10 ตุลาคม 2565 13.00 น. วันนี้มาสวัสดีกันตอนบ่ายโมง
พอดีครับ เมื่อวานลืมบอกไปเรื่องนึงคือ วิธีทำความสะอาดแปรงที่ใช้ทา
เรซิ่น และบริเวณที่เปื้อนบนตัวเรา มันจะเหนียวเหนอะหนะมาก บางคนที่
แพ้ก็จะเป็นผื่นแดงและแสบตรงที่ไปโดนเรซิ่น ในตำราเขาบอกมาว่าให้ใช้
อาซีโทน เป็นของเหลวไม่มีสีแต่ไวไฟ ติดไฟง่าย ต้องเก็บให้ดี เอามาล้าง
เครื่องมือต่างๆที่ใช้ในงานไฟเบอกลาส ราคาไม่แพงมาก แต่จะมีขาย
เฉพาะที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟเบอกลาสเท่านั้น ผมจึงหันมาใช้
แอลกอฮอแทน ในการล้างมือหรือเช็ดร่างกายในบริเวณที่เปื้อนเรซิ่น หา
ซื้อง่าย แต่จะแพงกว่า อาซีโทนหน่อย ก็แอลกอฮอ 75% แบบที่เราฉีด
ล้างมือกันโควิดนี่แหละครับ ส่วนที่ใช้ล้างอุปกรณ์ก็ใช้ทินเนอแทนเพราะ
หาซื้อง่าย ราคาก็พอๆกัน ประมาณนี้ครับ
วันนี้พักเรื่องทำ โถอเนกประสงค์ไปก่อนครับ มาส่งท้ายสาว
วอลเล่ย์บอลทีมชาติไทยกันดีกว่า หลังจากจบแมทสุดท้ายที่เจอกับ USA
และแพ้ไป 3 ต่อ 2 เซต อย่างสูสีใจหายใจคว่ำ ผมดูเซตแรก ก็เลิกดูแล้ว
ครับ ไม่กล้าดูต่อ มารู้ผลอีกที่เราก็แพ้แล้ว ไม่ได้ไปต่อในรอบแปดทีม แต่
ทีมไทยเราก็ได้บรรลุเป้าหมายไปเรียบร้อยแล้วและเชื่อว่าชาวต่างชาติจำ
นวนไม่น้อยที่ไม่เคยรู้จัก ไทย แต่รู้จัก ไต้หวัน ได้รู้จักประเทศไทยเป็น
ครั้งแรกก็งานนี้แน่ๆครับ งานเลี้นงย่อมมีวันเลิกลา เป็นประโยคยอดฮิต
มาตั้งแต่โบราณแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังใช้ได้อยู่ไม่ได้ล้าสมัยเลย
เป็นนักกีฬา กว่าจะติดทีมชาติได้ไม่ใช่เรื่องง่าย สมัยก่อน
อาจจะมีเด็กเส้น ใหญ่มั่ง เล็กมั่งก็ว่ากันไป แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้วครับ
มีกล้องที่อัดทั้งภาพและเสียงอยู่ในทุกๆที่ เรื่องอย่านี้ก็เลยหายไปพอ
สมควร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายไปหมดตราบใดที่ระบบอุปถัมในบ้านเรายังไม่
หายไปไหน
เป็นนักีฬาทีมชาติแล้วก็ต้องซ้อมอย่างหนักแข่งขันกันเอง
เพื่อจะได้เป็นตัวจริงลงไปแข่งในสนามจริง เก็บตัวซ้อมเป็นเดือนเป็นปี
บางคนก็ไม่ผ่านด่านนี้ต้องถอยออกไป
เมื่อได้มีรายชื่อติดตัวจริงทีมชาติไปแข่งขันในรายการต่างๆ
ในรายชื่อนั้นก็จะรวมตัวสำรองไปด้วย จะได้ลงแข่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ นัก
กีฬาทีมชาติบางคนเป็นได้แค่ตัวสำรองเท่านั้นจริงๆก็มี หรือบางคนอาจจะ
ไม่ได้ลงแข่งเลยก็อาจจะมี แต่ทั้งทีมก็คือนักกีฬาทีมชาติไทย ชนะก็ชนะ
ด้วยกัน แพ้ก็แพ้ด้วยกัน ไม่แยกตัวจริงหรือตัวสำรอง เพียงแต่ว่าวันไหน
ที่ลงแข่งใครจะพร้อมมากกว่ากัน ฝีมือแต่ละคนก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมาก
เท่าไรแต่อยู่ที่ว่าวันนั้นๆเป็นวันของใคร
เมื่อแข่งเสร็จแล้ว ทุกคนก็ต้องแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน
ไอ้ตอนนี้แหละครับ ทุกคนต้องรับให้ได้ จิตใจต้องเข้มแข็งมากกว่าตอน
ที่แข่งกับคู่ต่อสู้เสียอีก คนเคยกินเคยนอนอยู่ร่วมกันมาเป็นเดือนๆ เคย
ลำบากเหน็ดเหนื่อยในการซ้อมจนน้ำตาเล็ดกันมาแล้วเป็นเวลานาน เคยเฮ
ฮาเวลาแข่งชนะกอดคอกันกระโดดหัวเราะ เคยกอดคอกันร้องไห้เวลาแพ้
แล้วอยู่ๆในวันนึงเมื่อทุกอย่างจบลง เดินทางกลับประเทศ แยกกันกลับบ้าน
ไปเจอญาติพี่น้อง พ่อ แม่ ฯ.......แล้วเพื่อนๆเราหายไปไหนหมด............
อย่าว่าแต่นักกีฬาทีมชาติเลยครับ แค่นักกีฬาโรงเรียนก็ไม่ต่างกันเลยครับ
ความหดหู่ตรงนี้มันเกิดขึ้นกับทุกคนทั้งนั้น ผมก็เจอมาเหมือนกัน ไม่ใช่แต่
การเป็นนักกีฬานะครับ แม้แต่การเข้าค่ายอบรมต่างๆ เป็นเวลานาน สามวัน
เจ็ดวัน ฯลฯ ก็เป็นเหมือนกัน
ตอนนี้สาวๆของพวกเรากลับมาถึงประเทศไทยโดยปลอด
ภัยแล้วกำลังให้สัมภาษสื่อมวลชนอยู่ที่สนามบิน มีคนไปรอรับอยู่มากมาย
ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ
จะว่าผมมาเกาะกระแสเรื่องนี้ก็ยอมรับตรงๆครับว่าใช่ ขอเกาะ
หน่อยละกัน แต่ผมก็จะนำเสนอในมุมมองของผมเท่านั้น ไม่ไปวิจารย์ใคร
หรือทีมใดๆนะครับ
งานเลี้ยงเลิกลา เหมือนตอนที่เราจบการศึกษาจากที่หนึ่งหรือ
เหมือนกับคนที่ทำงานมาจนได้เวลาเกษียณอายุเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
มันจะรู้สึก งงๆ มึนๆ มองไปทางไหนก็ไม่เห็นเพื่อนที่เคยเจอหน้าทุกวัน ไม่
ต้องทำอะไรที่เคยทำอบู่ทุกวัน มันจะรู้สึกโหวงเหวงยังไงชอบกล ความรู้สึก
ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันเลย แต่ที่แน่ๆคือ แล้วจะทำอะไรต่อจากนี้ดี....
ทำอะไรก็ได้ครับที่อยากทำ ทำไปเถอะ ทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร งานเลี้ยง
เลิกแล้วก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ ไว้คิดถึงใครก็ติดต่อไป หรือไปหาเขาก็ได้
อย่าคิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องให้เด็กมาหานะครับ ผมโดนดุบ่อยมาก
เพราะชอบพายายไปหาญาติๆของแกที่เหลืออยู่ไม่กี่คนเพราะยายแกคิด
ถึงหลานๆทางฝ่ายยาย พอกลับมาผมก็โดนดุเลยจากพี่ๆ ..........
วันนี้มามโนล้วนๆครับ ถือว่าเล่าสู่กันฟังละกัน คราวหน้ามา
ต่อกันเรื่อง ทำโถอเนกประสงค์ กันต่อครับ สวัสดีครับทุกท่าน