทำ การออกแบบคืองานศิลปนะครับ ไม่ใช่งาน วิศวกรรม หรือ สถาปัติยกรรม ฯ บางคนอาจจะค้าน อ้าว ถ้าสองสาขานี้ไม่ใช่ศิลป แล้วทำไม ????? ผมก็บอกตรงๆไม่ถูกเหมือนกัน ทั้ง วิศว และถาปัตฯ ก็เป็นศิลปเหมือนกันแต่ ก็ถูกจำกัดด้วย ทิศทาง ด้วยความเป็นไปได้ ฯลฯ คือ ออกแบบมาต้องทำได้ใช้ได้ ถ้าทำไม่ได้ใช้ไม่ได้ก็ถือว่างานชิ้นนั้นล้มเหลว เหมือนกับว่าสองสาขานี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ ศิลป อีกที ประมาณนั้นครับ นั่นคือในความคิดของผมคนเดียวนะครับคนอื่นไม่เกี่ยว เดี๋ยวจะมาว่าผมเพี้ยนอีก แค่อยากเล่าความในใจให้ทราบกันเท่านั้นเองครับ งานออกแบบอะไรสักอย่างมักจะเป็นไปตามยุคสมัยตามๆหรือลอกๆกันมานั่นเอง ช่วงไหนนิยมกางเกงขาลีปก็ลีปกันทั้งประเทศ ช่วงไหนผมทรงหน้าม้าฮืตก็ฮิตกันข้ามประเทศเลยทีเดียว เมื่อตอนที่ดูไบสร้างตึกเรือใบอันยิ่งใหญ่ ช่วงนั้น คอนเซปดีไซด์ของตึกริมทะเล ริมน้ำ พากันออกมาเป็นเรือใบกันเยอะ มีอยู่โครงการนึงผมทำกราฟิกส์เองยังขำเลยครับ เห็นที่ญี่ปุ่นก็ได้สร้างไปตึกนึงมั๊งถ้าจำไม่ผิด
ภาพบนนี้พี่ชายผมได้ออกแบบไว้เมื่อปี 2006 ก็สิปกว่าปีมาแล้วครับ ตอนนี้พี่ผมก็ไปละทิ้งไว้แต่ผลงานการออกแบบอยู่หลายชิ้นเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้สร้างเลยสักงาน ทุกงานจบที่คอนเซปดีไซด์ทั้งนั้น แต่ก็สนุกดีครับ ได้มีเรื่องไว้เล่าให้ลูกหลานมันฟัง...555555
ดังนั้นงานออกแบบศิลปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคน ก็ว่ากันได้เต็มที่เลยครับ เช่น ภาพวาด รูปปั้น ของชำร่วย ตัวการ์ตูน ฯลฯ อย่างที่ผมเคยว่าไว้ จินตนาการถึงแม้ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ แต่ในความคิดเรามันทำได้ทั้งนั้นครับ เพลงบางเพลงฟังแล้วก็งงๆ มันคิดมาได้ไงฟะ เอาไรคิดวะเนี่ย คนก็ยังฟังกันทั้งบ้านทั้งเมืองอันนี้ขอไม่ยกตัวอย่างนะครับเดี๋ยวซวย ฮะฮ่า....
มาโม้กันต่อ อย่างในภาพยนต์นี่เยอะแยะไปหมด บินกันให้ว่อน ทะลุไปจักวาลไหนก็ไม่รู้ จะบอกว่ามั่วก็ไม่ได้เพราะบางเรื่องดันเอากฏของวิทยาศาสตร์มาอ้างอีก แค่ในปัจจุบันมันยังทำไม่ได้แค่นั้นเอง ยิ่งเป็นการ์ตูนนี่ของมักเลยครับขอบอก ผมก็โตมากับโดราเอม่อนเหมือนกัน สมัยนั้นก็เพี่ยบเลย ด๊อกเตอร์สลัมกับหนูน้อบอาราเร่ ,ค๊อบร้า ไซโคกันอันนี้มันส์มาก แก่แล้วก็หาดูเป็นระยะ มาคลอสอันนี้ตำนานเครื่องบินแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ ก่อนกันดัมซะอีก แต่ตอนหลังๆที่ตามมาคลอสออกมาผมก็เลิกดูแล้วครับ เพราะว่าไม่มีเวลาดูหรือมันอาจจะทะลุไปไกลกว่าที่จะตามทันแล้วก็ได้ แต่ให้สังเกตว่าในภาพยนต์ทางฮอลีวู๊ดช่วงหลังๆนี่ ยานอาวกาศเขาไม่ค่อยหรูหรามากเท่าไรละ บางเรื่องแค่เป็นลูกไฟกลมๆก็ได้แล้ว หรือบางเรื่องก็ใหญ่โต มโหรานเกือบครึ่งโลกก็มีแต่ดูรายละเอียดก็เห็นเป็นแท่งๆมั่งกลมๆมั่ง เต็มไปหมด ฯลฯ
ที่ร่ายยาวมาข้างบนนี้ก็เพื่อจะบอกว่า จินตนาการไม่มีขอบเขตจริงๆครับ ยิ่งงานโมเดลนี่ยิ่งต้องใช้เยอะมากๆ เช่น เราทำโมเดลเรือใช่ไหมครับ บางคนอาจจะใช้ โมสำเร็จที่เขาทำใส่กล่องให้มาประกอบเอง บางคนเริ่มจากไม่มีอะไรเลย ทั้งสองกรณี เกือบเหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันคือทำยังไงให้เรือมันเสร็จออกมาเป็นเรื่องราวได้สมบูรณ์ ราวกันตกบางคนใช้ของที่ให้มาใกล่องแต่บางคนเลือกไม่ใช้เพราะดูแล้วมันใหญเกินสเกลไปเยอะ ก็ไปหาสายไฟเปลือยๆเส้นทองแดงเส้นเล็กนิดเดียวมาใช้แทน ก็ได้ไม่ผิดครับ หรือจะใช้วิธียืดพลาสติกก็ได้เหมือนกัน แต่นั่นคือขั้นตอนการทำโมเดลไปแล้วครับ
ในขั้นตอนการออกแบบเรือเรื่องแรกๆเลยก็คือ เราอยากได้ "เรืออะไร" ครับ อันนี้สำคัญมากคำว่า "เรืออะไร" นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรือจริงๆทั่วไปก็ได้ ถ้าถามเด็ๆวัยสิบขวบ เขาอาจจะอยากได้เรือในการ์ตูนสักเรื่องก็ได้ครับ ถ้าถามวันรุ่น 18-22 ก็อาจจะอยากได้เรือสปีดโบ๊ทเท่ห์ๆ แล้วแต่ความอยากของแต่ละคนครับ ไม่ผิดเลยที่อยากได้ หรืออีกนัยหนึ่งคุณเองต่างหากที่ต้องการทำเรืออะไร เมื่อคิดออกแล้วก็ไปหาดูตัวอย่างหรือรูปภาพ ซึ่งตอนนี้มีให้ค้นหาอย่างมากมายและเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วมากครับนั่นเพราะความเร็วของอินเตอร์เนตมันย่อโลกได้แล้วจริงๆ(มั้ง) หลังจากนั้นคุณก็เริ่ม "วาด" ลงบนกระดาษเปล่าๆ เหมือนเรียนวาดเขียนนี่แหละครับ สวยไม่สวยช่างมัน ทำบ่อยๆเดี๋ยวสวยเองเชื่อผม ผมทำมาแล้ว............แต่ทุกวันนี้ก็ห่วยเหมือนเดิมอยู่ครับ 5555555
ทุกอย่างอยู่ที่การเรียนรู้และฝึกฝนครับ รู้อย่างเดียวไม่พอต้องทำด้วยครับ คุณรู้ว่าคุณอยากได้หัวเรืออย่างนี้ คุณก็ต้องวาด หรือเขียนมันออกมาให้ได้ครับ ทำทีละส่วนก็ได้ครับ จะเริ่มที่หัวเรือ หรือท้ายเรือก่อนก็ได้ หรือวาดทั้งลำก็ได้ไม่ผิดกติกาอันใดเลย ถ้าใครบอกว่าผิดให้มาเถียงกับผมได้ ครับการออกแบบเรือ 101 ก็มีแค่นี้ครับ แค่นี้จริงๆครับหรือใครมีมากกว่านี้ก็เสริมมาได้ครับยินดีรับความเห็นทุกท่านครับ คิดให้ออกครับว่าคุณอยากได้อะไร เมื่อคิดออกแล้วก็ วาดมันลงกระดาษเลยครับ อย่าปล่อยไว้นานเดี๋ยวลืม เมื่อได้รูปร่างหน้าตาคร่าวๆแล้ว ทีนี้ก็ลองมาใส่ขนาดเข้าไปคุณก็จะเริ่มมองเห็นภาพลางๆละ ว่าเรือคุณเป็นเรือที่ใช้จริงๆ หรือเป็นเรือในจินตนาการที่ไม่มีวันได้ออกมาจากแผ่นกระดาษ(เพราะคุณยังไม่ชอบไม่พอใจนั่นเองครับ) ดังนั้นขั้นตอนนี้กับการลบจนกระดาษขาดถือเป็นเรื่องธรรมดามากครับอย่าได้คิดท้อถอยเป็นอันขาด จอมยุทธฝึกซ้อมยังใช้กระบี่ไม้เลยครับที่สำคัญโดนอาจารย์ทุบแข้งขาหักก็บ่อยไป..555555
สมัยก่อนที่เขียนกันด้วยมือนี่ สาหัสจริงๆครับ กระดาษไขกับหมึกมีอยู่วิธีเดียวที่นึกออกคือใบมีดโกนครับ ยินเล็ต บางๆคมๆนั่นแหละครับ ถ้ากระดาษขาดก็งานงอกครับเริ่มใหม่หมดทั้งแผ่น อาจจะมีคนถามว่าทำไมไม่สอนเขียนแบบด้วย CAD ขอตอบว่า CAD มันแพงครับเดี๋ยวนี้เท่าที่ทราบเขาไม่ขายขาดแล้วครับมีแต่ให้เช่าเป็นรายเดือน สอนน่ะได้ครับ ใครอยากเรียนก็เตรียมคอมพิวเตอร์พร้อม CAD ให้ก็ได้ครับ ที่ผมมาเริ่มแนะนำ(อย่าเรียกว่าสอนเลยครับ ผมไม่คู่ควรที่จะสอนใครครับเพราะผมไม่ชอบมีกฏที่ต้องทำตามเท่าไรนัก)การออกแบบ เขียนแบบเรือจำลองด้วยมือก็เพราะว่ามันใช้ทุนน้อยมาก ทุกท่านที่สนใจไม่ต้องเสียเงินเพื่อซื้อของแพงๆมาใช้ ดินสอแท่งละสิบ ยี่สิบบาท ไม้ฉากสามเหลี่ยมชุดเล็ๆก็สาม สี่สิบบาท ไม้บันทัดโค้งๆ นี่แพงหน่อย แปดสิบกว่าบาทตอนนี้อาจจะเกินร้อยไปแล้ว ไม้สเกลสามเหลี่ยมก็ร้อยกว่าบาท ยางลบสองอันสิบบาท เทปกาวติดแบบกับโต๊ะ ยี่สิลละครับวันก่อนเห็นที่เซเว่นฯ หรือถ้าจะทำกระดาร DIY ก็ลงทุนอีกห้าสิบกว่าบาท รวมๆแล้วก็ สามร้อยกว่าบาทได้มั๊งครับ ยุคนี้เงินสามร้อยถึงแม้จะน้อยแต่สำหรับบางคนก็เหนื่อยนะครับกว่าจะหาได้แต่ละวัน ผมเองยังหาไม่ได้เลยตอนนี้ ก็อาศัยแม่บ้านเขานี่ล่ะครับ กับบุญเก่า นานๆจะส่งผลซักที ช่างมันครับ ทุกคนก็มีวิถีทางของตัวเองทั้งนั้น
เท่าที่ผมเล่ามาหลายๆท่านคงมองภาพรวมออกมั่งไม่มากก็น้อยแล้วครับ ที่สำคัญคือ ทำบ่อยๆ ในทุกขั้นตอนครับ แล้วคุณจะชินแล้วก็จะเกิดความชำนาญตามมา เรื่องอย่างนี้ไม่มีทางลัดนะครับ นอกจากคุณรวยก็ไปจ้างเขาทำเอาดีกว่าครับ อยากได้แบบไหนก็สั่งไปเลยครับ ผลงานตามราคาครับแล้วก็รอ ว่าจะมาตามนัดหรือไม่ ผมยังเสียดายเลย ถ้าไม่มี โควิด19 ก็จะมีโมเดลเรือ ราคาเกือบแสน มาอวดให้ชมกันละ เจอ โควิด19 เข้าไปเลยหายเงียบกันหมดเลย เฮ้อ
ก็ยังสู้ต่อได้ครับ ช่วงนี้ก็จะโผล่มาบ่อยหน่อย แต่ถ้าช่วงไหนกินอิ่มนอนหลับ ก็อาจจะหายไปนานหน่อยแค่นั้นเองครับ คืนนี้ก็ ราตรีสวัสดิทุกท่านครับ 27-5-2565 1.55 น.
บทความสำหรับมือใหม่หัดเขียนแบบ
25 ตุลาคม 2566 23:22 น. สวัสดีครับทุกท่าน พาเขียนแบบเรือ ทำโมเดลเรือมาซะนาน วันนี้จะเรียกว่าเป็นบทความสำหรับมือใหม่หัดเขียนแบบก็แล้วกัน ท่านที่เขียนแบบเป็นแล้วก็ข้ามตอนนี้ไปได้เลยครับ เดี๋ยวจะหาว่าหลอกให้มาอ่านกันเปล่าๆ
บทความที่แล้วมา ผมได้แนะนำว่า ถ้าใครเขียนแบบไม่ได้ก็ให้หัดเขียน เลยนึกขึ้นได้ว่า สำหรับคนที่เริ่มเขียนแบบจากศูนย์ มันจะยากมากจริงๆ เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง จะบอกว่าให้ไปหาอ่านเอาในกูเกิลก็ได้ ดูมันปัดความรับผิดชอบไปหน่อย วันนี้ก็เลยอยากจะมาแนะแนวทางเบื้องต้นสำหรับการเขียนแบบก็แล้วกันครับ เมื่อทำความเข้าใจแล้วก็ไปหาวิธีฝึกฝนได้ตามสบาย
จำได้ว่าตอนเรียน ม.ศ.2 ที่ต่างจังหวัด ก็ได้แบก "ไม้ที" ไปโรงเรียนกันแล้ว เพราะมีวิชาเขียนแบบเบื้องต้น อาทิตย์ละหนึ่งชั่วโมง อุปกรณ์ก็มี ดินสอธรรมดา ยางลบ ไม้สามเหลี่ยมพลาสติกสองอัน มุม 30 กับ 60 หนึ่งอัน และ 45 องศาอีกหนึ่งอัน แค่นั้นเอง ดินสอกด ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาและไม่รู้ว่ามันมีอยู่ในโลกนี้ด้วยซ้ำ โต๊ะเขียนแบบก็โต๊ะเรียนธรรมดานี่แหละครับ มีขอบโต๊ะด้านข้างเรียบๆตรงๆหน่อย เอาไว้ให้ไม้ทีเกาะเวลาเลื่อนขึ้นลงสำหรับตีเส้นแนวนอน และใช้ฉากพลาสติกเขียนเส้นในแนวตั้ง โดยเอาฉากมาตั้งบนสันของไม้ทีที่เกาะอยู่กับขอบโต๊ะ แล้วก็เลื่อนฉากไปซ้าย ขวา ตามตำแหน่งที่ต้องการ เส้นแนวตั้งที่ได้ก็จะตั้งฉากกับไม้ที หรือเส้นที่เขียนตามแนวนอนนั่นเอง
ประมาณภาพข้างบนนี้แหละครับ อ้อมีกระดาษกาวอีกม้วนเล็กๆ แต่สมัยนั้นบ้านนอกไม่มีขายมีแต่เทปกาวใสม้วนเล็กๆ เวลาจะใช้นี่แกะยากจริงๆ เพิ่งมารู้เอาไม่กี่เดือนมานี้เองว่ามีวิธีแกะให้ง่ายๆก็คือ เมื่อเราใช้ครั้งล่าสุดแล้ว อย่าให้ปลายเทปหรือกระดาษกาวมันกลับไปแปะติดกับม้วนเด็ดขาดไม่งั้นจะใช้ครั้งต่อไปนี่หากันตาเหล่เลยทีเดียว
เหลือปลายเทปกาวไว้หน่อยนึงครับ
แล้วพับให้ด้านที่มีกาวเหนียวๆมาติดกัน แค่นี้เวลาใช้ครั้งต่อไปก็ไม่ต้องไปไล่หาแล้วครับ
นั่นคืออดีตเด็กน้อยที่เริ่มเขียนแบบครั้งแรก เนื้อหาที่คุณครูเอามาสอนในคาบเรียนก็คือ เริ่มจากการรู้จักวัตถุ หรือชิ้นงานที่จะเอามาเขียนเป็นแบบ หรือ PLAN ในที่นี้ผมก็จะเอาตามที่ท่านว่ามาบอกต่อเลยละกัน
แบบ หรือ PLAN คืออะไร ทำไมต้องมี ต้องเขียน ต้องเรียนตั้งแต่ ม. ต้นด้วย คำตอบก็คือ แบบ เป็นหลักฐาน เป็นลายแทง เป็นวิธีการจดบันทึกแบบหนึ่งนั่นเองครับ เพื่อจะบอกคนที่มาดู มาอ่านว่า ไอ้เจ้ารูปที่อยู่ในกระดาษ หรือฯ นี้มันคืออะไร หน้าตาเป็นอย่างไร มีขนาดเล็กใหญ่เท่าไหร่ ทำด้วยอะไร เอาอะไรมาต่อกับอะไรที่ตรงไหน ทำอะไรก่อนหลัง ฯลฯ แล้วทำไมต้องมีแบบด้วย จำเอาไว้ในหัวไม่ได้หรอ ขอตอบว่า จำได้หมด จำได้นานหรอครับ บางคนความจำดีก็จำได้จนวันตาย แต่พอตายไปแล้วความรู้หรือของ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จำเอาไวมันก็หายตามเจ้าของหัวไปด้วยนั่นเอง คนรุ่นหลังจะทำมั่งก็ต้องมางมกันใหม่ หรือโชคดีหน่อย ก็ไปลอกเอาจากของเดิมที่ทำไว้แล้วมันยังอยู่ ไม่พังไปซะก่อน แต่จะลอกจะก๊อปอย่างไรมันก็ไม่เหมือนอย่างแน่นอน แค่ คล้ายๆเท่านั้นเอง จะคล้ายมากหรือน้อยอยู่ที่คนก๊อปแล้วครับ แล้วทำไมต้องเรียนเขียนแบบตั้งแต่ ม. ต้นด้วย อันนี้ตอบไม่ได้ครับ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนออกหลักสูตรนี้มาให้เด็ก ม. ต้นเรียน ต้องไปหาเอาเองครับ
ทีนี้มาว่าถึงเนื้อหาที่เรียนกันมั่ง ในเบื้องต้น เรามาทำความรู้จักกับรูปร่างหรือรูปทรงของวัตถุกันก่อน วัตถุที่เป็นของแข็งที่มีอยู่ในโลกนี้มันอยู่ในรูปร่างไม่กี่อย่างเองครับ ที่ดูยากหน่อยก็พวกก้อนหิน ขรุขระ เบี้ยวไปมา หาเหลี่ยมหามุมไม่ได้เพราะมันมีเยอะมาก หรือไม่มีเลยก็ได้เป็นก้อนหินเกลี้ยงเกลา ย้วยไปย้วยมา รูปร่างแปลกตา ต้นไม้ ดูเหมือนจะคตไปโค้งมา แต่ก็จะอยู่ในรูปทรงกระบอก หรือรูปทรงกรวย ฯลฯ ส่วนวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้น ก็จะอยู่ในรูปทรงของ สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือมากกว่านั้น อยู่ในรูปทรงกระบอก ทรงกลม ทรงปิรามิด ฯลฯ และจากรูปทรงดังกล่าวก็ไปพัฒนาต่อไปอีกเป็นหลายอย่างแต่ถ้าดูโดยรวม ก็จะอยู่ในรูปทรงดังที่กล่าวมาแล้วทั้งสิ้น ทรงกระบอกใส่ซี่เล็กๆเข้าไปที่ขอบนอกก็กลายเป็น ฟันเฟือง
กล่องสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ก็ว่ากันไปว่าจะทำให้มันเป็นอะไร
ที่คุณครูสอนมาและผมจำได้ก็มีประมาณนี้แหละครับ ซึ่งก็ได้ใช้มาจนทุกวันนี้นั่นเอง
ทีนี้จะเริ่มกันยังไง ก็นี่เลยครับมาดูภาพกัน
กล่องในภาพที่ 1 จะเห็นผมใส่ตัวอักษรกำกับไว้ F ,S ,T ก็คือ F คือด้านหน้าด้านที่เรามองเห็นในสภาวะปรกติ เหมือนเราเดินไปสวนกับใครเราก็เห็นด้านหน้าของคนที่สวนกับเรานั่นเอง ในที่นี้ ด้านหน้ากับด้านหลังมีขนาดที่เท่ากันคือ เหมือนกันนั่นเอง
S คือด้านข้างที่เราจะเห็นก็ต่อเมื่อเราไปยืนมองอยู่ข้างๆวัตถุนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา ในที่นี้ ข้างซ้ายและขวา มีขนาดเท่ากันหรือเหมือนกันนั่นเอง
T คือด้านบนคือด้านที่เมื่อเรายืนมองวัตถุนั้นแบบปรกติ เราจะไม่เห็นด้านนี้จนกว่าเราจะพลิกมันลงมาหรือขึ้นไปยืนอยู่เหนือวัตถุนั้น ในที่นี้ ด้านบนกับด้านล่าง มีขนาดเท่ากันหรือเหมือนกันนั่นเอง
การเขียนแบบจะได้ข้อมูลหรือขนาดมาจากสองกรณีคือ มีวัตถุอยู่แล้วเราก็ไปวัดขนาดมาเขียนได้เลยนั่นคือการ ก๊อปปี้ข้อมูลมาเขียน และอีกหนึ่งคือ เราคิดขนาดของวัตถุขึ้นมาเองอันนี้เรียกว่าเราออกแบบเอง
แบบที่เราจะเขียนโดยทั่วไป เราจะเขียนแค่ สามด้าน ของวัตถุเท่านั้น คือ ด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน นอกจาก วัตถุทรงกลม ทรงกระบอก ทรงกรวย ฯ ที่เขียนเพียงสองด้านเท่านั้นคือ ด้านข้างและด้านบน เว้นว่าจะมีวัตถุอื่นติดอยู่ ก็ต้องเขียนให้ชัดเจนว่ามันอยู่ตรงไหนของวัตถุนั้น
ภาพหมายเลข 2 เป็นภาพของวัตถุทรงกระบอกตั้งอยู่ จะดูด้านไหนก็เหมือนกันหมด เลยเขียนแค่ด้านหน้าและด้านบน เท่านั้น
ภาพหมายเลข 3 เป็นวัตถุรูปทรงสี่เหลี่ยม มีท่อกลมๆเสียบอยู่ด้านข้างขวา แบบที่เขียนก็จะมี ด้านหน้า ด้านข้างและด้านบน ถ้าจะให้ครบก็เขียนด้านข้างทั้งซ้ายและขวาด้วย
ภาพทั้งสามหมายเลข จะมีเส้นบอกขนาด ความกว้าง ความยาว ความสูง เส้นผ่าศูนย์กลาง สัญาลักษณ์คือที่มีตัวอักษรกลมๆแล้วมีเส้นตรงเฉียงจากซ้ายล่างขึ้นไปบนขวาเลยไปนิดนึงอยู่ข้างหน้าตัวเลข
บางทีวัตถุที่เราจะเอามาเขียนแบบนั้นเราก็ไม่รู้ว่า ด้านไหนเป็นด้านหน้า ด้านข้าง ก็ไม่เป็นไรครับ เรากำหนดเอาเองไปเลย
ภาพบน เป็นตัวอย่างครับ สมุติว่าเราไปบ้านเพื่อนเห็นไอ้เจ้าชิ้นนี้มันตั้งอยู่ เราอยากได้โดยทำขึ้นมาเองน่าจะถูกกว่าไปซื้อเขา ก็ยืมไม้บรรทัดเพื่อนวัดขนาดและเขียนใส่กระดาษมา ก็จะได้แบบด้านหน้า ขามันสูงเท่าไหร่ กว้างเท่าไหร่ ขามันห่างกันเท่าไหร่ และมีแผ่นบนหนาเท่าไหร่ยาวเท่าไหร่ ขามันห่างจากขอบที่กว้างที่สุดเท่าไหร่ ถัดไปเขียนแบบด้านข้างตามที่เราเห็น แสดงว่าขามันเป็นสี่เหลี่ยมแหงๆ มีสี่ขาแน่นอน มีระยะห่างด้านข้างของขาทั้งสอง นั่นคือเราได้ต่ำแหน่งของขาทั้งสี่แล้วนั่นเอง แบบถัดมาเป็นด้านบน เราก็จะได้ขนาดของแผ่นด้านบนว่า กว้าง ยาวเท่าไหร่ แค่นี้ข้อมูลก็ได้ครบแล้ว สามารถไปหาวัสดุมาตัดตามขนาดที่เราเขียนในแบบทั้งสามได้เลย ถามว่า อ้าว ใช้มือเขียนอย่างเดียวก็ได้หรือ ได้สิครับ ถึงจะเขียนเส้นตรงแบบไม่ตรงก็ตาม แต่ข้อมมูลครบถ้วน ที่เหลือก็เป็นวิธีติดตั้งขาทั้งสี่ตามตำแหน่งที่เราวัดได้เท่านั้นเอง วิธีเขียนแบบอย่างนี้ผมใช้บ่อยมากในการทำงาน เรียกว่า การสเก็ตซ์แบบ แบบประเภทนี้ไม่เข้าสเกลหรือไม่มีอัตราส่วนนะครับ วาดให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับชิ้นงานก็พอแล้วใสขนดกำกับไว้ให้ชัดเจนแม่นยำ เพื่อนำมาเขียนใหม่บนกระดานเขียนแบบหรือในคอมฯ ซึ่งขั้นตอนนี้ก็จะใช้มาตราส่วนหรือสเกลเพราะบางครั้งชิ้นงานอาจจะมีขนาดใหญ่มาก หรือเล็กมากนั่นเอง เพื่อจะได้นำไปจัดวางในแบบอื่นๆต่อไปนั่นเองครับ
อธิบายมาซะยาวเลย อาจจะงงๆกันบ้างก็ขออภัยด้วยครับ ผมว่ามันก็ยากเหมือนกันนะ ที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจได้แบบสั้นๆ ก็เลยต้องรวบทั้งหมด มันเลยยาวหน่อย ที่เหลือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนทักษะกันเอาเองแล้วครับ น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย
วันนี้มีเพียงเท่านี้ครับ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่าน ขอให้มีสุขภาพที่ดีกันถ้วนหน้าครับ
26-10-2566 1:56 น.
หลักสูตร การออกแบบ และเขียนแบบเรือจำลอง 1
15 กันยายน 2564
ขอขยายความเกี่ยวกับหัวข้อด้านบนนะครับ
การออกแบบเรือจำลอง
1. คุณลักษณะของเรือ: เรื่องนี้ ก็จะเป็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ
"เรือ" ซึ่งดูๆไปแล้วก็เหมือนไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ก็ต้องมาปรับมุมมองให้
เป็นไปในทางเดียวกันก่อนครับ แต่จะว่าไป ก็ไม่มีอะไรมากครับ เพราะเรือ
ของแต่ละคน ก็จะออกมาในแนวที่ตัวเองเคยเห็นมา ทั้งเรือจริงๆ หรือเห็น
อยู่ในสื่อหรือ ภาพยนต์ต่างๆ ฯลฯ และในปัจจุบันด้วยอินเตอร์เนตที่เข้าถึง
ง่าย อยู่ในมือกันเกือบทุกคน อยากดูเรืออะไร แบบไหน ก็ไม่เป็นเรื่องยาก
อีกต่อไป แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ถึงแม้ว่าเรือจะมีอยู่หลากหลายประเภท
อาจจะแบ่งตามการใช้งาน หรือแบ่งตามสถานที่ที่นำไปใช้งานก็ตาม สิ่งที่
ยังคงบ่งบอกถึงการเป็นเรือก็คือ ตัวเรือ หรือ HULL และตัวเรือประเภท
ต่างๆก็จะออกแบบตามการใช้งาน หรือ สถานที่ที่นำเรือไปใช้งานนั่นเอง
อ่านแล้วก็งงนะครับ อ้างกันไปมา แต่มันก็เป็นเรื่องจริงนะครับ
แต่ในการออกแบบเรือจำลองนี่ เอาตามที่ชอบเลยครับ เพราะเรา
ไม่ได้เอาไปใช้งานจริง จะออกแบบให้แปลก หรือให้เหมือนกับเรืออะไร
หรือไปลอกแบบเรืออะไรก็ได้ที่เราอยากได้เป็นเรือจำลองแล้วมันไม่มีขาย
ในท้องตลาดหรือหาซื้อไม่ได้ ก็ออกแบบทำซะเองเลยก็ได้ครับ แต่ถ้าจะทำ
ให้เหมือนจริงๆก็ต้องหาข้อมูลของเรือลำนั้นให้ได้มากๆนะครับ และก็ต้อง
ฝึกทักษะทางช่างกันเยอะทีเดียวครับ ไม่ว่าจะช่างเขียนแบบ ช่างแกะสลัก
ช่างขัดกระดาษทราย ช่างตัด ไม่ว่าจะตัดด้วยมีด คัตเตอร์ เครื่องตัดไฟฟ้า
ขนาดต่างๆ ช่างไฟเบอร์กลาส ......สารพัดช่างที่คุณนึกออกครับยิ่งเป็น
ช่างได้มากเท่าไร ผลงานที่ได้ก็จะดี สวยงาม และง่ายขึ้นมากเลยครับ และ
เวลากับวัสดุที่ใช้ก็จะน้อยตามมาด้วยซึ่งก็จะทำให้ใช้ทุนน้อยลงตามไป
ด้วยนั่นเองครับ แต่มือใหม่ไม่เป็นอะไรเลยก็อย่าเพิ่งไปท้อนะครับ เรื่อง
อย่างนี้ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิดครับ ค่อยเริ่มหัดทำทีละอย่าง ทีละน้อย
เบื่อหรือเหนื่อยก็หยุดซักพัก มีไฟแล้วค่อยมาทำใหม่ เดี๋ยวมันก็ชินไปเอง
ครับ อาจจะต้องใช้เวลากันหน่อย แต่ถ้าคุณไม่ท้อ ไม่เลิก ผลที่ได้มันน่า
ชื่นใจเสมอครับ
ภาพจาก https://www.i.pinimg.com
จากอดีตน่าจะเริ่มตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปเรื่อยมา การ
ออกแบบเรือ ก็ได้แบ่งลักษณะตัวเรือหรือ hull ออกไปตามปะเภทการใช้
งานหรือตามลักษณะภูมิประเทศที่นำเรือไปใช้หรือทั้งสองประการรวมกัน
จึงแบ่งลักษณะของตัวเรือหรือ hull เมื่อตัดตัวเรือตามขวางหรือ section
ออกมาได้เป็นสามประเภทใหญ่ๆตามรูปด้านบนครับ
Flat Bottoms : ท้องเรือจะแบนเรียบ หรืออาจจะโค้งเล็กน้อย
ด้านข้างเรือก็ตั้งฉาก หรือ อาจจะทำมุมออกด้านข้างเล็กน้อย
ก็แบ่งย่อยออกเป็นสามลักษณะคือ Slow or Farge ,Dory or Skiff
,Arc Bottom เรือที่ออกแบบท้องเรือลักษณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นเรือ เวิคร์โบ๊ท
หรือเรือที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆเช่น เรือที่ติดตั้งเครน หรือเครื่องมือ
หนักต่างๆ เรือที่บรรทุก วัสดุเทกองเช่น ทราย หิน ฯลฯ เน้นไปที่น้ำหนัก
บรรทุกและสามารถนั่งแห้งได้เมื่อเวลาน้ำลง มีความเร็วไม่มาก หรือไม่ก็
ไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยตัวเองได้ ต้องใช้เรืออีกลำมาลากไปยังจุดหมาย
เช่นเรือ BARGE หรือเรือโป๊ะในบ้านเราฯ ภาพด้านล่างคือ เรือโป๊ะ ที่มองจากด้านหน้าหัวเรือเข้ามาครับ
ภาพด้านล่าง ก็เป็นเรือ BARGE อีกประเภทหนึ่ง เคลื่อนที่ด้วยการใช้เรือ
มาดันที่ท้ายเรือ หรือจากใช้ลากจากหัวเรือก็ได้ครับ เรือลำนี้เป็นของ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือเรียกสั้นๆว่า EGAT อายุของลำนี้
ก็เกือบๆสามสิบปีแล้วครับ เพราะเป็นเรือที่ผมถูกส่งไปตอนที่เข้ามาทำงาน
ด้านนี้ไม่ถึงเดือนครับถ้าจำไม่ผิดก็ราวๆนั้นต่อที่อู่ต่อเรือใน จ.ปทุมฯ
นี่เองครับ ต้องขออภัยครับที่ผมจำชื่ออู่ไม่ได้ซะแล้ว ฝีมือช่างตอนนั้น
ดีมากทีเดียวครับ รูปนี้ถ่ายตอนทำบทความเรื่อง แม่น้ำเจ้าพระยาครับ
Vee Bottoms : ท้องเรือก็จะมีลักษณะเป็นรูปตัว v ก็แบ่งย่อยเป็นอีกสามลักษณะคือ Vee ,Deep Vee ,Double Chine คำว่า Chine ถ้าแปลตรงๆก็คือ "สันข้างเรือ" ครับ แต่ส่วนใหญ่ผมจะเรียกทับศัพท์ไปเลยครับ เข้าใจง่ายกว่า เรือบางลำมีมากกว่าสองครับ และบางทีเรือประเภท Flat Bottoms ก็มีลักษณะเป็น Vee และมี Chine มากกว่าหนึ่งก็มีครับตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือเรือ โป๊ะสีดำๆที่ร้อยพวงลากกันในแม่น้ำเจ้าพระยานั่นเองครับ ท้องเรือลักษณะนี้ ส่วนมากจะเป็นเรือที่ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง สปีดโบ๊ท นี่
ต้องใช้แบบนี้ซะส่วนใหญ่ครับ และเรือยอชน์ขนาดกลางๆก็ด้วย เรือรบ
เช่นเรือลาดตะเวนชายฝั่งก็ใช้แบบนี้ด้วยเหมือนกันครับ
ภาพด้านล่างนี้เป็น section หรือรูปตัดที่กลางลำเรือของเรือ
SPEED BOAT ครับ
Round Bottoms : หรือที่บ้านเราเรียกว่า เรือท้องกลมนั่นเองครับ
แบ่งออกเป็นสามลักษณะเหมือนกันคือ Motor ,Sailing Dinghy สองอย่าง
นี้ดูไปก็เหมือนเรือใบยุคเมื่อสองร้อยกว่าปีมาแล้วครับ ปัจจุบันเรือยุคใหม่ๆ
ผมก็ยังไม่เคยเห็นเลย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนะครับ อาจจะมีใครต่อขึ้นมาที่
ไหนสักแห่งบนโลกนี้ก็ได้ครับ ,Keel Sailboat ส่วนแบบนี้ ปัจจุบันก็ยังคง
ต่อใช้งานกันอยู่อย่างแพร่หลายครับ เป็นเรือใบขนาดเล็กไปจนถึงขนาด
ใหญ่มากๆ ก็ใช้การออกแบบลักษณะนี้เหมือนกันครับ เรือท้องกลม
ปัจจุบันหาดูค่อนข้างยาก ในบ้านเราส่วนใหญ่ก็เรือประมงที่ต่อด้วยไม้
ที่มีปัญหากัย อียู เมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละครับ ตอนนี้ก็จอดผุพังคาท่าเรือ
ไปเยอะแล้ว ไม่รู้รัฐบาลแก้ปัญหาตรงนี้ไปถึงไหน เสียดายครับ เรือไม้ดีๆ
ถ้าไม่ให้ทำประมง น่าจะอณุญาติให้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นได้มั่ง.........
ภาพด้านบน เป็นแบบ section บางส่วนของเรือขนาดยาว
ประมาณ 40 เมตรครับ เป็นเรือพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ จุนักดำน้ำ
ได้หลายสิบคนอยู่เหมือนกันครับ
มาถึงตรงนี้บางคนอาจจะสงสัยว่า อ้าว แล้วไม่มีพวกเรือสองท้อง
สามท้อง หรือเรือ ไฮโดรฟรอยหรือ???? มันก็เอาท้องเรือในสามกลุ่มนี้
ไปออกแบบรวมกันนั่นเองครับ สลับไปมา เอาครีบมาใส่ใต้ท้องเรือมั่ง ฯ
แล้วแต่จะออกแบบกันออกมาครับ
ภาพด้านบน เป็นแบบ MIDSHIP SECTION หรือแบบตัดกลางลำ
ของเรือ CATAMARAN ออกแบบและต่อในบ้านเราครับ จะเห็นว่าท้อง
เรือทั้งสองข้างมีลักษณะโค้งมนเหมือนแบบ Motor
นอกจากที่กล่าวมาข้างบนแล้ว ลักษณะของเรือก็ยังจะมีและเป็นได้
อีกหลากหลายมาก ตามแต่ผู้ออกแบบและหรือ เจ้าของอยากจะให้เป็น
เมื่อหลายปีมาแล้วยังมีคนทำเรือให้เหมือนเครื่องบินโบอิ้ง 747
เลยครับ แล้วก็เอาไปใช้งานจริงๆด้วย ในทางกลับกันก็มีคนคิดที่จะเอา
เครื่องโบอิ้ง 747 ที่ปลดแล้ว มาทำเป็นเรือ ก็ยังมีมาแล้วครับ ถามว่า
เอาเครื่องบินมาทำเรือได้หรือ? ตอบว่าได้ครับ แต่ไม่ใช่ว่าเอาเครื่องบิน
ทั้งลำมาลอยน้ำเป็นเรือ......จำได้ว่า ทำแบบคอนเซปเบื้องต้นไปแล้วด้วย
แล้วก็เงียบไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทั้งเครื่องบินทำเป็นเรือ และงานที่เงียบ
หายไป ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่ได้เอามาใส่ใจให้เปลืองเวลาครับ เวลา
ของทุกคนมีค่าทั้งนั้นครับ ใช้มันให้เต็มที่ให้คุ้มค่า........
คุณลักษณะของเรือ สำหรับผมก็คงจะอธิบายเป็นตัวหนังสือได้เท่านี้
ครับ แต่ถ้ามีโอกาศได้คุยกันสดๆ ก็อาจจะยาวกว่านี้เยอะเลยครับ 55555
......................................................................
16 กันยายน 2564
2. แนวคิดในการออกแบบ"เรือจำลอง": หัวข้อนี้ก็จะอธิบายถึง
แนวคิด หรือ จินตนาการ ซึ่งแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน แล้วแต่ "มุมมอง"
ของแต่ละคน
หัวข้อนี้อธิบายค่อนข้างยากครับ เพราะมันเป็นเรื่องของความชอบ
เรื่องของอารมณ์ และความคุ้นชินของแต่ละคน เช่นคนที่มีบ้านอยู่ริมคลอง
ก็จะคุ้นชินกับภาพของเรือพาย เรือแจว เรือหางยาว ตอนเด็กๆ ถ้าครูให้
วาดภาพอะไรสักอย่างก็ได้ เด็กเหล่านี้ก็จะวาดภาพที่มีเรือพาย หรือ
เรือหางยาวประกอบอยู่ในภาพนั้นด้วย แต่ถ้าเป็นเด็กที่อยู่ต่างจังหวัดไกล
จากแม่น้ำลำคลอง แต่มีสระมีลำห้วย มีอ่างเก็บน้ำ ก็จะเห็นเรือพาย
เรือแจวซะเป็นส่วนใหญ่ แต่มาปัจจุบันนี้อย่างที่บอกไปในหัวข้อที่แล้ว เรือ
ในความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปจากเดิม.....เรียกว่าเปลี่ยนคงไม่ได้ครับ
ต้องเรียกว่า เรือของพวกเขามีเพิ่มมากขึ้นมาอย่างที่เจ้าตัวก็นึกไม่ถึง
เหมือนกัน นั่นเพราะ อินเตอร์เนต ได้เข้ามาอยู่ในมือของคนส่วนใหญ่แล้ว
นั่นเอง
ผมขอยกตัวอย่างเรื่องจริงเลยก็แล้วกันนะครับ บริษัทเราได้รับการ
ติดต่อ ว่าอยากจะได้เรือ DIVING สักลำ ขนาดยาวไม่เกินสี่สิบเมตร ฯลฯ
ก็นัดวันเวลาคุยกัน ปรากฏว่า เรือที่ว่าจะเอาไปใช้งานบริเวณเกาะภูเก็ต
และเกาะต่างๆในทะเลอันดามัน ความต้องการของเจ้าของเรือคือ รับ
นักดำน้ำได้อย่างน้อย ยี่สิบห้าคน(อยู่บนเรือหลายวัน) มีห้องพัก และห้อง
ต่างๆอย่างเพียงพอต่อการใช้งานในการพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ.......
หลังจากที่ได้คุยกันครั้งแรก เจ้านายผมก็เริ่มออกแบบ "ตัวเรือ" ก่อน
เพื่อดูว่า รูปร่างหน้าตาพอที่จะไปลุยทะเลแถบนั้นได้หรือไม่ ออกแบด้วยมือ
นะครับ สเกตออกมา กว่าจะได้ก็หมดกระดาษไปหลายแผ่นครับ แล้วก็เอา
มาเขียนเข้าสเกลอีกที ว่าระยะต่างๆ ห้องที่กำหนดไป มันได้ไหม ช่วงนี้ก็
จะใส่เก๋งเรือเข้าไป กี่ชั้นก็ตามที่เจ้าของเรือต้องการ ปรับไปมาอยู่หลาย
หน ก็ลงหมึก แล้วนำไปถ่ายพิมพ์เขียว เพื่อเตรียมเสนอผู้
ว่าจ้างในการประชุมครั้งต่อไป ขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้น สองถึงสามครั้ง หลัง
จากคุยกันครั้งแรก และนำเสนอแบบเรือพร้อมสัญญาจ้างออกแบบเรือ เมื่อ
ตกลงว่าจ้างออกแบบเรือกันแล้ว ก็จะเริ่มประชุมเพื่อพิจารณา
แบบ GA(General arrangement) หรือแบบทั่วไป ครับ และก็จะมีนัด
ประชุม ปรับแบบอีกหลายหน กว่าจะเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย เพราะฝ่ายผู้
ออกแบบก็ต้องออกแบบเรือให้อยู่ขอบเขตกฎหมายด้วย ซึ่งบางเรื่อก็ไม่
เป็นที่ชอบใจของเจ้าของเรือแต่ก็ต้องยอมเพราะกฏหมายกำหนดไว้นั่นเอง
เอ่อ....เรื่องจริงมันดูจะเครียดไปหน่อย เอางี้ครับ แนวคิดในการ
ออกแบบเรือ ไม่ว่าจะเรือจริง หรือเรือจำลอง เรือเด็กเล่น เรือผู้ใหญ่เล่น
หรือจะให้ใครเล่นก็ตาม ก็ถามคนเล่นเลยครับหรือถ้าคนที่เล่นเป็นตัวเรา
เองก็ถามตัวเองเอาครับ ว่าอยากจะเล่น อยากจะได้เรืออะไร ก็เอาเรือที่
เราตั้งใจจะเล่น จะมี นั่นล่ะครับ มาทำ มาเป็นแนวทางออกแบบ เมื่อได้
เรือในดวงใจแล้ว ข้อต่อมาที่ต้องทำคือ หาข้อมูล หารูปเรือชนิดนั้นเอามา
ดูให้มากที่สุด ดูๆๆๆๆๆๆ ไม่ว่าจะเป็นรูป เป็นคลิป เป็นตัวหนังสือแม้ว่าจะ
เป็นภาษาอังกฤษ ก็ตาม มันเป็นการฝึกตัวเองไปด้วยครับ ผมเองก็ใช้วิธีนี้
บ่อยๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อหลายปีมาแล้วสมัยเนตยังแพง ความเร็วแค่
256 K/b ต้องเติมเงินทีละร้อยยี่สิบ ฯ.......ผมก็ใช้ google หารูปเรือมาดู
บ่อยๆ ก็มีรูปเรือรบลำหนึ่งเด้งขึ้นมา มองด้านหน้า ด้านข้างก็งั้นๆ เหมือน
เรือรบสมัยใหม่ทั่วๆไป แต่พอเห็นรูปด้านท้ายเรือเท่านั้นแหละครับ มันเป็น
อะไรที่โดนใจมากๆ เป็นดีไซด์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นเรือรบของ รัสเซียครับ
เรือลำนี้อยู่ในชั้น KIROV CLASS..........หลายท่านคงจะคุ้นตาดีอยู่แล้ว
ภาพด้านล่างนี้มาจาก
https://picryl.com/media/a-port-quarter-view-of-the-soviet-kirov
-class-nuclear-powered-guided-missile-36c002?zoom=true
สองภาพด้านบนเป็นบริเวณท้ายเรือชั้น Kirovซึ่งผมก็หาข้อมูลต่างๆมานานมาก สมัยเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น หาได้ยากมาก มีแต่รูปขาว-ดำ
ผมเก็บรูปไว้เยอะมากจนลืมว่าเอาไว้ที่ไหนแล้ว กะว่าจะเอามาทำโมเดลเฉพาะ เก๋งหรือ superstructure ช่วงท้ายของเรือลำนี้ แต่ก็ยังไม่ได้ทำสักที รูปที่เก็บไว้ก็ไม่รู้ไปไหนละ....5555555555 นี่ล่ะครับ จะทำ จะทำ จนเกือบจะตายอยู่แล้วยังไม่ได้ทำเลย
ถามว่าข้อมูลประเภทไหนบ้างที่ต้องมองหา ก็มี รูปทุกมุมของเรือ รูประยะใกล้ รูปอุปกรณ์ต่างๆบนเรือ ขนาดของเรือ ประมาณนี้ครับ ของเรือจะค่อนข้างหารูประยะใกล้และรายละเอียดของอุปกรณ์ต่างๆค่อนข้างยาก เพราะเรือลำหนึ่งมีขนาดที่ใหญ่มาก รายละเอียดก็เยอะมากตามไปด้วย ก็ต้องพยายามกันหน่อยครับถ้าต้องการความสมจริง
......................................................................................................
19 กันยายน 2564
3. วิธีการออกแบบ"เรือจำลอง": ก็อีกนั่นแหละครับ แล้วแต่มุมมอง
ของแต่ละคน แต่จะเริ่มโดนกำหนด ด้วย เส้นต่างๆ ที่จะ "ต้องใช้" ในการ
"เขียนแบบ" ต่อไป
จากข้อมูลที่เราหาได้ทั้งหมด เราก็จะได้ขนาด ความยาวตลอดลำหรือ L.O.A :Lenght Over All ความกว้างตัวเรือที่กลางลำหรือ B : Breadth ความลึกตัวเรือที่กลางลำ Depth และอาจจะได้ระยะกินน้ำลึกหรือ Draft แต่ส่วนมากจะหายากนิดนึงครับ
ภาพด้านล่างนี้เป็นแบบด้านข้างหรือ PROFILE ของตัวเรือ LCS หรือ Littoral Combat Ship แปลเป็นไทยก็งงๆกันหน่อยครับ เอาเป็นว่า อเมกัน ได้ต่อเรือลำนี้มาใช้งานก็แล้วกัน อาวุธหนักถึงจะไม่มาก แต่ก็น่ากลัวไม่น้อย ความเร็วก็สูงด้วย
แบบด้านบนนี้ได้ข้อมูลมาจากรูปภาพหลายๆมุมและขนาดของเรือที่ได้มาจากอินเตอร์เนตทั้งนั้นครับ แล้วก็มาปรับให้มันใกล้เคียงกับรูปที่เรามีมากที่สุด ซึ่งผมได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง "เรือ LCS" ตามไปอ่านกันได้ที่กล่องบทความครับ
นอกจากรูปด้านข้างแล้วก็ยังต้องเขียนรูปด้านบน และด้านหน้าด้วยนะครับ และชั้นตอนนี้ยากพอสมควร เพราะเราต้องมองให้ออกว่า ภาพเรือจริงที่เป็นสามมิตินั้น เรือจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร หัวเรือจะแหลมเพรียวขนาดไหน อันนี้อยู่ที่ข้อมูลและจินตนาการของเราล้วนๆเลยครับ เพราะเราไม่มีแบบเรือจริงๆมาให้ลอกหรือก๊อปฯ มีแต่รูปให้ดูเท่านั้นเอง ก็พยายามทำไปครับ ไม่มีผิด หรือถูก มีแต่ว่าเราชอบและพอใจหรือเปล่าเท่านั้นเอง
แต่ถ้าเป็นเรือที่เราอยากได้และไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร ขั้นตอนนี้ก็ก็ไม่ได้ยากเลยครับ คุณสามารถที่จะใส่ได้ตามความต้องการเลยครับ เรือจะอ้วนหรือผอมเพรียว แค่ไหน หัวเรือจะเป็นอย่างไร เอาที่ชอบและอยากได้เลยครับ ไม่ต้องเขียนอย่างผมก็ได้ครับ ฟรีแฮนด์บนกระดาษเอ4เลยครับ แต่พยายามให้มันได้สเกลหรือมาตราส่วนไว้หน่อยก็จะดีครับ หรือไม่ก็เขียนบนกระดาษกราฟก็ได้ ช่องละสิบเซ็น หรือ เมตร หรือสิบเมตร ก็แล้วแต่เราจะกำหนดครับ ไม่ต้องมีไม้สเกลสามเหลี่ยม ก็ได้ เป็นการออกแบบที่อ่อนตัวที่สุดละครับ ไปนั่งทำที่ไหนก็ได้ มีกระดาษ ไม้บรรทัด ดินสอ ยางลบ แค่นี้เองครับ
ในบทความเรื่อง "Dimention หรือ ขนาด" ผมได้อธิบายไว้เยอะพอควรครับ ไปอ่านได้ที่กล่องบทความครับ
20 กันยายน 2564
การออกแบบเรือ สำหรับผม สามข้อที่ผ่านมาข้างต้นนั้นสำคัญที่สุดแล้วครับ เพราะมันเป็นการรวมข้อมูล แล้วเอามากรองด้วยความชอบของเราจนตกผลึกแล้วนั่นเอง ซึ่งจะเป็นเรื่องสำคัญมากในการ "เขียนแบบเรือจำลอง" เพราะมีข้อมูลต่างๆค่อนข้างครบถ้วนแล้วนั่นเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข รูปร่างหน้าตาเรือในขั้นตอนต่อไปไม่ได้ เราแก้ได้ในทุกขั้นตอนอยู่แล้วแล้วครับ บางครั้ง แม้กระทั่งเรือที่ต่อสร้างจริงๆ ก็มีการแก้แบบกันตลอด จนกระทั่งเรือลงน้ำแล้วก็มี ไม่แปลกครับ ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าต้องแก้ก็แก้ เสียเงิน เสียเวลาเพิ่ม ก็ต้องแก้ ส่วนใครจะจ่ายนั่นก็ไปคุยกันก่อน แล้วค่อยแก้ครับ ไม่งั้นทะเลาะกันแน่นอน
ที่ผมว่าสามข้อที่ผ่านมาสำคัญมากนั้น ในความเป็นจริงก็คือ มันเปรียบเสมือนแผนที่นำทาง ว่าจะต้องไปทางไหน ไปทำอะไร ที่ไหน ด้วยอะไ ฯลฯ และที่ต้องใช้มากที่สุดก็คือ "จินตนาการ" ของคุณเองล้วนๆเลยครับ ถ้าคุณขาดจินตนาการ หรือความคิดสร้างสรรค์ เอาแต่ลอก หรือก๊อปอย่างเดียว ถ้าคุณหาข้อมูลมาก๊อปไม่ได้ งานของคุณก็ไปต่อลำบาก นอกจากจะมั่วๆเอา ก็จะได้งานแบบมั่วๆนั่นเองเองครับ แต่ยังไงก็ตาม การมั่วก็เป็นจินตนาการเหมือนกัน กล้ามั่ว ก็ต้องกล้าทำออกมาดูครับ หลายๆงานเสร็จได้เพราะมั่วเป็นนะครับ และก็อย่างที่ผมเคยบอกไว้ เรือจำลอง ไม่มีผิด ไม่มีถูกครับ เราต้องการอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ถ้ายังไม่พอ ก็แก้ หรือทำใหม่ ซ้ำๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเรื่อยๆตามงานที่เราทำครับ ที่ผมบอกว่าไม่มีผิดไม่มีถูก ก็คือ.......กันดั้ม ,มาคอส ,สตาร์วอร์ ฯลฯ ทุกคนอาจจะเคยดูในทีวี เคยเห็นโมเดล พวกนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย ถามว่ามันบินได้จริงไหม? มันพุ่งทะลุความเร็วแสงไดป่าว ทำ....ฯลฯ............ปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศไหนทำได้เลยแม้แต่เข้าใกล็ก็ยังมองไม่เห็นความจริแม้แต่น้อย ในช่วงชีวิตจริงของเรา อาจจะไม่ได้เห็นความเป็นจริงของเรื่องเหล่านี้เลยก็ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังมีอยู่ใน ทีวี ในสื่อต่างๆ และมีคนชื่นชอบไปทั้วทั้งโลก นั่นก็คือเราชื่นชอบจินตนาการของผู้ที่สร้างเรื่อง ตัวละคร และ โมเดล ฯลฯ เหล่านี้ขึ้นมานั่นเอง....แล้วทำไม่เราจะสร้างอะไรสักอย่างจากจินตนาการที่เราชอบขึ้นมามั่งไม่ได้ล่ะครับ จริงไหมครับ และที่ผ่านมาทั้งสามข้อคือ ขั้นตอนการสร้างของจริงที่ได้มาจากจินตนาการของคุณนั่นเองครับ
22 กันยายน 2564
ยังอยู่ในหัวข้อที่สามนะครับ เรือที่คุณออกแบบมา บางทีคุณต้องการที่จะเอาไปลอยน้ำเล่น หรือ ติดตั้งชุดควบคุมหรือ RC (Radio control) คุณก็จะมีข้อสงสัยแล้วว่า เรือที่ออกแบบมานั้นมันจะลอยน้ำได้ไหม มันจะเอียงไหม หัวจะทิ่ม ท้ายจะจม ไหม ฯ......มันก็มีวิธีคิดแบบง่ายๆครับ ต้องมีการคำนวณกันสักเล็กน้อยครับ นั่นคือ คำนวณหาปริมาตรภายในตัวเรือใต้แนวน้ำที่คุณได้กำหนดไว้ครับ สูตรง่ายๆ ก็คือ กว้างxยาวxลึก หน่วยเป็นเซ้นติเมตร ผลที่ได้หน่วยออกมาเป็น กิโลกรัม ครับ
หรือ BxLxd(Draft) cm.= Volume kg. ปริมาตรที่ได้คือ น้ำหนักเรือที่เราออกแบบนั่นเอง แต่ดูสูตรแล้วมันก็คือ สูตรหารปริมาตรสี่เหลี่ยมนี่นา แล้วเรือมันท้องวีมั่ง โค้งมั่ง แบนมั่ง มันจะใช้ได้หรือ ขอตอบว่าได้ครับ แต่....ต้องเพิ่มตัวแปลเอามคูณเข้าไปอีกตัวหนึ่ง ตัวนี้เรียกว่า block coefficent of ship ตัวนี้มีค่าสูงสุด ไม่เกิน 1 และจะมีค่าน้อยลง เมื่อรูปร่างของตัวเรือ แหลมเพรียวขึ้น และมีความเร็วมากขึ้น ดังภาพที่สองด้านล่างครับ
ภาพด้านล่างมาจาก https://www.myseatime.com/discussion/what-is-block-coefficient-of-a-ship
ภาพด้านล่าง ได้มาจาก https://slidetodoc.com/coefficient-of-forms-lecture-2-1-laboni-afroz/
จากตารางในภาพด้านบน เมื่อชนิดของตัวเรือและความเร็วเปลี่ยนไป ค่า block coefficien ก็จะเปลี่ยนไปด้วย เรือเล็กลง เร็วขึ้น ค่านี้ก็จะน้อยลงครับ ยกตัวอย่าง
ออกแบบเรือเร็ว ยาว 10 เมตร กว้าง 2.5 เมตร ลึก 1.25 เมตร กินน้ำลึก 0.8 เมตร น้ำหนักเรือทั้งหมดหรือ displacement ก็จะเท่ากับ
10x2.5x0.8x0.5=10 ตัน
เปลี่ยนหน่วยจาก เมตร เป็นเซ็นติเมตร ผลที่ได้ก็จะมีหน่วยเป็น กิโลกรัมครับ
ภาพด้านล่างมาจาก https://www.themaritimesite.com/a-guide-to-understanding-ship-weight-and-tonnage-measurements/
่ งงไหมครับแรกที่มาทำงานด้านนี้ ผมก็งง ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป ไม่มีใครสอน หาหนังสืออ่านก็ไม่ได้ อินเตอร์เนตก็ยังไม่มี ก็ได้แต่นั่งมึนไปวันๆ วิธีการที่บอกไปข้างต้นเป็น แค่เพียงการ "ประมาณ" เท่านั้นครับ ไม่ใช่ตัวเลขชั่งกิโลที่จะออกมาแปะๆ แต่ก็ใกล้เคียงสุดละครับ ถ้าอยากลองแม่นๆ ให้ใช้กระบะสี่เหลี่ยมเล็กๆ เอามาวัดขนาด แล้วไปลอยน้ำดู วัดว่ามันกินน้ำลึกเท่าไร แล้วเอามาคำนวณ เสร็จแล้วก็เอากระบะนั้น ไปชั่งกิโลดูก็ได้ครับ ลองดู ไม่เสียหาย.....คือว่า พอบอกว่าเรือ ความคิดของทุกคนก็จะคิดถึงรูปเรือที่มีหัวแหลมๆ ท้องป่องๆ ท้ายบานๆ หัวเชิด ท้ายจมนิดๆ แล้วจะคำนวณยังไงล่ะเนี่ย ก็นี่ไงครับ คำนวณสั้นๆ ง่ายๆ งานของเราต้องการแค่นี้เองคือเรือที่เราออกแบบจะจมไหม หรือ เมื่อออกแบบเสร็จแล้วจะใส่น้ำหนักเพิ่มเข้าไปได้แค่ไหน ส่วนที่ว่า หัว หรือท้ายจะจมมาก จมน้อย หรือ เรือจะเอียงไปข้างไหนนั้น ก็มาแก้ไขทางกายภาพเอาครับ คือ ใส่น้ำหนักถ่วงเข้าไป ซึ่งในความเป็นจริง เรือที่ต่อเสร็จแล้วลงน้ำไปใหม่ๆ ถ้าไม่ใช่เรือท้องแบน หรือเรือ barge แล้ว เอียงทุกลำครับ แล้วก็ต้องหาแท่งเหล็ก หรือ แท่งปูนมาถ่วงกันทั้งนั้น แต่ถ้าลำไหนลงน้ำไปแล้วหัวทิ่มมากๆนี่ลำบากแล้วครับ ถึงจะถ่วงท้าย แต่น้ำหนักเรือก็จะมากและกินน้ำลึกตามไปด้วย แต่น้อยมากที่จะเป็นแแบบนั้น
มีอีกหลายคำเช่น กรอสตันเนต ,เนตตัน ฯ ที่ยังไม่ได้กล่าวไว้ แต่ก็จะทยอยเล่าออกมาเรื่อยๆ ตามแต่โอกาสครับ
แต่ถ้าเรือใครที่ไม่ได้เอาไปลอยน้ำจริงๆ ก็ข้ามบทความวันนี้ไปเลยนะครับ อย่าเอามาใส่หัวให้เปลืองเนื้อที่สมองเปล่าๆ ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย แหม ก็กันดั้ม ยังบินไปอาวกาศได้เลยนี่ครับ อย่าไปคิดมากครับเดี๋ยวเรือไม่เสร็จ.....555555
สเกลหรืออัตราส่วน อีกที
15 พฤศจิกายน 2566 0:27 น. สวัสดีครับทุกท่าน มาพบกันหลังเที่ยงคืนอีกแล้วครับท่าน เมื่อวาน ว่ากันเรื่องทำโมเดลแบบง่ายๆ เช่น โต๊ะ หรือเก้าอี้ รูปทรงสี่เหลี่ยม หรือวงกลมก็ได้ โดยใช้สเกลหรือมาตราส่วน หรือ อัตราส่วน แล้วแต่จะเรียกกัน ให้มันมีขนาดไม่เล็กเกินไปนักเช่น 1/5 ,1/10 เป็นต้น
ทีนี้เพิ่งมานึกได้ว่าสมัยผมเริ่มเขียนแบบเรือใหม่ๆ เรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับผมมากที่สุดก็คือเรื่องของ สเกล ทั้งการวัดการเขียน โดยมีเครื่องมือที่เรียกว่าไม้สเกลสามเหลี่ยมเป็นพระเอก จำได้ว่าผมเคยลงบทความเกี่ยวกับสเกลไปเมื่อนานมาแล้ว ให้บอกว่าเมื่อไหร่ก็จำไม่ได้แล้วครับ ครั้นจะบอกให้ไปค้นดูกันเอาก็จะโหดร้ายไปหน่อย เพราะนานมากแล้วจริงๆ อาจจะเป็นเมื่อต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่ก็ปีที่แล้วมั้งครับจำไม่ได้จริงๆ เอาเป็นว่าผมจะมาอธิบายแบบย่อๆแต่อาจจะยาวสักนิดนึง สำหรับมือใหม่หัดเขียนแบบก็อาจจะมึนงง ง่วงเหงาหาวนอนกันบ้างล่ะครับ
ที่ผมบอกไปเมื่อวานนี้ว่า มีแค่ดินสอกับไม้บรรทัด ยางลบ ก็เขียนแบบได้และทำโมเดลแบบง่ายๆได้แล้วนั้นก็อาจจะกล่าวเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ ถ้าเข้าใจเรื่องของการเข้า สเกล หรืออัตราส่วน มันก็จะง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว
การเขียนแบบกับการทำโมเดลมันเหมือนกันอยู่อย่างนึงคือ ย่อขนาดของวัตถุหรืออะไรก็ตามที่เราอยากจะสร้าง ให้มันมีขนาดเล็กลง หรือใหญ่ขึ้นกว่าความเป็นจริง เพื่อเขียนลงบนกระดาษขนาดเล็กได้ หรือทำเป็นโมเดลหรือหุ่นจำลองที่มีขนาดเล็กลง หรือใหญ่กว่างานของจริง เพื่อดูและศึกษาความเป็นไปได้ที่จะสร้างมันในขนาดเท่าของจริงต่อไป อย่างน้อยๆก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงหรือใกล้เคียงว่าเมื่อสร้างออกมาแล้วมันเป็นแบบนี้ เราหรือผู้ที่อยากได้ชอบมันหรือเปล่า ดีกว่าที่จะไปเริ่มสร้างงานในขนาดจริงออกมา พอเสร็จแล้วเราเห็นแล้วก็บอกไม่ชอบไม่เอา มันก็จะเสียเวลา เสียเงิน เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ แต่สมัยนี้มันมีอีกวิธีหนึ่งก็คือทำโมเดลหรือหุ่นจำลองในคอมพิวเตอร์เป็นแบบ สามมิติ หมุนดูได้ทุกด้านทุกมุม นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับที่แยกออกไปต่างหาก เพราะมือใหม่หัดเขียนแบบคงใช้เวลาอีกนานกว่าจะไปถึงตรงนั้น
มาว่ากันเรื่อง สเกลหรืออัตราส่วนกันก่อน ผมจะเรียกว่า สเกลก็แล้วกันครับสั้นดี มาดูภาพกันครับ
ข้างบนนี้คือโมเดลเครื่องบินมีขนาด 1/144 นั่นหมายความว่าเมื่อประกอบโมเดลตัวนี้เสร็จแล้วมันจะมีขนาดเล็กกว่าของจริง 144 เท่านั่นเองหรืออีกนัยนึงก็คือเครื่องบินจริงๆจะมีขนาดใหญ่กว่าโมเดลตัวนี้ 144 เท่าเช่นกัน
นี่ก็เป็นโมเดลเครื่องบินอีกแบบหนึ่ง เมื่อประกอบเสร็จจะมีขนาดเล็กกว่าของจริง 72 เท่า ใหญ่กว่าตัวข้างบนหนึ่งเท่าตัว
ละนี่ก็เป็นโมเดลอีกตัวหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่าของจริง 48 เท่า
scale 1/144 ,1/72 ,1/48 ฯลฯ ตัวเลข 1 หมายถึงหนึ่งหน่วย จะเป็น เซ็นฯ เป็นมิลฯ เป็นเมตร หรือเป็นกิโลเมตรก็ตาม แต่มันคือขนาดที่ย่อมาจากขนาดจริงที่เป็นตัวเลขอยู่หลังเครื่องหมาย / นั่นเอง เราสามารถกำหนดเองได้หมด แต่ในกรณีข้างบนทั้งสามภาพเป็นของบรษัทผู้ผลิตเขากำหนดมาอย่างนั้นเองครับ ถามว่าทำไม สเกลมันไม่เห็นมี 1/10 ,1/50 ฯหรือสเกลที่มีอยู่ในไม้สเกลสามเหลี่ยมเลย ก็ขอตอบว่า ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ โตมาจำความได้ก็เห็นชุดประกอบพลาสติกจำลองพวกนี้มีสเกลอย่างนี้กันอยู่แล้ว อันนี้เป็นของเครื่องบินนะครับ ถ้าเป็นเรือ ก็ 1/300 ,1/350 ,1/700 ฯ ประมาณนั้น แต่ถ้าเป็นพวกรถถังหรือตัวฟิกเเกอร์ หรือตัวทหาร ก็จะมาในสเกล 1/35 ซะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะให้เดาว่าทำไมถึงใช้สเกลขนาดนี้ ผมก็จะเดาว่าในสมัยก่อนเขาป้องกันการก๊อปปี้กันมั้งครับ เลยทำออกมาในขนาดที่แปลกๆหน่อย หรือไม่ก็อาจจะเป็นขนาดที่เขาเห็นว่ามันเหมาะสมแล้วก็เป็นได้เหมือนกัน
นั่นคือตัวอย่างในเรื่องของสเกลนะครับ ทีนี้มาว่าเรื่องของเรามั่ง สมุติว่าเรามีแค่ไม้บรรทัดธรรมดาหนึ่งอัน
ปรกติไม้บรรทัดธรรมดาทั่วไปจะมีขีดแบ่งระยะเป็นสองมาตราคือ นิ้ว ,ฟุต กับ มิลลิเมตร ,เซ็นติเมตร อันนี้ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว ดังภาพข้างบน มีไม้บรรทัดวางขนานกับไม้สเกลสามเหลี่ยม ขีดที่วัดระยะบนไม้บรรทัดในด้าน เซ็นติเมตรจะมีอยู่สามสิบเซ็นติเมตร ส่วนในด้านของนิ้ว จะมีอยู่ สิบสองนิ้วหรือหนึ่งฟุตนั่นเอง ถ้าสังเกตดีๆ หนึ่งฟุตมันจะยาวกว่า สามสิบเซ็นนิดๆ นั่นเพราะว่า 1" = 25.4 mm. นั่นเอง ดังนั้นถ้า 12" = 12x25.4 ก็จะได้เท่ากับ 304.8 mm. หรือ 30.48 เซ็นติเมตรนั่นเอง ที่ต้องอธิบายตรงนี้ก็เพื่อจะบอกว่า เหล็กรูปพรรณเช่น เหล็กกล่อง เหล็กฉาก เหล็กแผ่น ฯ ที่มีขายในบ้านเรา บางขนาดเขาใช้เป็น นิ้ว หรือ ฟุต กันครับ ตรงนี้ผมก็เคยอธิบายไปเมื่อนานมาแล้ว เช่น เหล็กฉาก 4"x4" หนา 1.5 mm. แฮะๆขนาดกว้างและสูงเป็นนิ้วแต่ความหนาเป็นมิลฯ หรือเหล็หแผ่นขนาด 5'x20' หนา 6 mm. บางท่านคิดว่าเหล็กแผ่นนี้มันกว้าง 1.5 เมตร ยาว 6 เมตร หนา 6 มม. ใช่ไหมครับ แต่มันไม่ใช่ ถ้าเอาขนาดที่ว่าเป็นเมตรนี้ไปคิดน้ำหนักล่ะก็ หายไปหลายเลยทีเดียวครับ ลองเอาไปคิดปริมาตรกันดูนะครับว่ามันต่างกันขนาดไหน.......ยาวจริงๆด้วยแฮะ ไว้พรุ่งนี้มาต่อกันครับ นี่ก็ตีสองละ พรุ่งนี้ครับ 2:20 น.
22:33 น. สวัสดีตอนดึกครับ มาต่อกันเรื่องสเกลสำหรับทำโมเดลแบบง่ายกัน จากข้างบนที่อธิบายมาซะยืดยาว คำว่า "scale 1/xx" มีความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นสเกลที่ใช้ในระบบ เมตริก หรือ มิลลิเมตร เซ็นติเมตร เมตร ฯ ครับ ถ้าเป็น นิ้ว ฟุต นี่ผมก็จำไม่ได้ละ เคยใช้อยู่ไม่กี่ครั้งตอนที่เรือ MV FOX เข้ามา เพราะแบบเขามาเป็น นิ้ว ฟุต ครับ
ข้างบนเป็นแบบระบบระบายอากาศของเรือ H.M.S BEAGLE & FOX ที่ผมมีอยู่ scale :- 1"/4= 1 FOOT บนไม้สเกลระบบนิ้ว ฟุต ก็จะมีสเกลพวกนี้อยู่ครับ แบบบางแผ่นก็ใช้ csale:- 2"=1FOOT ฯ ก็มี
ทีนี้ก็คงพอจะเข้าใจในการอ่านค่าสเกลต่างๆกันพอสมควรนะครับ ตัวอย่างเช่น scale 1/10 ก็หมายความว่า ระยะจริง 10 มิลลิเมตร แต่ในแบบที่ใช้สเกลนี้ เท่ากับ 1 มิลลิเมตร หรือ ระยะจริง 1000 มิลฯหรือ 1 เมตร ระยะในแบบก็จะเท่ากับ 100 มิลฯ หรือ 10 เซ็นฯ นั่นเอง ดังนั้นไม้บรรทัดธรรมดาที่เรามีอยู่ก็จะใช้แทนไม้สเกลได้หลากหลายพอสมควร เช่น 1/10 ,1/100 ,1/5 ,1/20 ฯ
ภาพข้างบน ในไม้สเกลสามเหลี่ยม เป็น scale 1/100 นั่นคือจาก 0-1 มีค่าเท่ากับ 1 เมตร และแต่ละขีดในนั้นก็จะมี่าเท่ากับ 10 เซ็นฯ แต่ในไม้บรรทัดจาก 0-1 มีค่าเท่ากับ 1 เซ็นฯ เราก็ใช้ไม้บรรทัดของเราวัดระยะใน scale 1/100 ได้เช่นกันเพราะมันเท่ากันนั่นเอง หรือถ้าเป็น scale 1/10 ในไม้สเกลฯ จาก 0-1 ก็จะมีค่าเท่ากับ 10 เซ็นฯ ในแต่ละขีดก็จะมีค่าเท่ากับ 1 เซ็นฯ แต่ในการเขียนแบบจริงๆโดยทั่วไป หน่วยที่ใช้จะเป็น มิลลิเมตร เช่นมีตัวเลขกำกับบนเส้นบอกขนาดว่า 100 นั่นหมายความว่าระยะนั้นคือ 100 มิลลิเมตรนั่นเอง เขาจะไม่ใส่หน่วยต่อท้าย นอกจากระยะนั้ยจะบอกเป็น เซ็นฯ หรือเป็นเมตร เขาก็จะเขียนต่อท้ายตัวเลยนั้นไปด้วยเช่น 10 cm. หรือ 10 ซ.ม. ก็คือ ระยะนี้เท่ากับ 10 เซ็นฯ นั่นเอง หรือ 25 เมตร หรือ 25 m. ก็คือระยะที่กำกับไว้เท่ากับ 25 เมตร ครับ สังเกตในไม้สเกลไว้นะครับที่ระยะ 10 เมตร มันก็เท่ากับ 10 เซ็นฯ ในไม้บรรทัด เริ่มง่วงยังครับ 5555555
มาดูที่ scale 1/200 กันมั่ง จาก 0-5 คือ 5 เมตร ขีดสั้นลงมาหน่อยนั่นคือขีดละ 1 เมตร ขีดสั้นที่สุดในระหว่างหนึ่งเมตรก็คือ 20 เซ็นฯ มาดูที่ไม้บรรทัดมั่ง 1 เซ็นฯ ก็เท่ากับสองขีดกลางในไม้สเกล ก็เป็นว่า 1 เซ็นฯ ในไม้บรรทัดเท่ากับ 2 เมตร ในไม้สเกลที่ scale 1/200 และ 10 เมตร ของไม้สเกล ก็จะเท่ากับ 5 เซ็นฯ ในไม้บรรทัด ถ้าเป็น scale 1/20 ล่ะครับ 5 เมตร ในไม้สเกลก็จะเท่ากับ 50 เซ็นฯ และ 10 เมตร ก็จะเท่ากับ 1 เมตร ใo scale 1/20 นั่นเอง และมันก็ตรงกับ 5 เซ็นฯในไม้บรรทัดของเราด้วย 5555555 มึนดีแท้ครับ
นี่เป็น scale 1/250 ,1/25 ,1/2.5 ฯ ลองไปนั่งดูกันครับ ไม้บรรทัดเราช่วยได้จริงนะครับ ตัวเลขบนไม้สเกล 0 ,5 ,10 ,15 ,20 ฯ ความจริงมันตรงกับ 2 ,4 ,6 ,8 ,10 เซ็นฯ บนไม้บรรทัดนะครับ แต่กล้องมือถือผมมันไม่ค่อยดีเลยดูเยื้องๆกันไปหน่อย
อันนี้เป็น scale 1/500 บนไม้สเกลครับ ไปดูเที่ยบกับไม้บรรทัดนะครับ เราจะได้ scale 1/500 ,1/50 ,1/5 ฯ ครับ ลองไปเที่ยบดู
จะเห็นได้ว่า ไม้บรรทัดธรรมดาของเราสามารถใช้แทนไม้สเกลได้หลายหลายมาก แต่ต้องไม่สับสนและดูดีๆนิดนึงครับ scale 1/2 ,1/5 ,1/10 ,1/20 ,1/25 ,1/50 ,1/100 ,1/200 ,1/250 ,1/500 ฯ ก็พอที่จะใช้ทำโมเดลได้หลากหลายสเกลเลยทีเดียว เหนืออื่นใด ต้องฝึกฝนบ่อยๆครับ หรือถ้าพอจะมีทุนสักหน่อยก็หาซือไม้สเกลสามเหลี่ยมไว้สักอัน ราคาก็น่าจะหลักร้อยขึ้นแล้วมั้งครับในตอนนี้
ภาพข้างบนได้มาจาก :https://www.thaitechno.net/dip/productdetails.php?id=109329&uid=38708
ถ้าจะให้แนะนำก็ควรจะใช้แบบ A สีแดงๆนั่นแหละครับ เหมาะกับพวกเราสำหรับเริ่มต้นแล้วครับ มีหลายยี่ห้อมากมาย และราคาก็หลากหลายมากไปเลือกดูกันเอานะครับ
ขอจบเรื่องของ สเกล ไว้แค่นี้ครับ ครั้งต่อไปอาจจะมาทำโมเดลง่ายๆอย่างที่ว่ากันไว้ก็ได้ครับ วันนี้ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน ขอให้ทุกท่านถูกหวยร่ำรวยอย่างไม่มีเหตุผล และที่สำคัญขอให้มีสุขภาพดีกันทุกท่านครับ
0:25 น.
ขั้นตอนการทำเรือจำลอง
26 พฤษภาคม 2566 3:28 น. สวัสดีครับ วันนี้มาซะตีสามเลย วันนี้ 25-5-2566 โลกเราได้เสียนักร้องที่มีคุณภาพไปอีหนึ่งท่านก็คือ Tina Turner เป็นนักร้องชาวอเมริกัน ที่ผมได้ยินเสียงเพลงของเธอเมื่อสมัยผมเริ่มเป็นวัยรุ่น และเคยซื้อเทปคลาสเซ็ตเพลงของเธอมาฟังเท่าที่จะหาได้ในยุคนั้น เธอจากไปแล้วเมื่ออายุ 83 ปี ขอแสดงวามเสียใจด้วยครับ เมื่อเช้าไปหามหมอตามนัด ตรวจเลือดเสร็จ ยื่นใบนัดเกือบแปดโมงเช้า ได้ตรวจ สิบเอ็ดโมงครึ่ง รอใบนัด รอยา ฯ กลับถึงบ้าน เกือบบ่ายสอง กินข้าวเสร็จนอนยาวเลยครับตื่นมาสองทุ่ม นอนต่ออีกหน่อยตื่นมาอีกที ตีหนึ่งเกือบครึ่งละ กินข้าว กินยา แล้วก็มานั่งฟังพระท่านสนทนาธรรม จนถึงตอนนี้แหละครับ ผลตรวจของหมอก็ยังทรงๆอยู่ครับ ต่อรองกับหมอนิดนึงจากเดือนนึงเป็นสองเดือนค่อยเจอกัน หมอก็โอเค เพราะผมไม่ไหวจะนั่งรอเองครับ ตั้งเกือบสี่ชั่วโมงถึงจะได้เจอคุณหมอ คุยกันสิบกว่านาที ก็ไปรอ ฯ.........ไหนๆก็ได้แค่นี้แล้วก็หาความสบายความสงบใส่ตัวเองดีกว่าครับ ไปนั่งรอให้เสียสุขภาพจิตทำไม เอาเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที มาหาความสบาย ความสงบใส่ตัวเองดีกว่า ผมคิดอย่างนี้ครับ ส่วนการรักษาของหมอจะเพิ่มจะลดยายังไงผมก็ยอมหมด แต่จะให้ผมเปลี่ยนใจในเรื่องสำคัญมากๆ ผมก็ยืนยันที่จะใช้ของเดิมๆที่พ่อแม่ให้มาตั้งแต่เกิดนี่แหละครับ ก็อยู่กันไปจนกว่าจะพังกันไปข้างนึง ก็แค่นั้นเอง และผมก็เข้าใจความปราถนาดีของคุณหมอที่เสนอวิธีการรักษาหลายๆอย่างมาให้ผม ซึ่งผมก็ขอขอบคุณมาตรงนี้ ที่คุณหมอเป็นกังวลว่าผมนอนหลับไปแล้วจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ถือว่าเป็นบุญวาสนาของผมแล้วครับ ที่ไปอย่างสบาย ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือ ญาติผู้ใหญ่ของผมที่ไปก่อนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งแต่ละท่านนี่ต้องบอกตรงๆว่า ทรามานมากจริงๆ และทรามานมาถึงลูกหลานทุกๆคนด้วย ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นลย ขอไปเงียบๆสบายๆดีกว่า และที่สำคัญผมก็ได้มีโอกาสร่ำลาบุคคลอันเป็นที่รักหลายๆคนเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรคาใจกันอีก ถือเป็นวาสนาของผมอย่างสูงเลยทีเดียวครับ ร่ายมาซะยาวเลย ไม่เกี่ยวกับเรือสักนิด และไม่เกียวกับท่านผู้อ่านเลยสักหน่อย แค่อยากเล่า อยากบอกในพื้นที่ที่ผมมีโอกาสเท่านั้นเองครับ ส่วนจะเป็นประโยชน์กับใครบ้างก็แล้วแต่จะเอาไปปรับใช้นะครับ
ส่วนตัวก็ว่าไปแล้ว มาถึงเรื่องต่อจากเมื่อวานกันต่อครับ
ขั้นตอนการทำเรือจำลอง
1 หาเรือที่ต้องการ
2 เขียนแบบเรือลำนั้น
3 ขยายแบบเรือให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
4 หาวัสดุตามที่กำหนดไว้ในแบบมาให้ครบ
5 หาเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้
6 ตัดและขัดแต่งวัสดุ ตามที่กำหนดในแบบ
7 นำชิ้นส่วนต่างๆที่ตัดและขัดแต่งแล้วมาประกอบเข้าด้วยกัน
8 เก็บงาน พ่น หรือทาสี ให้เรียบร้อย และทำฐานสำหรับวางเรือจำลอง
9 เอาไปตั้งในตำแหน่งที่ต้องการ หรือ ส่งลูกค้า เป็นอันจบ
เหล้าเก่าในขวดใหม่ครับ มันก็เรื่องเดิมนั่นแหละครับ แต่ก็เอามาว่ากันใหม่ก็ได้ ในขั้นตอนทั้งหมด ที่สำคัญที่สุดก็ข้อแรกนั่นแหละครับ
1 หาเรือที่ต้องการ : จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากนะครับ ความชอบของคนเราไม่เหมือนกันนะครับ ของเราว่าสวย แต่คนอื่นบอกไม่สวยไม่ชอบ ก็เป็นปัญหาของคนอื่นแล้วครับ ไม่ใช่ปัญหาของเรา ที่ว่าง่ายก็เพราะมีแหล่งหาข้อมูลมากมาย เลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ที่ว่ายากนั่นก็คือเพราะมันเยอะจนเลือกไม่ถูกนั่นแหละครับ บางที่เราชอบเรือลำนี้ เพราะหัวเรือมันสวยแต่...... ส่วนอีกลำ เก๋งเรือสวยมากๆแต่......... ลำนั้นก็สวยนะท้ายเรือโค้งมนแต่.........ฯ นั่นแหละครับที่ว่ายาก เพราะไม่มีทางที่เราจะชอบเรือลำใดลำหนึ่งที่เราเห็นแน่นอน เพราะเรือเหล่านั้นถูกต่อสร้างขึ้นมาด้วยความต้องการของคนอื่นไม่ใช่มาจากความต้องการของเราเอง อาจจะมีแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งที่เราชอบเท่านั้นเอง ซึ่งก็คือเรื่องยากที่สุดนั่นเอง แล้วจะทำไงล่ะทีนี้ ก็ไม่ต้องทำไงครับ แค่ "เลือก" ลำที่เราชอบแค่นั้นเอง หรือถ้ามีฝีมือในการวาดรูป ก็ลองวาดรูปเรือที่เราอยากได้ขึ้นมาเองเลยก็ได้ครับ ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีมาตราฐานมาวัด มีแค่ตัวเราเองเท่านั้น ที่จะบอกได้ว่าสวยไหมชอบไหม แค่นั้นเองครับ
ข้างบนนี้เป็นภาพสมุติว่า รูปเรือที่เราอยากได้ครับ ก็เขียนด้วยดินสอบนกระดาษ a4 ธรรมดานี่แหละครับ หรือท่านใดที่มีความสามารถในการวาดรูป ก็วาดออกมาเป็นภาพเหมือนเลยก็ได้ครับ หลายๆมุมได้ยิ่งดี แล้วค่อยไปใส่ขนาดเอาทีหลังครับ
2 เขียนแบบเรือ : ขั้นตอนนี้ ความจริงก็เป็นการพัฒนามาจากขั้นตอนแรกนั่นเอง เมื่อเราได้รูปร่างของเรือที่เราต้องการแล้ว ก็มาเริ่มเขียนชิ้นส่วนต่างๆลงบนกระดาษตามมาตราส่วน หรือสเกลที่เราอยากได้ จะเอาลำเล็กหรือใหญ่ขนาดไหนก็เขียนออกมา ที่ว่าอย่างนี้ก็จะยกตัวอย่างเรื่องจริงมาเล่าก็แล้วกันนะครับ
เรือประมงลำเล็ก ลำใหญ่ เรือพายแข่ง เรือหางยาว ฯ ในประเทศเรา เขาก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันครับ เขาจะมีรูปร่างของเรือที่ต้องการอยู่ในหัว แล้วก็ "วาด" ออกมาเป็นส่วนๆในขนาดเท่าของจริง แบบ Line plan มีไหม? มีครับ แต่อยู่ในหัวหมดเลย เวลาเขาเริ่มต่อเรือ เขาก็เขียนหรือวาดชิ้นส่วนแต่ละขิ้นขึ้นมา แล้วก็เอามาประกอบ มาต่อเข้าด้วยกัน ส่วนโค้งต่างๆของตัวเรือ ก็ได้จากการโค้งของวัสดุเช่นไม้นั่นเอง ทั้งเผาไฟ ทั้งแช่น้ำฯ แล้วใช้แม่แรง หรือ คลิปฯค่อยๆบีบให้โค้งเข้ารูป ซึ่งช่างแต่ละคนก็จะมีวิธีที่ไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่ต่างกันมากเท่าไร ทำบ่อยๆจนชำนาญ จำได้ว่า เรือยาวขนาดนี้ต้องกว้างเท่าไร ยาวเท่าไร ลึกเท่าไร ทำออกมากี่ลำก็คล้ายๆกันหมด แต่ถ้าให้เปลี่ยนขนาดนี่ เรื่องใหญ่เลยทีเดียวครับ ดังนั้นขนาดเรือพวกนี้จะถูกกำหนดโดยช่างผู้ต่อเรือซะมากกว่า ถ้าเป็นขนาดที่ต่างไป ส่วนใหญ่เขาก็จะไม่ค่อยรับทำกัน นั่นคือเท่าที่ผมเคยเห็นมากับตาตัวเองนะครับ อาจจะมีที่แตกต่างไปจากนี้ก็ได้ ผมเองก็ไม่ได้ตระเวณไปรู้ไปเห็นเขาซะทุกที่ ท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็เอามาแบ่งกันมั่งก็ได้ครับจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
ส่วนอีกวิธีก็คือ แบบเรือที่ผมเอามาลงให้ดูกันนี่แหละครับ ทั้งวิธีคิด วิธีเขียน ประเภทของแบบเรือว่ามีแบบอะไรบ้าง วิธีอ่านแบบเรือ ฯ ซึ่งต้องใช้การเรียนรู้กันพอสมควรสำหรับมือใหม่ และต้องบอกตรงๆว่า "ยาก" พอสมควรสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานในเรื่องของการเขียนแบบมาเลย บางคนถึงกับท้อ เลิกมาทางนี้ไปเลยก็มีเยอะนะครับ แต่วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราทำซ้ำ หรือเปลี่ยน อัตราส่วนของเรือที่เราต้องการได้ดดีที่สุดเท่าที่ผมนึกออกในตอนนี้ครับ และผมก็จะมาทบทวนกันอีกครั้งครับ เริ่มจาก
แบบเรือที่จะต้องมี เมื่อต้องทำเรือจำลอง นั่นก็คือแบบ รูปร่างทั่วไป หรือที่เรียกกันว่า แบบ GA: GENERAL ARRANGEMENT ตัวอย่างแบบก็ข้างล่างเลยครับ
แบบนี้เอามาจากเรือจริงๆครับ แต่ถ้าจะเอามทำเป็นเรือจำลองก็ได้เหมือนกันครับ รายละเอียดเยอะดี
ส่วนข้างบนนี้ก็เป็นแบบ LINE PLAN ของเรือลำนี้ครับ เนื่องจากเป็นแบบที่ใช้งานจริงๆ ก็เลยต้องมีรายละเอียดมากหน่อย ดูแล้วก็ปวดหัวเหมือนกัน ยิ่งเป็นมือใหม่นี่บางรายก็เลิกดีกว่า ไปซื้อเขาเอาก็แล้วกันประมาณนั้นครับ ในการทำเรือจำลอง มีแบบแค่นี้ก็พอจะทำได้แล้วเพราะแบบที่สำคัญมากๆก็คือ แบบ LINE PLAN นี่แหละครับ เรือจะโค้งจะเพรียวขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับแบบแผ่นนี้ส่วนวิธีการเขียน ให้เข้าไปอ่านในบทความเรื่อง "เขียนแบบเรือ 101" ได้ในกล่องบทความซึ่งค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะพอสมควรครับ
4 หาวัสดุตามที่กำหนดไว้ในแบบมาให้ครบ
5 หาเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้
สองข้อนี้ก็จะมาพร้อมๆกันครับ แต่ถ้าแบบมีไม่มากพอ ก็ต้องเดาเอาแล้วครับ หรือไม่งั้นก็ต้องไปเขียนแบบเพิ่มขึ้นมาอีก ก็คือแบบ โครงสร้างนั่นเอง หรือที่เรียกว่า CONSTRUCTION PROFILE นั่นเองครับ ในแบบตัวนี้จะบอกรายละเอียด ของ ขนาด ระยะ และวิธีประกอบชิ้นส่วนต่างๆของเรือทั้งหมด แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้เขียนแบบด้วยว่าจะใส่รายละเอียดมาขนาดไหน บางแบบต้องใช้ "ไม้สเกล" วัดระยะหรือขนาดเอาเองก็มีนะครับ ส่วนเครื่องมือที่ใช้ ก็มีตั้งแต่ มีดคัตเตอร์ กรรไก ดินสอ เลื่อยฉลุ ตะไบทั้งเล็กและใหญ่เป็นชุด ตัวหนีบหรือคลิป คีมตัด คีมจับ ไม้บรรทัดเหล็ก แผ่นยางรองตัด สว่านไฟฟ้า เครื่องขัดไฟฟ้า ฯลฯ หรือถ้ามีทุนหน่อยก็ขยับมาใช้เลื่อยฉลุไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะ หรือที่เรียกว่า scoll saw จะช่วยได้มาก หรือถ้ามีความรู้เรื่องการเขียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์และสามารถเขียนภาพ 3D ได้ จะหันมาใช้ 3D Printer มาช่วยก็จะทุ่นแรงและมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับเงินที่ต้องจ่ายมากขึ้นไปอีก หรือบางท่านอาจจะใช้ CNC หรือเครื่องแกะสลัก ก็ได้เหมือนกันแต่ก็แพงมากเหมือนกันด้วยแล้วเสียงก็ดังมากอีกต่างหาก
วัสดุที่ใช้ในการทำเรือจำลองมีหลากหลายมากทีเดียวครับ แต่ที่เห็นกันบ่อยก็แบ่งเป็นสองอย่างนั่นก็คือ เป็นไม้ทั้งลำ และไม้ที่ใช้ก็แล้วแต่อีกเหมือนกันครับ ไม้อัดบาง หนา ไม้บัลซา(ราคาขึ้นแล้วครับแพงจริงๆ)หรือไม้ไผ่ก็เห็นมีเหมือนกัน บางคนใช้ไม้สัก ไม้มงคล ก็มี ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็คือ ไฟเบอกลาส อันนี้ก็เห็นได้ทั่วไปในเนต แต่กรรมวิธีก็จะยุ่งยากขึ้นไปอีก เหมือนทำเรือสองลำในเวลาเดียวกัน การทำเรือจำลองด้วยไฟเบอร์กลาสผมก็ลงเป็นบทคามไว้ค่อนข้างละเอียดพอสมควรตรับ ไปหาอ่านกันได้ หรือบางคนอาจจะใช้แค่กระดาษแข็งธรรมดา ก็ได้อีกเหมือนกัน มีหลากหลายวัสดุและหลายวิธีมากจริงๆครับ
ส่วนข้อ 6-8 ก็เป็นเรื่องของฝีมือล้วนๆแล้วครับ ทำบ่อยๆ ฝึกบ่อยๆ ชิ้นงานที่ได้ก็จะค่อยๆสมบูรณ์สวยงามมากขึ้น ตามการฝึกฝนของเรานั่นเองครับ บางคนที่เริ่มต้น ใช้ไม้บรรทัดทาบกระดาษตัดด้วยคัตเตอร์ ยังตัดไม่ตรงเลยก็มีนะครับ ไม่ต้องตกใจผมก็เคยผ่านจุดนี้ก่อนเหมือนกัน ค่อยๆฝึกไป หัดตัด ขัดแต่ง ไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจและทำได้ดีในที่สุดนั่นเองครับ
ข้อ 9 นี่ก็เสร็จละ แต่ก็สำคัญมาก เพราะเป็นตัวชี้ได้เลยว่า เรือเราจะเด่น จะสวย ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่การนำเสนอนี่แหละครับ
เป็นอันจบขั้นตอนการทำเรือจำลองในแบบที่ผมคิดและเข้าใจครับ ส่วนท่านอื่นอาจจะมีวิธีและขั้นตอนที่ต่างไปจากนี้ ก็ไม่ผิดอะไรนะครับ เป้าหมายเดียวกันคือ ทำไงก็ได้ให้ทำเรือจำลองออกมาสวยงามเสร็จสมบูรณ์
นี่ก็เช้าแล้วครับก็ขอ อรุณสวัสดิ์ทุกท่าน แล้วพบกันใหม่ครับ
26-5-2566 6:35 น
เขียนแบบเรือจำลอง 101
7 พฤษภาคม 2565 สวัสดีครับ ช่วงนี้มาเร็วหน่อย เพราะเรื่องที่นำเสนอมันค่อนค้างมีรายละเอียดพอสมควรและผมเองก็ดันเรียงลำดับมันไม่ถูกเท่าไรเลยต้องรีบมาอธิบาย ไม่งั้นเดี๋ยวจะสงสัยกันไปอีกว่า เส้นนี้มาไง ตัวเลขนี้ ขนาดนี้ได้มาจากไหน ฯ และมันก็มีตัวเลขอยู่ชุดนึงที่หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันมาจากไหน มาได้ไง ไปลอกใครมาหรือเปล่านั่นก็คือ
L = 5.70 m. : LENGTH OVERALL : ความยาวทั้งหมด
B = 1.80 m. : BREADTH : ความกว้างตัวเรือ
D = 0.40 m. : DEPTH : ความลึกตัวเรือ
เรือลำนี้ตั้งใจนำมาเขียนเป็นตัวอย่างเบื้องต้นในการออกแบบและเขียนแบบเรือจำลองเพราะรูปร่างหน้าตาไม่ซับซ้อนมีเส้นไม่เยอะคำนวนค่าต่างๆค่อนข้างง่าย พอที่จะทำความเข้าใจได้ไม่ยากสำหรับผู้เริ่มต้นครับ
ทีนี้เรามาดูกันว่าทำไมตัวเลขของเรือลำนี้จึงออกมาเป็นแบบนี้ ก่อนอื่นต้องดูจุดประสงค์ของความต้องการเรือลำนี้ก่อนว่าต้องการอะไรจากเรือลำนี้ เรื่องแรกบรรทุกคนได้ 7-10 คน เป็นเรือท้องแบนเพราะต้องเข้าที่ตื้น ใช้กู้ภัยบริเวณที่น้ำท่วมขัง สามารถขนส่งทางบกโดยรถบรรทุกหกล้อได้พร้อมกันเป็นจำนวนหลายลำ(วางซ้อนกันไป) ใช้เครื่องยนต์ติดท้ายเป็นเครื่องหางยาวพื้นบ้าน หรือเครื่องเอ้าท์บอดร์ก็ได้ ฯ ประมาณนี้ครับ เรื่องต่อมาก็คือ น้ำหนักที่เรือลำนี้บรรทุกได้ น้ำหนักเฉลี่ย 80 Kg./คน สิบคนก็ 800 Kg. น้ำหนักเครื่องยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำดื่ม อาหาร และสุดท้ายคือ ตัวเรืทั้งลำ รวมกันแล้วเท่าไร ผมใช้วิธีคิดเคร่าๆจากตัวเลขที่ผมกำหนดขึ้นมาเอง ก็ได้ดังที่เห็นข้างบนนั่นแหละครับ ลองมาคิดตามตัวเลขข้างบนกันนะครับ สมมุติว่ามีกล่องสี่เหลี่ยมกว้าง 1.80 เมตร ยาว 5.70 เมตร ลึก 0.40 เมตร ถ้าใส่น้ำจืดจนเต็มกล่องหรือมีน้ำหนักมากดกล่องนี้จน "จมน้ำ" จะมีปริมาตรเท่าไรครับ ก็เอา กว้างxยาวxลึก ก็ออกมาเป็นปริมาตรมีหน่วยเป็น ลูกบาศก์เมตร หนือ mยกกำลังสาม นั่นเอง เมื่อคูณกันแล้วก็ได้เท่ากับ 4.104 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นน้ำหนักเท่ากับ 4.104 ตัน (น้ำหนักของ "น้ำจืด" 1 ตัน เท่ากับปริมาตรของ "น้ำจืด" 1 ลูกบาศก์เมตร) น้ำหนักของสิบคนบวกเครื่องยนต์บวกน้ำจืดบวกสิ่งของต่างๆ รวมทั้งตัวเรือเอง ผมรวมเคร่าๆให้ประมาณ 1500 Kg. หรือ 1.5 ตัน นั่นก็คือไม่ถึงครึ่งของน้ำหนักที่กดกล่องใบนี้ให้จมน้ำ หรืออย่างมากก็ไม่เกิน 2 ตัน ซึ่งเป็นน้ำหนักที่บวกเผื่อไปแล้วก็ได้เกือบครึ่ง ผลที่ได้คือน้ำหนัก 2 ตันนี้ มันจะกดกล่องให้จมน้ำได้แค่เกือบครึ่งกล่องเท่านั้นเอง....ทีนี้พอจะมองเห็นภาพรวมหรือยังครับ ว่า เรือที่มีขนาดเท่านี้ก็สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 2 ตัน แต่นั่นต้องหมายความว่า โครงสร้างของเรือต้องแข็งแรงพอด้วยนะครับ ซึ่งจะว่ากันต่อไปพร้อมๆกับการเขียนแบบ LINE PLAN ครับ
อ้อ บางท่านอาจจะสงสัยว่า เรือมันไม่ได้เป็นกล่องสี่เหลี่ยมนี่ครับ หัวมันโค้ง ท้ายมันตัด รูปตัดกลางลำมันเป็นสี่เหลี่ยมคางหมูนี่ครับ แล้วตัวเลขที่ได้มันจะมีความน่าเชื่อถือหรือครับ ก็เป็นแค่การยกตัวอย่างให้เห็นครับ ถ้าท่านใดคำนวนได้ละเอียดกว่านี้ก็ยิ่งดีครับ หัดไว้ ทำบ่อยๆครับ เดี๋ยวก็จะชำนาญเอง ดังนั้นตัวเลขชุดนี้ก็มาจากความต้องการของผมเองล้วนๆครับ ท่านใดจะปรับเปลี่ยนยังไงก็ได้ครับ จะมากหรือจะน้อยกว่านี้ก็ได้ไม่ผิดเลยครับ ถ้ามากกว่าก็จะเปลือง น้ำหนักเยอะขนย้านลำบาก ถ้าน้อยไปก็จะมีความเสี่ยงที่น้ำจะซัดเข้ามาขณะที่เรือแล่น ฯ ก็ลองคิดดูครับ สนุกดี
วันนี้ก็มีเท่านี้ครับ รวมอีกสองบทความก่อนหน้านี้ ก็คงจะพอเป็นแนวทางให้กับทุกท่านได้นำไปใช้ในการออกแบบและเขียนแบบเรือจำลองได้ไม่ยากครับ
.............................................................................
4 พฤษภาคม 2565 สวัสดีครับ มาอีกละครับต้องรีบมาขยายความของตอนที่แล้วเพิ่มครับเดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่คืองี้ครับ "เขียนแบบเรือ 101" อยู่ๆก็มีแบบ GA โผล่มาเลยซะงั้นก็เลยต้องมาขยายความด้วยรูปภาพและอธิบายประกอบเผื่อท่านที่พึ่งเริ่มต้นหรือพึ่งเข้ามาอ่านจะได้ไม่งงกันครับ เริ่มจากภาพแรกเลยละกัน
ภาพด้านบนเป็นการเตรียมกระดาษในที่นี้ใช้ขนาด A4 ครับเพื่อเขียนแบบเรือโดยสารขนาดเล็กมีรายละเอียดดังนี้
L = 5.70 m. : LENGTH OVERALL : ความยาวทั้งหมด
B = 1.80 m. : BREADTH : ความกว้าง
D = 0.40 m. : DEPTH : ความลึกตัวเรือ
scale 1:25 :ใช้อัตราส่วน 1:25 ครับ ได้พอดีกับกระดาษขนาด A4 ครับ เอาง่ายๆแค่นี้ก่อนสำหรับรายละเอียดของเรือที่ผมนำมาเป็นตัวอย่าง
ทีนี้เราก็มาเริ่มกันครับ ลากเส้นตามยาวของกระดาษขึ้นมาสองเส้นให้ขนานกันและห่างกันพอสมควร ความยาวของทั้งสองเส้นต้องยาวมากกว่าความยาวของตัวเรือนะครับ เส้นบนจะเขียนตัวอักษร B.L.(BASE LINE)กำกับทั้งสองด้านซ้าย-ขวา เส้นล่างก็กำกับด้วย C.L.(CENTERLINE) กำกับซ้าย-ขวา เช่นเดียวกันครับ ต่อมาผมได้กำหนดระยะของเฟรมหรือกงเรือโดยมีระยะที่ 500 มิลลิเมตร ถามว่าเอามาจากไหน ก็เอามาจากสถิติโดยรวมที่ผ่านมาครับ ซึ่งระยะขอเฟรมที่ผมเคยพบเจอมาในการทำงานนี้มีตั้งแต่ 450 ,500 ,550 ,600 , 650 , 700 ,800 ,1000 แต่ไม่เกิน 1000 มิลฯ อาจจะมีห่างมากกว่านี้ก็ได้ครับแล้วแต่การคำนวนของผู้ออกแบบ แต่ที่ผมเลือก 500 เพราะมันลงตัวดี เห็นแล้วคิดง่ายและก็เป็นระยะที่พบเจอได้บ่อยมากทั้งในเรือไทยและเรือต่างประเทศครับและคำนวนเคร่าวๆก็ง่ายดี เหตุผลมีแค่นี้ครับ ส่วนท่านใดจะต่างไปจากนี้ก็ไม่ผิดนะครับแต่ถ้าเป็นเรือจริงก็ หาผู้รู้จริงๆมาคำนวนให้หน่อยก็ดีครับ แต่ในที่นี้ผมเน้นที่การเขียนแบบเรือจำลองครับ
ต่อมาเมื่อแบ่งระยะเฟรมได้แล้วก็กำหนดหมายเลขเฟรมลงไปเริ่มจาก 0 ที่ท้ายเรือซึ่งจะอยู่ทางซ้ายมือของผู้เขียนแบบเสมอนะครับ แล้วก็ไล่มา 1...2...3......จนสุดความยาวที่ด้านหัวเรือได้เท่าไรก็เท่านั้นเหลือเศษก็ไม่เป็นไรครับ ทีนี้ในแบบของเราก็จะมีอยู่สองเส้นล่าง บน เส้นบนเขียนแบบด้านข้างหรือ PROFILE เส้นล่างเขียนแบบด้านบนหรือ PLAN
เรือลำนี้มีความลึกตัวเรือที่ 0.40 เมตร ในรูป PROFILE เราก็ต้องลากเส้นขนานกับเส้น B.L. แต่อยู่เหนือขึ้นไป 400 และในรูปด้านบนหรือ PLAN เรือลำนี้กว้าง 1800 มิลฯ เราก็ลากเส้นขนานกับเส้น C.L. ห่างกันด้านละ 900 มิลฯ ระยะทั้งหมดนี้ทำใน scale 1:25 นะครับ (เรื่องของ scale ผมได้ทำบทความไว้แล้วก่อนหน้านี้ อ่านได้ในกล่องบทความครับ)
ที่นี้เราก็จะมาเริ่มเขียนส่วนหัวของเรือกันทั้งด้าน PROFILE และด้านPLAN
เริ่มจากด้าน PROFILE กันเลยครับ จากภาพด้านบน ผมใช้ เคิฟ ตัวสีเหลืองๆมาทาบลงบนแบบ และเขียนส่วนโค้งลงไป ถามว่ามีมาตราฐานหรือสูตรอะไรไหม ขอตอบว่าไม่มีครับ เอาตามที่ชอบเลยครับ ผมชอบส่วนโค้งขนาดนี้ผมก็เขียนลงไปเลย ไม่ต้องลังเลครับ แต่ถ้าจะคิดถึงความจริงสักหน่อยก็ดีครับ คือ ถ้ามันโค้งไม่มากหัวเรือก็จะต้านน้ำมากไปเรือก็จะช้าหรือต้องเร่งเครื่องมากขึ้น หรือถ้ามันดูแหลมมากไป หัวเรือก็จะไม่แข็งแรง ฯ อะไรประมาณนั้นครับ
ความโค้งของหัวเรือที่ได้ครับ ท่านใดจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ไม่ผิดนะครับ
ภาพด้านบนนี้ผมเขียนเส้นโค้งลงไปก็เหมือนเดิมครับ ชอบยังไงก็เขียนไปอย่างนั้น ผลที่ได้ก็คือ
ก็ต้องเขียนเหมือนกันทั้งสองข้างนะครับในแบบ GA ตัวเรือเรือลำนี้เป็นแบบ Flat Bottom และเป็น SINGEL CHINE ผมก็ต้องเขียนเส้น CHINE หรือเส้นขอบเรือด้านล่างอีกหนึ่งเส้นที่หัวเรือทั้ง PROFILE และ PLAN ก็เอาตามที่ชอบเลยครับลองดูหลายๆหน จนกว่าจะพอใจครับไม่ผิดเลย ผลที่ได้ก็คือ
ผมได้เส้น chine ในแบบทั้งสองด้านแล้วครับ ต่อมาก็เขียนในแบบกำหนดห้องว่างที่หัวเรือ ใส่ที่นั่งและห้องว่างท้ายเรือก็จะได้ดังภาพด้านล่างนี้ครับ
ก็เป็นอันเสร็จสำหรับแบบ GA แต่ในแบบจะเห็นรูปด้านหน้า ซึ่งจะเขียนหรือไม่เขียนก็ได้ครับ แต่ที่ผมเขียนมาให้ดูก็เพื่อจะดู ส่วนโค้งหัวเรือว่ามันได้ตามที่ผมเข้าใจหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ ถ้าผมไม่ชอบ ผมก็ต้องไปแก้ที่รูป PROFILE และ PLAN ครับ และจากแบบ GA นี้ขั้นตอนต่อไปเราก็จะเอาข้อมูลซึ่งก็คือระยะต่างๆไปเขียนแบบ LINE PLAN ซึ่งเป็นแบบเรือที่สำคัญมากเป็นแบบที่เรือทุกลำต้องมีครับแต่....เป็นแบบที่ไม่ต้องส่งกรมเจ้าท่าเวลาขออณุญาติต่างๆครับ และแบบนี้ก็จะเป็นความลับของแต่ละสำนัก เพราะในความเป็นจริงการต่อเรือจริงๆ เขาจะทำเรือจำลองจาก LINE PLAN นี้และนำไปทดสอบค่าต่างๆในถังทดสอบ และปรับแก้ทั้ง LINE PLAN และโมเดลเรือจนได้ค่าต่างๆเป็นที่พอใจจึงจะนำแบบ LINE PLAN นั้นไปเขียนและขยายแบบ สร้างเป็นเรือจริงต่อไป สมัยก่อนโรงขยายแบบของแต่ละอู่นี่ถือเป็นเขตหวงห้ามนะครับ บางคนอาจได้รับอณุญาติให้เข้าไปดูได้แต่ห้ามนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปด้วยเด็ดขาด แต่สมัยนี้มันไปอยู่ในคอมหมดละครับจะรั่วได้ก็คนคุมเครื่องกับเจ้าของอู่นั่นแหละครับ บางทีแบบ LINE PLAN ที่ผู้ออกแบบส่งให่อู่กับที่อู่เอาไปขยายแบเพื่อต่อเรือจริงก็ยังไม่เหมือนกันอีก ขึ้นอยู่กับคนขยายแบบของอู่นั้นๆครับ
วันนี้ก็มีเท่านี้ครับครั้งหน้ามาต่อกันเรื่อง LINE PLAN ของเรือลำนี้กันครับ และเหตุผลต่างๆว่า ทำไมต้องมีแบบ LINE PLAN ......ราตรีสวัสดิครับขอให้ทุกท่านฝันดีนะครับ 1.22 5-5-2565
.............................................................................
2 พฤษภาคม 2565 สวัสดีครับ วันนี้หวยออกขอให้ทุกท่านโชคดีกันนะครับ ผมก็ว่าจะไปหาสักใบเหมือนกันเผื่อฟลุคส์....นี่ก็ตีหนึ่งครึ่งละ ระยะนี้นอนหลับยากมากครับทั้งๆที่กินยาตามหมอสั่งแล้วอยากจะกินเพิ่มอีกสักเม็ดก็ไม่กล้า ยังไม่อยากตายเร็วครับ แต่ก็ใช่ว่าจะกลัวเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับ......เนี่ย พอเริ่มจะทำอะไรสักอย่างไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลงดูยูทูปเขียนบทความ ฯลฯ มันจะเริ่มง่วง แบบอยากหลับคาเก้าอี้เลยทีเดียว แต่พอลุกไปนอนก็นอนไม่หลับอีก เบื่อมากๆครับ
วันนี้มาทบทวนของเก่ากันดีกว่าครับ เอาเป็นเรื่อง "เขียนแบบเรือ 101" ละกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
หลังจากเราได้ความคิดปิ๊งไอเดียร์แล้ว ว่าเราต้องการเรืออะไร เอาไปใช้ทำอะไร ที่ไหน ฯลฯ เราก็เอาทั้งหมดที่เราคิดได้หรืออยากได้ ใส่มันลงไปในแบบเรือที่เราจะเขียนเลยครับ ก่อนอื่นก็ต้องเตรียม วัสดุ อุปกรณ์การเขียนแบบให้พร้อมเสียก่อน ส่วนใหญ่ก็จะมีดังภาพด้านล่างครับ
กระดานเขียนแบบใครไม่มีก็เขียนกันบนโต๊เรียบๆก็ได้ครับแต่จะลำบากหน่อยตอนที่จะลากเส้นตั้งฉาก กระดาษที่ใช้ก็เป็น A3 หรือ A4 อันนี้แล้วแต่ขนาดเรือที่เราอยากได้ครับ เมื่อเตรียมกระดาษเสร็แล้ว ให้ระลึกไว้เสมอว่า การเขียนแบบเรือ ท้ายเรือจะอยู่ทางซ้ายมือ และตัวเลขที่กำหนดเฟรม หรือกงเรือเริ่มจาก 0 ที่ตำแหน่งกึ่งกลางหางเสือเรือ หรือ ท้ายเรือเสมอ(กรณีที่เรือไม่มีเครื่องยนต์และหางเสืออยู่ก่อนท้ายเรือ)
ภาพด้านบนเป็นแบบ GA ของเรือลำเลียงคนขนาดเล็กมีห้องหัวเรือท้ายเรือและที่นั่งสามแถวใส่เครื่องติดท้าย(แล้วแต่จะใช้กี่แรงม้า) แบบนี้มีสองรูปคือ รูปด้านข้างกับรูปด้านบน รูปด้านข้างจะอยู่บนเส้นยาวแนวนอนที่มีตัวหนังสือกำหนดว่า B.L. หรือ BASELINE หรือแปลตรงๆก็คือเส้นฐานครับ ท้ายเรืออยู่ทางซ้าย เริ่มนับเฟรมจากท้ายเรือคือ 0 แต่ในแบบนี้ไม่ได้ใส่ไว้ครับ รูปที่สองเป็นรูปด้านบน แสดงให้เห็นที่นั่งตามขวาง มีถังอยู่หัวและท้ายเรือ มีเส้นตามยาวผ่านกลางลำเรือกำหนดด้วย C.L. หรือ หรือ CENTER LINE แปลตรงๆว่า เส้นกลึ่งกลางลำเรือ ถามว่าทำไมตัวเรือลึกแค่สี่สิบเซ็นฯเอง จะใส่คนได้ตั้งห้าคนเลยหรือ แล้วโครงสร้างเรือเป็นยังไง อันนี้ก็ให้เป็นการบ้านไปคิดกันเองนะครับ ลองไปใส่โครงสร้างกันเอา ใครที่เป็นวิศกรโครงสร้าง ,เครื่องกล ,โยธา ฯ น่าจะได้เปรียบ จะใช้โครงสร้างเป็นอะไร ตัวเรือเป็นอะไร มันบรรทุกคนได้จริงไหม ฯลฯ แต่ถ้าเป็นเรือจำลองก็ไม่ต้องคิดเยอะครับ อยากได้อะไรก็ใส่เข้าไปแล้วเวลาทำเป็นโมเดลออกมาก็ทำให้เหมือนในแบบที่เราเขียนไว้ ทำบ่อยๆก็จะสวยเองครับ เรือลำนี้ตัวเรือ (hull) เป็นแบบ Flat Bottom ครับ
ภาพจาก https://www.i.pinimg.com
วันนี้ก็คงจะมีเท่านี้ครับหวังว่าจะเป็นแนวทางให้กับผู้เริ่มต้นในการออกแบบและเขียนแบบเรือ "ด้วยมือ" นะครับ ติดขัดหรือสงสัยอะไรก็ทักทายกันมาได้ตามช่องทางที่ให้ไว้ในนี้ครับ 2.23 น ราตรีสวัสดิครับทุกท่าน
เขียนแบบเรือจำลอง 101 part 2 LINE PLAN
11 พฤษภาคม 2565 สวัสดีครับ วันนี้มาเร็วหน่อยตั้งใจว่าจะนอนเร็วสักวัน วันนี้มาต่อกันด้วยเรื่อง เขียนแบบเรือจำลอง 101 part 2 กันครับ ต่อจากคราวที่แล้วเราเขียนแบบ GA เสร็จแล้วต่อมาก็จะเป็นแบบ LINE PLAN หรือ แบบลายเส้นตัวเรือ นั่นเองครับ
เริ่มเหมือนเดิมคือเตรียมกระดาษและอุปกรณ์การเขียนแบบให้พร้อม
หลังจากพร้อมที่จะเขียนแล้วก็ลงมือเลยครับ ด้วยการลากเส้นยาวตามแนวนอน ให้ขนาดกันสองเส้น และกำกับหัวท้ายที่เส้นบนด้วยตัวอักษร B.L. และหัวท้ายที่เส้นล่างด้วย C.L. เหมือนตอนที่เขียนแบบ GA และระยะห่างระหว่างทั้งสองเส้นก็เท่ากับหรือใกล้เคียงกับที่เขียนในแบบ GA ก็ได้ครับ
ภาพด้านบนนี้คือตัวอย่างแบบ LINE PLAN ที่ใช้ในการต่อเรือจริงๆครับ จะเห็นว่ามีอยู่สามรูปคือ รูปด้านข้าง รูปด้านบน และรูปด้านหน้าบวกหลัง รูปด้านบนก็เขียนแค่ครึ่งเดียวเพราะตัวเรือในอุดมคติสองข้างต้องเท่ากันครับ ส่วนที่ว่าต่อเรือออกมาแล้วสองข้างไม่เท่ากันมีไหม มีครับ เยอะด้วยและเรือจริงสองข้างไม่มีวันเท่ากันตราบใดที่ยังใช้มือคนในการประกอบและเชื่อม แต่จะต่างกันมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละอู่แล้วครับ
ทีนี้มาต่อเรื่องของเราเรือลำน้อยๆท้องแบนๆกันครับ ได้มาแล้วสองเส้น ทีนี้ต้องมาแบ่งตามความยาวของตัวเรือตั้งแต่ท้ายเรือถึงหัวเรือเป็นจำนวนสิบช่องเท่าๆกัน ก็เอาความยาวหารด้วยสิบคือ 5.7/10=0.57 เมตร หรือ 570 มิลฯ ได้ตัวเลขแล้วก็ขีดลงในแบบทั้งสองเส้นล่างบนเลยครับดังภาพด้านล่าง
แต่ละเส้นในแนวตั้งที่ตัดกับเส้น B.L. และ C.L. ที่ใต้เส้นเขียนกำกับว่า ST0 ที่ท้ายเรือถึง ST10 ที่หัวเรือครับ(ST : STATION)
ภาพด้านบนหลังจากแบ่งและเขียน STATION กำกับแบบแล้ว ที่นี้ก็มาแบ่งตามแนวตั้งของทั้งสองรูป ออกเป็นช่อง ช่องละ 100 มิลฯ ในรูปด้านข้างแบ่งได้สี่ช่องและลากเส้นตามยาวจากท้ายเรือไปจนเลยหัวเรือเล็กน้อยแล้วเขียนกำกับตั้งแต่เส้นแรกเหนือเส้น B.L. ว่า WL.1 ขึ้นไปถึง WL.4 ตามลำดับ (WL. : WATER LINE)
ในรูปด้านบนก็เช่นเดียวกันแบ่งเป็นช่อง ช่องละ 100 มิลฯไปจนสุดข้างเรือ ขนานไปกับเส้น C.L. และกำกับหัวท้ายด้วย B1 จนถึง B9 (ฺB : BUTTOCK มะรู้ถูกป่าวนะครับ ก็ลอกๆฝรั่งกันมาทั้งนั้น ฮาาาาาาา)
ต่อไปก็เขียนเฉพาะรูปร่างของเรือทั้งด้านข้างและด้านบนเท่านั้น ไม่ต้องมีอย่างอื่เลยครับ(ที่นั่ง ถังต่างๆ ฯลฯ) เสร็จแล้วก็จะได้ดังภาพด้านล่างครับ
จากภาพด้านบนเมื่อได้รูปร่างของเรือทั้งด้านข้างและด้านบนแล้วก็เขียนกำกับเส้นต่างๆลงไปครับ ตอนนี้เรามาได้ครึ่งทางแล้วครับ.....555555 ใช่ครับ แค่ครึ่งทางเอง ต่อไปก็จะเริ่ม อึดอัดหาวเรอกันแล้วนะครับสำหรับผู้ที่ไม่เคยเขียนแบบมาก่อนเลย เรื่องนี้ผมก็ผ่านมาหมดแล้วครับ นั่งตีอกชกหัวอยู่คนเดียว มันมาไงวะ แล้วทำไงถึงจะได้เส้นโน่น นี่ นั่น......อาคร์..............ใครก็ได้ช่วยที.....แต่เสียใจด้วยครับ ในการทำงานอย่าฝันครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ ทำงานรับเงินเดือนเหมือนกัน ทำไม่ได้ก็ต้องหาวิธีทำให้ได้ ไม่งั้นก็เลิกครับ ไปทำอย่างอื่นดีกว่ามาเสียเวลาเปล่าๆ อีกครึ่งไว้พรุ่งนี้มาต่อครับ อย่าว่ากันเลยครับ ง่วงเต็มทีละ ราตรีสวัสดิครับ 10.56 น.
.............................................................................
12 พฤษภาคม 2565 สวัสดีอีกครั้งครับ วันนี้มาว่ากันต่อเรื่อง LINE PLAN ต่อจากเมื่อวาน เราได้รูปร่างเป็นลายเส้นของเรือทั้งสองด้านแล้ว คือรูปด้านข้าง: PROFILE และรูปด้านบนครึ่งเดียว: HALF BREATHS
ภาพด้านบนคือ PROFILE นอกจาก STATION No.:ST และ WL. แล้ว ที่เพิ่มขึ้นมาคือ KEEL : กระดูกงู CHINE: เส้นขอบเรือด้านล่าง SIDE:เส้นข้างเรือ ให้มองเส้น B.L. เป็นเส้นที่อยู่ต่ำที่สุด ดังนั้นดูจากท้ายเรือมาสุดหัวเรือตั้งแต่ ST0 ถึง ST10 เส้นที่อยู่สูงกว่า B.L. คือเส้น SIDE สูงกว่า 400 มิลฯ มันดูเหมือนเส้นตรง ก็ใช่ครับถ้ามองจากด้านช้างอย่างนี้ แต่ความจริงมันจะค่อยๆโค้งเข้าหาเส้น C.L. ที่หัวเรือครับ เส้นต่อมาคือเส้น CHINE เริ่มตั้งแต่ ST6 ก็จะค่อยๆสูงขึ้นจนไปชนหัวเรือที่ ST10 ที่ระดับ 400 มิลฯ เส้นที่สามคือ KEEL : กระดูกงู เริ่มที่ ST8 แล้วจะค่อยๆสูงขึ้นไปชนกับหัวเรือที่ ST10 ที่ระดับ 400 มิลฯ เหมือนกัน ที่ตำแหน่งเสมอกับเส้น B.L. จะมีค่าเท่ากับ 0 มิลฯ จะเห็นว่าตั้งแต่ ST0 ถึง ST6 เส้น CHINE และเส้น B.L. จะอยู่ที่ระดับ 0 มิลฯ เหมือนกันแล้วจึงค่อยโค้งขึ้น ถ้าดูด้านข้างอย่างนี้จะนึกว่าเส้น CHINE นี้มันโค้งขึ้นตรงๆตั้งฉากกับแนวเดิม แต่ไม่ใช่ครับ มันโค้งขึ้น และ โค้ง เข้าหา กลางลำเรืออีกด้วย จนกระทั่งโค้งสูงขึ้นและเข้าหากลางลำจนกระทั่งไปชนกับเส้น C.L. ตรง ST10 ที่ระดับความสูง 400 มิลฯ นั่นเอง แต่ในรูป PROFILE จะไม่เห็นเส้น C.L. เพราะตามความเป็นจริงเรามองเห็นแต่ด้านข้างของเรือเท่านั้นครับ ตรงนี้จะยากมาก หากท่านมองเป็นภาพสามมิติหรือ 3D ไม่ออก ดังนั้นความสำคัญของ รูป PROFILE นี้ก็คือ วัดระยะทุก ST ที่อยู่เหนือเส้น B.L. ออกมาให้ได้ครบทุก ST ครับ อย่าลืมว่าต้องวัดระยะทุก ST นะครับหน่วยที่ใช้ในแบทั้งหมดเป็น มิลลิเมตร ในอัตราส่วนหรือ scale 1:25 นะครับ ดังนั้นเราก็จะเขียนตารางได้ว่า
STATION(ST) 0 : 1 : 2 ...........10
KEEL ABOVE B.L. 0 400
CHINE ABOVE B.L. 0 400
SIDE ABOVE B.L. 400 400
แฮะๆ มึนครับ พิมพ์ไป พิมพ์มาตาลายเหมือนกัน มันสู้การอธิบายแบบเห็นหน้าเห็นตาไม่ได้จริงๆ มันชี้ไปพูดไป เข้าใจง่ายกว่าเยอะ แต่ทำไงได้ล่ะครับ ก็ว่ากันไปทั้งอย่างนี้ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ดีออกครับ คนอ่านก็จะได้มึนไปพร้อมๆกับผม....55555555555555
มาต่อกันครับ ภาพด้านบนคือ HALF BREATHS : รูปด้านบนครึ่งเดียว เช่นเดียวกับรูป PROFILE มีตัวอักษรกำกับเส้นเพิ่มขึ้นมาอีกสามคือ SIDE : เส้นข้างเรือ CHINE : เส้นขอบเรือด้านล่าง KEEL : กระดูกงู รูปนี้มองจากด้านบน ตั้งแต่ ST0 ถึง ST7 จะเป็นเส้นตรงและจะค่อยๆโค้งเข้าหาตัวเรือจนไปชนเส้น KEEL ที่ ST10 ในรูปนี้ระยะที่ KEEL คือ 0 มิลฯ ทั้งสามเส้นนี้ก็คือเส้นเดียวกันกับในรูป PROFILE แต่มองคนละด้านเท่านั้นเอง รูป PROFILE มองด้านข้าง รูป HALF BREATHS มองด้านบนครับ ดังนั้นรูปนี้เราก็นำมาเขียนตารางได้ดังนี้ครับ
STATION(ST) 0 : 1 : 2 ...........10
CHINE FROME C.L. 800 0
SIDE FROME C.L. 900 0
ระยะที่เราต้องวัดทุก ST นะครับแล้วนำมาใส่ในตารางเพื่อไม่ให้สับสน แต่บางท่านอาจจะสับสนมากกว่าเดิมก็ได้ ก็ลองทำความเข้าใจดูนะครับ เพราะส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดแล้ว สำหรับการเขียนแบบเรือ เรือเราจะสวยหุ่นจะดี โค้งจะเนียน หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับสายตาในการวัดค่าและมือที่นิ่งมากๆนำมาเขียนลงในแบบครับ และทั้งหมดที่ว่ามาก็จะได้ดังรูปด้านล่างนี้ครับ
ตารางที่ว่านี้ เราเรียกมันว่า TABLE OF OFFSETS ครับ แต่หลังๆมานี้ไม่ค่อยเห็นแล้วครับเพราะทุกอย่างมันอยู่ในคอมพิวเตอร์หมดละ ไม่มีโรงขยายแบบ ไม่มีคนขยายแบบ มีแต่ USER ที่ใช้ CAD CAM เท่านั้นครับ มีอยู่ท่านหนึ่งผมเรียกท่านว่าครู แก ขยายแบบตั้งแต่ผมยังเรียนไม่อยู่เลยครับ ปัจจุบันทราบว่าท่านได้ถูกย้ายไปทำหน้าที่คุม สโตร์สีแล้วครับ......
ที่นี้มาว่ากันถึงข้อสงสัยของหลายๆท่าน ว่ามันมายังไง มีหลักเกณฑ์อะไรหรือเปล่า ก็คือ
ระยะห่างของเส้น WL. ทำไมต้องเป้น 100 มิลฯ ขอตอบว่า เอาตามความเหมาะสมของแต่ละคนเลยครับ มันก็เปรียบเหมือนกระดาษกราฟที่เรารู้จักตอนเรียนประถมหรือ ม.ต้นนั่นเองครับ แนวตั้ง 10 มิลฯ แนวนอน 10 มิลฯ อันนี้ก็เหมือนกันครับ แต่ผมไม่ได้เขียนกำกับไว้ ระยะห่างของเส้น B.L. ก็เช่นเดียวกันครับ ส่วนใหญ่เรือที่มีความโค้งไม่มาก ก็จะมีระยะของเส้นพวกนี้ห่างกันหน่อย อาจจะ 200 มิลฯ หรือ 500 มิลฯ ก็ได้ครับ ข้อต่อมาทำไมที่หัวเรือถึงมี ST 7.5 ,8.5 ,9.5 ขอตอบว่า ในส่วนของเรือที่มีความโค้งมากๆ ก็จะซอยระยะของ ST เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อที่เส้นโค้งในส่วนต่างๆของเรือจะได้ เนียนและถูกต้องมากขึ้นมากขึ้นนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้ ในแบบ LINE PLAN นี้ก็เป็นเพียงแบบชี้นำนะครับ เราสามารถปรับเปลี่ยนตัวเลขจนเราพอใจได้เลยโดยผลลัพธ์มันจะไปปรากฏที่ BODY PLAN หรือ SECTION ที่เราจะเขียนต่อไปหลังจากนี้ครับ ก็วุ่นวายและใช้เวลาพอสมควร ถ้าคุณแก้ตัวเลข หรือ ส่วนโค้งที่จุดหนึ่ง คุณก็ต้องมาแก้อีกสองแบบที่เหลือด้วยครับ เพราะเวลาทำงานจริง ถึงเราจะมั่นใจตัวเลขใน TABLE OF OFFSETS ก็ตามแต่ก็ต้องวัดระยะสอบทานในอีกสองแบบคู่กันไปด้วยเสมอ เพราะถ้าผิดไปตัวนี่แก้กันเหนื่อยเลยครับ
ไม่จบอีกจนได้ครับ ก็ค่อยๆทำความเข้าใจกันไปนะครับ อย่าใจร้อน ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับการเรียนรู้ครับ วันนี้ไม่เข้าใจมึนไปหมด ก็หยุดพักวันหลังค่อยมาว่ากันใหม่ หรือท่านใดจะถอดใจก็ไม่ว่ากันครับเพราะอย่างที่บอกไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ก็อย่ามาเสียเวลากับมันเลยครับไปทำอย่างอื่นดีกว่าเยอะ แต่ถ้ายังสู้อยู่ก็ตามผมมาเรื่อยๆครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอลลลลล ราตรีสวัสดิครับทุกท่าน 13-5-2565 1.29 น.
.............................................................................
13 พฤษภาคม 2565 23.30 น. สวัสดีครับวันนี้มาดึกไปนิดนึง มาต่อกันเรื่อง LINE PLAN ครับ เมื่อคืนเราได้ตาราง TABLE OF OFFSETS ไปแล้ววันนี้เราจะมาเชียนรูปด้านหน้า หรือ BODY PLAN กันเริ่มจากนี่เลยครับภาพด้านล่าง
ยกเอาตาราง TABLE OF OFFSETS มาทั้งหมดเลยครับ นำมาไว้ตรงไหนก็ได้และเหลือที่ให้เขียนรูป BODY PLAN ไว้ตรงกลาง ในที่นี้ผมก็จัดรูปแบบอย่างที่เห็นในภาพด้านบนครับ ครั้งนี้ผมจะเขียนแบบนี้ใน scale 1/10 ครับมันจะดูง่ายและวัดระยะได้ง่ายหน่อย ถ้าเป็น scale 1/25 มันเล็กนิเดียว วัดระยะยากมากหัวดินสอถ้าเหลาไม่ดีก็หนาเกือบๅ 1 เซ็นฯ หรือ 10 มิลฯ เข้าไปแล้ว ระยะมันก็จะเพี้ยนไปเยอะพอสมควร แต่ใน PROFILE และ PLAN ทำไมผมใช้ scale 1/25 นั่นก็เพราะว่า เส้นโค้งมันไม่มาก และมันก็เป็นภาพรวมที่มองได้ชัดเจน ที่สำคัญคือ มันพอดีกับกระดาษ A4 ด้วยครับ
เหนือตารางขึ้นไป ผมก็ตีตารางไว้อีกหนึ่งชุดเพื่อเขียนแบบ BODY PLAN ทั้งด้านหน้าและหลังครับประกอบด้วยสองเส้นหลักตัดกันและตั้งฉากด้วย นั่นคือ เส้น B.L. อยู่ล่างสุด มีเส้น C.L. มาผ่าตรงกลางและตั้งฉากกัน ต่อมา เส้น ซ้าย-ขวาของเส้น C.L. มีระยะเท่ากันคือ 100 มิลฯ กำกับด้วย B1-B9 ซึ่งมันก็คือเส้นเดียวกันกับในแบบ PLAN นั่นเองครับ เหนือเส้น B.L. ขึ้นไปก็เป็นเส้น WL.1-WL.4 มีระยะห่างกัน 100 มิลฯ และเป็นเส้นเดียวกับในแบบ PROFILE นั่นเองครับ
เสร็จแล้วก็เอาตัวเลขในตาราง TABLE OF OFFSETS มาพล๊อตหรือกำหนดจุดลงในแบบ BODY PLAN ทำทีละ STATION นะครับเดี๋ยวจะงง ผมจะไม่อธิบายมากเพราะจะยิ่ง งงกันไปใหญ่แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดกันครับ เพียงแต่มันต้องเข้าใจเรื่องของตำแหน่งที่ต้องระบุด้วยค่าตัวเลขตำแหน่งละชุดตัวเลข .......สมมุติว่า ให้ทำกากบาทที่ตำแหน่งห่างจาก C.L. 500 และสูงจาก B.L. 500 ก็วัดระยะจาก C.L. ไป 500 มิลฯ และทำเครื่องหมายไว้อาจจะขีดเป็นเส้นบางๆก็ได้ครับ จากนั้นก็มาระยะจาก B.L. ขึ้นไป 500 มิลฯ แล้วก็ขีดเส้นให้ไปตัดกับเส้นแรก ก็จะได้ตำแหน่งที่ต้องการ
ที่นี้ในหนึ่ง ST ที่เราต้องนำมาเขียนแบบ BODY PLAN มันจะมีอยู่ สามตำแหน่ง นั่นคือ ตำแหน่งของ เส้น SIDE ,CHINE ,KEEL โดยอ้างอิงระยะจากเส้น B.L. และ C.L. จุดที่เส้นทั้งสาม เมื่ออยู่ที่ STATIO ใดๆก็ตามก็จะมีระยอ้างอิงจากเส้น B.L. และ C.L. ทั้งสิ้นเช่น ที่ ST0 เส้น KEEL ในรูป PROFILE จะอยู่เหนือเส้น B.L. ระยะเท่ากับ 0 มิลฯ
ในตาราง TABLE OF OFFSETS ก็จะเขียนว่า KEEL ABOVE B.L.
CHINE ABOVE B.L.
SIDE ABOVE B.L.
ส่วนในรูป PLAN ที่ ST0 เช่นกัน ตำแหน่งของทั้งสามเส้นนี้ก็จะเขียนในตารางว่า
CHINE FROME C.L.
SIDE FROME C.L.
ก็ให้นำเอาค่าตัวเลขในตารางของแต่ละ ST ไปพล๊อตหรือทำเครื่องหมายลงในแบบ BODY PLAN ซึ่งมีเส้น B.L. และ C.L. เป็นเส้นอ้างอิงให้อยู่แล้ว ในแต่ละ ST ก็จะได้รูปตัดตามขวาง หรือ SECTION ออกมาดังภาพด้านล่างครับ
ภาพบนคือผลที่ได้จากการเขียนแบบ BODY PLAN โดยใช้ตัวเลขในตาราง TABLE OFFSETS เส้น CHINE มันโค้งไม่ค่อยเนียนเท่าไรครับ อาจจะเป็นที่มือไม่นิ่งหรือตาไม่ดีก็เป็นได้ ทีนี้หลายท่านก็คงพอจะมองเห็นอะไรขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ ลอง download ภาพไปศึกษาดูครับ
วันนี้ก็ขอจบเรื่อง LINE PLAN นะครับ ครั้งต่อไปจะมาว่าเรื่อ FRAME SECTION กันครับ คืนนี้ก็ขอราตรีสวัสดิทุกท่านครับ 14-5-2565 0.29 น.
เขียนแบบเรือจำลอง101 PART3 MIDSHIP SECTION
15 พฤษภาคม 2565 สวัสดีครับ วันนี้มาแบบว่าง่ายๆอย่างนี้ล่ะครับ เอารูปมาแปะ แล้วก็จะบอกว่า ท่านใดที่อ่านบทความเรื่อง "เขียนแบบเรือจำลอง 101" มาถึงตอนนี้และมีความเข้าใจพอสมควรมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่คน นั่นก็คือ ท่านสามารถเขียนแบบเรือจำลองได้แล้วครับ อาจจะช้าและไม่เข้าตาอยู่บ้างแต่ถ้าฝึกบ่อยๆ รับรองว่า แบบเรือจำลองที่ท่านต้องการจะออกมาสวยงามเป็นแน่แท้ครับ
ส่วนภาพที่ผมแปะไว้ข้างบนก็คือภาพตัคตามขวางที่กลางลำครับ หรือ MIDSHIP SECTION แต่ถ้าเราวัดระยะกลางลำเรือจริงๆ เรือบางลำที่กลางลำจะไม่เห็น เฟรม หรือ กงเรือ หรือ FRAME SECTION เลย แต่ที่เขียนกำกับแบบแผ่นนี้ว่า MIDSHIP SECTION ความหมายของแบบก็คือ เป็นแบบแสดงรายละเอียดของโครงสร้างตัวเรือว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน ในแบบอาจจะไม่ได้มีเฟรมเดียว อาจจะแสดงไว้หลายเฟรม เช่น รูปผนังกั้น หัวและท้ายเรือ และ เฟรมขนาดที่ใหญ่กว่าปรกติทั่วไปของเรือลำนั้นๆครับ เช่นแบบด้านล่างก็คือแบบ MIDSHIP SECTION ของเรือลำหนึ่งครับ
กลับมาดูแบบ MIDSHIP SECTION ของเรือที่ผมเขียนกัน โครงสร้างตามขวางก็จะมี ไม่อัดขนาด 350x10 มิลฯ ปิดทับด้วยแผ่นไม้อัดขนาด 500x10 มิลฯ เป็นที่นั่งด้วย โครงสร้างตามยาว ที่ท้องเรือคือไม้ขนาด 1"x4" ยาวตลอดลำเรือ ที่มุมล่างและขอบด้านบนของเรือ ทั้งซ้ายและขวา เป็นไม้ขนาด 1"x2" ยาวจากท้ายเรือไปจบที่หัวเรือที่ระดับ 400 มิลฯ และขอบด้านบนจะปิดทับด้วยไม้ขนาด 1"x4" ยาวจากท้ายเรือไปจบกันที่หัวเรือเช่นกันครับ เปลือกเรือหรือ SHELL ก็เป็นแผ่นไม้อัดหนา 10 มิลฯ ที่ท้องเรือและข้างเรือทั้งสองด้านครับ เสร็จแล้วก็จะบุด้วย กลาสไฟเบอร์ อีกกี่ชั้นก็ว่ากันไป หนามากก็แข็งแรงมากแต่ก็แพงมาก บางมาก ความแข็งแรงก็น้อย ก็ต้องไปคำนวนความแข็งแรงของไฟเบอร์กลาสที่เหมาะสมอีกทีครับ ซึ่งในเรือจริงๆกว่าจะถึงขั้นตอนนี้ ผู้ออกแบบก็จะคำนวนค่าต่างๆของตัวเรืออกมาแล้ว และก็จะเริ่มคำนวนความแข็งแรงของตัวเรือต่อมาถึงจะเอาวัสดุที่คำนวนได้มาใส่ลงในแบบ MIDSHIP SECTION นี้อีกทีครับ................
นี่ก็เป็นแค่ "ตัวอย่าง" นะครับในการเขียนแบบเรือจำลอง ไม่ใช่เรือจริง ทีนี้จากแบบ MIDSHIP SECTION นี้ เราก็กลับไปดูที่แบบ GA ว่าเฟรมต่างๆอยู่ในระยะที่เท่าไหร่ ก็เอาระยะของทุกเฟรมนั้นมาใส่ในแบบ LINE PLAN และเขียนออกมาเป็น FRAME SECTION โดยใช้วิธีเดียวกันกับการเขียนเฟรมในตำเหน่ง STATION ต่างนั่นเองครับ มีร้อยเฟรมก็ต้องเขียนทั้งร้อยเฟรมครับ การใส่ความหนาตัวเรือทุกชนิด ให้ใส่ออกด้านนอกของเส้นตัวเรือครับ..........เออ
ประมาณภาพด้านบนครับความหนาของเปลือกเรือหรือ SHELL จะอยู่ด้านนอกเส้นที่มาจาก LINE PLAN ครับ ส่วนโครงสร้างต่างๆก็จะอยู่ภายในเส้นนี้ครับ ดังนั้นขนาดของเรือที่ต่อเสร็จแล้วจะใหญ่กว่าขนาดในแบบนิดนึงครับก็ใหญ่ ยาว แล้วก็ลึกกว่าเท่ากับความหนาของ เปลือกเรือนั่นเอง แต่ถ้าวัดกันจริงๆจังก็เหนื่อยล่ะครับ แต่ไม่ควรสั้นหรือแคบกว่าขนาดในแบบเรือนั้นๆครับ
วันนี้ก็จบเรื่อง MIDSHIP SECTION ลงแต่เพียงเท่านี้ครับ สงสัยก็ถาม ไม่สงสัยก็แล้วไป หรือไม่รู้เรื่องเลย ก็ไม่ว่ากันครับ 5555 พรุ่งนี้ตื่นมาขอให้ได้เลขเด็ดเลขดีสมหวังกันทุกท่านครับ คืนนี้ราตรีสวัสดิครับ 12.00 น.
เขียนแบบเรือจำลอง 101 PART 4 CONSTRUCTION PROFILE
19 พฤษภาคม 2565 "เขียนแบบเรือจำลอง 101" PART 4 CONSTRUCTION PROFILE........................
แบบด้านบนมีเขียนผิดอยู่นะครับ ลองหาดูดีๆ.....ราตรีสวัสดิครับ 0.13 น.
20 พฤษภาคม 2565 สวัสดีครับคืนวันนี้ 22.33 น. มาอธิบายแบบที่ลงไว้เมื่อวานครับ ก็มีเขียนผิดอยู่หลายที่เหมือนกัน ด้วยอายุและสุขภาพ แต่ถ้าเป็นการทำงานจริงๆ ข้ออ้างอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะครับ รับมอบงานมาแล้ว "ต้อง" ทำให้เสร็จตามเวลาและถูกต้องแม่นยำด้วยครับ ไม่งั้นปัญหาจะตามมาแบบคาดไม่ถึงเลยทีเดียว แต่ยังไงก็เป็นคนครับ มีผิดเป็นเรื่องธรรมดา ผมก็ผิดออกบ่อยเหมือนกัน แต่ต้องรู้ให้เร็ว หาให้เจอ และที่สำคัญ "ต้องยอมรับมันด้วยครับ" ไม่งั้นเรื่องไม่จบแน่นอน
มาดูแบบที่แก้ไขแล้วกันดีกว่าครับ
จากแบบ CONSTRUCTION PROFILE ด้านบน ขออธิบายตั้งแต่รูปแรกที่อญุ่บนสุดเลยก็คือ รูปตัดตามแนวยาวของตัวเรือที่เส้น C.L. หรืที่กลางลำเรือครับ เหมือนเรามองด้านข้างของเรือแต่เราจะเห็นโครงสร้างของเรือที่กลางลำเรือ........เออ พอจะเข้าใจใช่ไหมครับ บางท่านอาจจะงง ก็ค่อยดูไปครับ
รูปนี้เขียนกำกับอีกที่ก็จะเป็น SECTION AT C.L. สิ่งที่เห็นก็จะมีที่เส้น B.L. คือ KEEL หรือกระดูกงูเรือตามแนวยาวของเรือเริ่มจาก FRAME หรือ FR. 1 ยาวเป็นขิ้นเดียวกันตลอดไปจนสุดหัวเรือ ทำด้วยไม้ขนาด หน้ากว้าง 4" หนา 1" ระยะระหว่าง FR. เท่ากับ 500 มิลฯ แต่ละ FR. ทำด้วยไม้อัด หนา 10 มิลฯ กว้าง 350 มิลฯแต่มีรายละเอียดมากว่านั้ต้องไปดูในแบบ MIDSHIP SECTION ครับ แต่จะมีอยู่สี่ FR. ที่ไม่เหมือนกับ FR. อื่นๆคือ FR.1 ,2 ,9 ,10 ครับ สี่ตัวนี้จะเป็นไม้อัดหนา 10 มิลฯ แต่จะกว้างเท่าความกว้างตัวเรือและสูงเท่ากับความลึกของตัวเรือทำหน้าที่เป็นผนังกั้นกันน้ำเข้า อาจจะทำเป็นช่องเก็บของที่มีฝาเปิดปิด กันน้ำด้วยก็ได้ครับแล้วใครจะทำยังไงแต่หน้าที่หลักของสี่ FR. นี้คือสร้างความแข็งแรงให้ส่วนหัวเรือและท้ายเรือ อีกทั้งยังสร้างแรงลอยตัวให้กับเรือถ้าหากมีน้ำเข้ามาด้วยครับ ส่วน FR. 3-4 ,5-6 ,7-8 เมื่อใส่เฟรมตามขนาดที่กำหนดใน MIDSHIP SECTION แล้วก็ปิดด้านบนด้ายไม้อัดขนาด หนา 10 มิลฯ กว้าง 500 มิลฯและด้านข้างก็ปิดด้วยไม้อัดขนาด 10 มิลฯ เช่นกันครับ เราก็จะได้ที่นั่งและกล่องเก็บของหรือถ้าปิดตายก็จะได้แรงลอยตัวเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควรถ้าอยากทราบว่าเท่าไรก็ลองคำนวนดูครับ เอา พื้นที่หน้าตัดของ FR. คูณระยเฟรม หน่วยเป็นเมตร ผลที่ได้หน่วยเป็น ตันครับ
พ.ท.(ตารางเมตร)x.5 m.= ........ ton ประมาณนี้ครับ
รูปที่สองถัดลงมาแสดงโครงสร้างตามยางที่ระยะ 400 มิลฯจากเส้น C.L. (ทั้งสองข้างเหมือนกันครับ ขวาและซ้าย หรือ PORT & STARBOARD) ก็จะเห็นเป็นไม้ขนาดหน้ากว้าง 4" หนา 1"เริ่มจาก FR.1 ยาวตลอดขนานกับกระดูกงูหรือ KEEL จนสุดที่หัวเรือเหมือนกัน ส่วนโครงสร้างของ FR. ก็เหมือนกับรูปที่แล้วครับเพราะเป็น FR. ตัวเดียวกันนั่นเอง
รูปที่สามถัดลงมาเป็นรูปที่เรามองเห็นด้านข้างเรือหรือ SIDE ครับ เส้นประที่เห็นเป็นโครงสร้างตามยา บนสุดจะเป็นไม้ขนาดหน้ากว้าง 4" หนา 1"ทับบนขอบของเรือเริ่มจากท้ายเรือยาวตลอดและโค้งเข้าหาหัวเรือตัวนี้ทำยากหน่อยแต่ก็ทำได้ครับ และ FR. ก็เป็นตัวเดียวกันกับสองรูปด้านบนครับ เปลือกเรือเป็นไม้อัดขนาด หนา 10 มิลฯ ครับ
รูปที่สี่เป็นแบบแสดงโครงสร้างท้องเรือมองจากด้านบน เราจะเห็น KEEL เริ่มจาก FR.1 ยาวตลอดถึงหัวเรือ และถัดจาก KEEL ไป 400 มิลฯก็จะเป็นไม้ขนาดเดียวกับ KEEL ขนานกันยาวจนถึงหัวเรือ ส่วน FR. ก็จะเห็นเป็นไม้อัด 10 มิลฯขวางลำเรือและมีขนาดเดียวกับสามรูปเช่นกัน
เป็นอันจบเรื่องแบบ CONSTRUCTION PROFILE หรือ แบบโครงสร้างตามแนวยาวเรือ ถ้าเรือกว้างกว่านี้ มีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่านี้ แบบก็จะมีมากตามไปด้วยครับ และบางจุดอาจจะต้องมีแบบแสดงรายละเอียดขยายเพิ่มเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก เช่นรอยต่อ เสาที่รับน้ำหนัก ฯลฯ
สำหรับเรือเล็ก แบบก็จะน้อยตามไปด้วยครับ สำหรับลำนี้ก็มีแค่นี้....เออ เปลือกเรือหรือ SHELL EXPANSION ของลำนี้ใช้วิธเอาวัสดุมาทาบกับโครงสร้างที่ประกอบเสร็จแล้วก็ตัดเร็มให้พอดี ก็ต้องใช้ฝีมือกันหน่อยครับ หรือจะซอยไม้เป็นแผ่นเล็กๆ หรือชิ้นยาวๆแล้วนำมาติดทีละชิ้นก็ได้เหมือนกัน ดังรูปด้านล่างครับ
วันนีขอลาไปแต่เพียงเท่านี้ ท่านที่สงสัยก็ย้อนกลับไปอ่านหลายๆรอบ ไม่ต้องถามมานะครับ ราตรีสวัสดิครับ 23.47 น.
การเขียนแบบเรือจำลอง 101 PART 5 : FRAME SECTION
สวัสดีครับวันนี้ 24 พฤษภาคม 2565 ห้าทุ่มเศษ...........
มาเตรียมกระดาษและขีดเส้นต่างๆเพื่อที่จะเขียนแบบ FRAME SECTION ของเรือโดยสารขนาดเล็กหรือจะเรียกว่าเรือกู้ภัยก็ได้ครับ จากภาพด้านบน การดูแบบหรืออ่านแบบโดยส่วนใหญ่เขาจะระบุไว้ว่ามองจากไหนไปไหน เช่น LOOKING FORWARD หรือ มองไปด้านหน้านั่นคือเรายืนอยู่ท้ายเรือแล้วมองโครงสร้าง FRAME SECTION ไปทางด้านหัวเรือ หรือในทางกลับกันเรายืนอยู่หัวเรือแล้วมองไปทางท้ายเรือ ซึ่งแบบแผ่นนี้ก็เป็นแบบหลังนะครับแต่ไม่ได้บอกเอาไว้ รูปแรกซ้ายบนสุดเขียนกำกับไว้ว่า TRANSOM ก็คือแผ่นท้ายเรือถ้ามองจากด้านข้างก็จะเห็นว่ามันเอียงอยู่เล็กน้อยครับ ถัดมาทางขวาก็เตรียมเขียน FR No.1 และ 2 ถัดลงมารูปกลางซ้ายสุด เตรียมเขียน FR No.3 จนถึง 8 อยู่ในรูปเดียวกัน เพราะมันเหมือนกันทุกอย่างนั่นเองครับ ถัดมาทางขวาเป็น FR No.9 ซึ่งเป็น BHD หรือกั้นห้องเหมือน FR No.2 นั่นเอง ถัดมาเป็น FR No.10 และซ้ายล่างสุดก็เป็น FR No.11 สามเฟรมนี้มีรูปร่างไม่เหมือนกับชาวบ้านเขานะครับ ต้องไปวัดระยะจาก LINE PLANE อีกทีในตำแหน่งที่เฟรมนั้นๆครับ ดังรูปด้านล่าง
เมื่อได้ระยะของทุกเฟรมแล้วก็นำมาเขียนลงในแบบ FRAME SECTION ได้เลยผลที่ได้ก็จะเป็นดังภาพด้านล่างครับ
ในแบบนี้จะมีราบละเอียดของโครงสร้างตามขวาง หรือ CROSS SECTIO และระยะต่างๆบอกอยู่ทุกเฟรมโดยมีเส้น B.L. และ C.L. เป็นเส้นอ้างอิงความลึกและความกว้าง ที่ 0 มิลฯ ๙ึ่งก็เป็นเส้นเดียวกันกับแบบทุกแผ่นครับเช่น ย้อนไปดูแบบ GA และ CONSTRUCTION PROFILE ที่ FR No. 2 และอยากรู้ว่าหน้าตาของ FR No.2 เป็นอย่างไร ก็ให้มาดูที่แบบ FRAME SECTION ก็จะเห็นรูปร่างหน้าตา ระยะ และขนาดต่างๆของวัสดุว่ามันอยู่อย่างนี้ ตรงที่ระยะห่างจาก C.L. และสูงจาก B.L. เท่านี้ ทีนี้ถ้าเราอยากทราบระยะที่ไม่ได้ระบุไว้ในแบบจะทำอย่างไร เช่น ใน FR No. 9 ถึง 11 จุดที่ KEEL หรือกระดูกงูของทั้งสามเฟรมอยู่สูงจากเส้น B.L. เท่าไร เพราะในแบบไม่ได้บอกไว้ เราก็ต้องวัดเอาเอง(ในที่นี้หมานถึงคนที่มาดูแบบของเรานะครับ) ในแบบนี้เขียนโดยใช้ มาตราส่วน หรือ scale เท่ากับ 1/25 ครับ จะเห็นว่าระยะหรือการระบุวัสดุทำไมถึงไม่เขียนกำกับไว้ทุกตัวทุกที่และทุกเฟรม ก็ขอตอบว่า แบบเรือทุกลำอยู่ในสมมุติฐานว่าเท่ากันทั้งสองข้าง ซ้าย-ขวา (POART ,STARBOARD) ดังนั้นโครงสร้างและระยต้องเหมือนกันทั้งสองข้าง อ้าวแล้วทำไมไม่เขียนแค่ครึ่งเดียว มันมีเรื่องของแนวต่อของวัสดุมาเกี่ยวข้องด้วยเช่น แผ่นเปลือกเรือ แผ่นปูพื้นชั้นต่างๆ ฯ ซึ่งจะทำให้ง่ายแก่การคิดคำนวนปริมาณและน้ำหนักโดยประมาณของเรือลำนั้นๆครับ ก็ประมาณนี้ อย่าขี้เกียจเลยครับเพราะผมก็เคยเป็นมาแล้ว เละไม่เป็นท่าเลย 555555 แหมตอนแรกที่ทำได้นึกว่าจะทุ่นเวลาที่ไหนได้ รอยต่อแผ่นเหล็กดันมาตรงกับโครงสร้างตามแนวยาวซะงั้น แถมอีกข้างเป็นถังใส่อะไรก็รู้ ลองนึกภาพดูนะครับว่าหลังจากนัันผมต้องทำไงบ้าง......บันเทิงเลยครับ....ฮิ้วววววววววว
ในการต่อเรือจริงเมื่ออู่ต่อเรือได้แบบ MIDSHIP SECTION , CONSTRUCTIO PROFILE และ FRAME SECTION แล้ว อู่ก็จะสามารถคิดต้นทุนที่แท้จริงของเรือลำนั้นๆได้อย่างค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียวครับแล้วก็เอาแบบทั้งสามมาขยายเท่าขนาดจริงและตัดวัสดุออกมาตามขนาดและนำไปประกอบตามระยะที่ระบุไว้ในแบบทั้งสามนั่นเอง ดังนั้นในการทำงานจริงๆ ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดก็จะเกิดแถวๆขั้นตอนนี้นั่นแหละครับเช่น อู่ไปลดขนาดหรือเปลี่ยนเอาวัสดุที่ใกล้เคียงกันมาใช้ส่วนใหญ่ราคาจะไม่ค่อยใกล้เคียงกันเท่าไร เช่นในแบบกำหนดว่าหนา 9 มิลลิเมตร แต่อู่หาของไม่ได้หรือ...เลยเอาความหนา 8 มิลลิเมตรมาแทนโดยอ้างว่าเรือลำอื่นในขนาดใกล้เคียงกันเขาก็ใช้แค่นี้ก็ได้และเดี๋ยวลดราคาให้หน่อยละกัน....555555555 ถ้าเป็นเหล็กเดี๋ยวนี้โละยี่สิบกว่าบาทแล้วมั๊ง ความหนาหายไปมิลฯเดียวนี่หลายเงินนะครับทำเป็นเล่นไป......หรือปัญหาที่คลาสสิคอีกอย่างคือ มีการประชุมแก้แบบแล้ว ฝ่ายช่างไม่รู้หรือรู้ช้าไปหน่อย(ครึ่งวันก็เป็นเรื่องแล้วครับเพราะเตรียมวัสดุไปแล้ว)ก็เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้เหมือนกันเพราะวัสดุทุกอย่างมีราคาทั้งนั้น ยิ่งเอามาต่อเรือยิ่งแพงกว่าเอาไปสร้างตึกซะอีก ฯลฯ
วันนี้ก็เห็นต้องจบเรื่อง "การเขียนแบบเรือจำลอง 101" ไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ หวังว่ามิตรรักแฟนเพลงทุกท่านคงเข้าใจบ้างไม่มากก็น้อย เพราะว่าถ้าใครหลวมตัวเข้ามาอ่านจนถึงตอนนี้แล้วก็ต้องได้อะไรออกไปมั่งล่ะน่า หรือใครไม่ได้อะไรเลยก็นึกเสียว่าในโลกนี้ก็ยังมีเรื่องอย่างนี้อยู่นะครับ เที่ยงคืนกว่าละ ราตรีสวัสดิทุกท่าน เจอกัน "102" เร็วๆนี้ครับ
***** บทความที่รวบรวมไว้ข้้างบน ผมก๊อปมาจากกล่องบทความไปไว้ ใน Word แล้วก็ก๊อปมาลงในนี้อีกที ปรากฏว่า รูป ไม่มาด้วย จึงขาดความสมบูรณ์ไปเยอะ อ่านๆไปอาจจะนึกภาพไม่ออก แต่ผมได้ทำเป็น pdf file ไว้แล้ว ท่านใคต้องการก็แอดไลน์และระบุความต้องการมาด้วยได้เลยครับ ผมจะรีบส่งให้
ค่ำคืนนี้ ราตรีสวัสดิกับทุกท่าน ขอให้สุขภาพดีกันทุกท่านครับ
6-9-2567 0:22 น.
. ....................................................................................................
| หน้าที่เข้าชม | 94,976 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 77,797 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 24 พ.ค. 2561 |
| ร้านค้าอัพเดท | 25 ต.ค. 2568 |