.........วันนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2563 ขอทุกท่านผ่านเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาได้โดยเร็วนะครับ ชีวิตต้องเดินต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!!!!!
เวปนี้ โดยหลักเจตนาแล้ว เจ้าของพื้นที่เขาให้มาใช้เพื่อทำธุรกิจการค้า หรือก็คือ ขายของ นี่ล่ะครับ แต่เผอิญว่าผมยังไม่มีอะไรมาขายเลยสักอย่าง ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว ตอนนั้นกำลังเมาหมัดกับเศษฐกิจทั้งภายในและภายนอกบ้านอย่างมาก หาเงินได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ทำงานก็ได้ผลไม่เป็นที่พอใจ(พอใช้) ลำบากมากๆ หลายคนก็อาจจะเป็นเหมือนผม หันซ้ายไปขวาก็ตันไปหมด เอาไงดีกะชีวิตวะเนี่ย......"ไม่เป็นไร" ยังมีข้าวกิน ยังมีที่นอน ยังไม่เจ็บไม่ป่วย ยังมีโน๊ตบุ๊ค(เก่าๆ)ให้ใช้งานได้อยู่ เนตยังไม่โดนตัด(ทุกวันนี้ผมใช้เนตจากมือถือครับ เดือนละ ห้าร้อยกว่าบาท นี่ก็เลยมาจะโดนตัดอยู่แล้ว..55555)
คำว่า "ไม่เป็นไร" กับคำว่า "ไม่เห็นเป็นไร" ดูผ่านๆ เหมือนว่าความหมายจะเหมือนกัน แต่.........สองคำนี้ทำคนเรือหายมามากต่อมากแล้ว แต่ไอ้คนที่พูดคำนี้มันก็ยังอยู่ดีมีสุข เพราะมันไม่มารับผิดชอบอะไรด้วยเลย พอเกิดเรื่องแล้วหายหัวทุกที....................(ฮึ่ม)
คำว่า "ไม่เป็นไร" ส่วนใหญจะออกมาจากปากของ หัวหน้า เจ้านาย หรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดต่อเรื่องนั้นๆโดยตรงที่มีต่อลูกน้อง
แต่คำว่า "ไม่เห็นเป็นไร" ส่วนมากมักจะมาจากปากของเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องที่คิดว่ารู้มากกว่า.......นี่ล่ะครับคือเรื่องที่จะพาหมู่ขณะเรือหาย เพราะอะไร???? เพราะมันจะทำให้เกิดความประมาทต่องาน ต่อความปลอดภัยของผู้ร่วมงาน พอเกิดเรื่อง ถึงแม้ตัวคนพูดจะยังอยู่ไม่หลบลี้หนีหาย แต่ก็ไม่สามารถที่จะรับผิดชอบอะไรได้เลยแม้แต่น้อย ตัวอย่างก็มีให้เห็นได้มากมาย จากการผิดพลาดในการทำงานต่างๆ สาเหตุส่วนใหญ่เลยก็มาจากความประมาท เช่นต้องขึ้นนั่งร้านเหล็กที่มีล้อเลื่อนเพื่อทำความสะอาดหลอดไฟหรือเพดานฯ พอเสร็จที่จุดหนึ่งแล้ว ในทางปฎิบัติที่ปลอดภัยคือ ต้องลงจากนั่งร้านก่อน แล้วจึงเข็นนั่งร้านนั้นไปยังจุดอื่นๆต่อไป และเครื่องมือหรือวัสดุที่อยู่บนนั่งร้านทั้งหมดต้องเอาลงมาให้หมดก่อนการเคลื่อนย้ายนั่งร้าน แต่........ด้วยความขี้เกียจ หรือมักง่าย หรือทั้งสองอย่างก็ตาม ก็จะมีใครสักคนพูดว่า "เข็นไปเลย ไม่เห็นเป็นไร พื้นก็เรียบๆ เสียเวลาขึ้นลง....." แล้วทั้งหมดก็ช่วยกันเข็นนั่งร้าน ทั้งๆที่คน เครื่องมือฯ ต่างๆยังอยู่บนนั่งร้านที่สูงจากพื้นเกือบสามเมตรหรือมากกว่านั้น อันเนื่องมาจากเคยทำมาหลายครั้งแล้ว "ไม่เห็นเป็นไร"เลย.....
จะด้วยกรรมตามทันหรือถึงคิวซวยก็แล้วแต่ สิ่งที่เกิดตามมาก็คือ ระหว่างที่ช่วยกันออกแรงเข็นนั้น ทำให้นั่งร้านเคลื่อนที่ แต่ไม่ได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างที่ต้องการ เนื่องจากล้อไม่หมุนอยู่หนึ่งล้อจากทั้งหมดที่มีสี่ล้อ ทำให้นั่งร้านค่อยๆเอนแล้วก็ล้มลงมากระแทกพื้นอย่าแรง.....ผลที่เกิดขึ้นก็คือ คนที่อยู่บนนั่งร้าน ตกลงมาแล้วกระเด็นไปสี่ถึงห้าเมตร เครื่องมือต่างๆตกลงมากระแทกพื้นเสียหายไปหลายอย่าง.......
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น คนเจ็บต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวันเพราะผลเอ๊กเรย์ออกมาว่า กระดูกสันหลังเหนือเอวขึ้นมา "ร้าว" ไปสองข้อ ต้องใส่เฝือกอ่อนอีกเป็นเดือน และห้ามยกของหนักอีกหลายปี หรือตลอดชีวิต และยังต้องมาตรวจซ้ำทุกอาทิตย์ ถ้าปวดมากๆ อาจจะต้องถึงขั้นผ่าตัด.......แล้วใครจะรับผิดชอบชีวิตของเขาต่อไป???? นั่นสินะ ยังดีที่ตอนนั้นมีประกันสังคมแล้ว ไม่งั้นได้ขายไร่ขายนาขายควาย หมดตัวแน่ๆ
ส่วนไอ้คนที่พูดว่า "ไม่เห็นเป็นไรเลย" ก็ไม่รับผิดชอบอะไรได้เลยแม้แต่น้อย จะโยนให้ บริษัท รับผิดชอบ ขอหัวเราะดังๆครับ 5555 เขาก็โยนให้ประกันสังคมไงครับ ถ้าจะฟ้องเอาเงินทองกัน ตัวเองก็ผิดอยู่ดี เพราะทำผิดเรื่องความปลอดภัย และที่จะโดนอีกคนหนึ่งก็คือ จป หรือเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานวิชาชีพ ที่จะต้องมีอยู่ในทุกๆโรงงาน หรือสถานที่ทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมทุกชนิด
จป. วิชาชีพ ก็คือ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานวิชาชีพ (Safety Officer) ซึ่งมีหน้าที่ในการคอยดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน และให้ปฏิบัติไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยเป็นตำแหน่งที่กฎหมายได้กำหนดบังคับให้นายจ้างต้องมี ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ, การไฟฟ้า, การประปา, โรงแรม, โรงพยาบาล, งานเหมืองแร่และถ่านหิน, ห้างสรรพสินค้า, สถาบันการเงิน
ฟังแบบนี้ก็ต้องมีคำถามต่อใช่ไหมครับ? ว่า จป. วิชาชีพ เค้ามีความจำเป็นในแต่ละองค์กรมากแค่ไหน? จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน ซึ่ง ระบุถึง กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๔๙ มีการกำหนดเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานไว้ 5 ระดับ
ระดับของ จป.อาชีพ
1) เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหาร
2) เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน
3) เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค
4) เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิคขั้นสูง
5) เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ
กำหนดสถานประกอบกิจการที่เข้าข่ายบังคับต้องมี จป.
1) การทำเหมืองแร่ เหมืองหิน กิจการปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมี
2) การทำ ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบำรุง เก็บรักษา ปรับปรุง ตกแต่ง เสริมแต่งดัดแปลง แปรสภาพ ทำให้เสีย หรือทำลายซึ่งวัตถุหรือทรัพย์สิน รวมทั้งการต่อเรือ การให้กำเนิดแปลง และจ่ายไฟฟ้าหรือพลังงานอย่างอื่น
3) การก่อสร้าง ต่อเติม ติดตั้ง ซ่อม ซ่อมบำรุง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคาร สนามบิน ทางรถไฟ ทางรถราง ทางรถใต้ดิน ท่าเรือ อู่เรือ สะพานเทียบเรือ ทางน้ำ ถนน เขื่อน อุโมงค์ สะพาน ท่อระบาย ท่อน้ำ โทรเลข โทรศัพท์ ไฟฟ้า ก๊าซหรือประปา หรือสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ รวมทั้งการเตรียมหรือวางรากฐานของการก่อสร้าง
4) การขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าโดยทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และรวมทั้งการบรรทุกขนถ่ายสินค้า
5) สถานีบริการหรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงหรือก๊าซ
6) โรงแรม
7) ห้างสรรพสินค้า
8) สถานพยาบาล
9) สถาบันทางการเงิน
10) สถานตรวจทดสอบทางกายภาพ
11) สถานบริการบันเทิง นันทนาการ หรือการกีฬา
12) สถานปฏิบัติการทางเคมีหรือชีวภาพ
13) สำนักงานที่ปฏิบัติงานสนับสนุนสถานประกอบกิจการตาม ข้อ 1) ถึง 12)
14) กิจการอื่นตามที่กระทรวงแรงงานประกาศกำหนด
หน้าที่การทำงานของ จป.วิชาชีพ หลักๆนั้นมีดังนี้
1. ตรวจสอบ และเสนอแนะให้นายจ้างปฏิบัติการตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
2. วิเคราะห์งานเพื่อชี้บ่งอันตราย รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกัน หรือขั้นตอนการทำงานอย่างปลอดภัยเสนอต่อนายจ้าง
3. ประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการทำงาน
4. วิเคราะห์แผนงานโครงการ รวมทั้งข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่างๆ และเสนอแนะมาตรการความปลอดภัยในการทำงานต่อนายจ้าง
5. ตรวจประเมินการปฏิบัติงานของสถานประกอบกิจการให้เป็นไปตามแผนงาน โครงการ หรือมาตรการความปลอดภัยในการทำงาน
6. แนะนำให้ลูกจ้างปฏิบัติตามข้อบังคับและคู่มือตามข้อ 3
7. แนะนำ ฝึกสอน อบรมลูกจ้างเพื่อให้การปฏิบัติงานปลอดจากเหตุอันจะทำให้เกิดความ ไม่ปลอดภัยในการทำงาน
8. ตรวจวัด และประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือดำเนินการร่วมกับบุคคล หรือหน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นผู้รับรอง หรือตรวจสอบเอกสารหลักฐาน รายงานในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมในการทำงานภายในสถานประกอบกิจการ
9. เสนอแนะต่อนายจ้างเพื่อให้มีการจัดการด้านความปลอดภัยในการทำงานที่เหมาะสมกับสถานประกอบกิจการ และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
10. ตรวจสอบสาเหตุ และวิเคราะห์การประสบอันตราย การเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงาน และรายงานผล รวมทั้งเสนอแนะต่อนายจ้างเพื่อป้องกันการเกิดเหตุโดยไม่ชักช้า
11. รวบรวมสถิติ วิเคราะห์ข้อมูล จัดทำรายงาน และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการประสบอันตราย การเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงานของลูกจ้าง
12. ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำงานอื่นตามที่นายจ้างมอบหมา
***ข้อมูลของ จป ด้านบนนำมาจาก
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%9B-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E/
กลายเป็นเรื่องวิชาการด้านความปลอดภัยไปซะนี่ ดังนั้นจงระวังไว้ให้ดีนะครับ ถ้าหัวหน้าหรือคนคุมงานบอกว่า "ไม่เป็นไร" นั่นก็คือ "เรื่องไม่ดี" ได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ถ้าเพื่อนหรือลูกน้องเราพูดว่า "ไม่เห็นเป็นไร" นั่นก็หมายความว่า "อาจจะ" ยังไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ ขอให้ระวังไว้ให้ดีๆครับ ที่อ่านมาทั้งหมดนี่ก็ได้มาจากประสบการณ์ในการทำงานตรงๆเลยครับ แล้วก็ยัมีอีกหลายเรื่อง แต่เกรงว่าจะยาวไป(ไม่ทันแล้าจ้า)
บทความวันนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเครียดขนาดนี้หรอกครับ แต่อารมณ์มันพาไป ความจริงตั้งใจที่จะนำเสนอเรื่อง ทำอย่างไรถึงฝ่าวิกฤตการณ์ที่ต้องเผชิญอยู่ไปได้ โดยไม่มีความเสียหายต่อร่างกายและจิตใจ.....ยาวจัง
โดยเอาประสบการณ์ของตัวผมเอง มาเป็นตัวอย่าง อาจจะไม่ตรงกับปัญหาของหลายๆท่านที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ แต่มันก็เป็นปัญหาที่หนักสำหรับผมพอสมควร และผมก็ผ่านมันมาได้โดยที่สภาพร่างกายและจิตรใจไม่บุบสลายแม้แต่น้อย แต่เงินในกระเป๋าก็เหลือน้อยหน่อย 555555
ถ้างั้นย้อนกลับไปที่เกือบสองปีที่แล้ว ตอนนั้นว่างมากๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็นึกได้ว่ามีเพื่อนเคยเล่าเกี่ยวกับ "เวปขายของที่ไม่ต้องเสียเงิน หรือ เวปฟรี" ให้ฟัง ก็เลยลองจิ้มเข้าไปดู ก็เวปนี้แหละครับ เทพSHOP พอลองอ่านเงื่อนไขดู ก็เออแฮะ ไม่เสียตังค์นี่หว่า ก็เลยสมัครเข้ามาใช้ ในตอนนั้นก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเอาอะไรมาขาย ก็เลยเริ่มที่บทความดีกว่า ไม่ต้องซื้อและก็ไม่ต้องขาย ฮ่าๆๆๆ ง่ายดี ช่วงไหนว่างๆก็มานั่งพิมพ์บทความลงไป ยาวมั่งสั้นมั่ง แล้วแต่เรื่องและอารมณ์ในตอนนั้นๆ มันเป็นการปลดปล่อยจิตใจได้เป็นอย่างดีครับ ไม่ต้องนึกถึงปัญหาอะไร ในหัวคิดแต่ว่า เราจะพิมพ์อะไรลงไปให้คนที่มาอ่าน ได้ความรู้เกี่ยวกับเรือมั่ง โดยเอาประสบการณ์ของเราเองมาเป็นตัวอย่าง ทำให้คนเข้าใจง่ายที่สุด เพียงเท่านี้ ปัญหาที่รุมล้อมอยู่รอบตัวก็มลายหายไปหมด จากความนึกคิด มีแต่เรื่องราวเก่าๆที่เคยทำหรือผ่านหูผ่านตาเข้ามา ทำให้เกิดสมาธิมากขึ้น มีสติมากขึ้น เพราะจิตใจได้จดจ่ออยู่ที่ บทความที่กำลังพิมพ์ลงไป แต่มันก็ยังมีข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆอยู่ดี อาจจะเพราะว่าผมเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้รู้อะไรไปหมดทุกเรื่อง หรือแม้แต่เรื่องที่ใช้ทำมาหากินอยู่ทุกวันนี้ ก็ยังรู้แค่ที่เคยทำเท่านั้นเอง แต่ก็คิดว่าคงพอสำหรับใครก็ตามที่คิดจะหาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ "เรือ"
ปัญหารอบตัวก็ยังอยู่เหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ เราได้เปิดประตูอีกบานแล้ว อย่างน้อยๆก็เป็นประตูที่เอาไว้ใช้เวลาว่างๆให้มีสีสันขึ้นมาบ้าง ดีกว่านั่งดูหนังดูซีรี่ย์ไปวันๆ....ส่วนปัญหาที่มีอยู่ก็ค่อยๆแก้โดยใช้สติที่มี ปัญหาทุกอย่างแก้ได้จริงๆครับ แค่ต้องใช้สติให้ดี อย่าใจร้อน อย่าโทษคนอื่น รับรอง ไม่มีใครตายแน่นอน ถ้าทำอะไรไม่ได้ ให้หยุดเฉยๆ แล้วหันมองดูรอบๆตัวว่าเราเหลืออะไรที่เป็นของเราอยู่บ้าง......
กับคำพูดที่ว่า "ยังมีคนอื่นๆที่เขาแย่ เขาลำบาก ฯ มากกว่าเราตั้งเยอะแยะ" นั้น มันเป็นเรื่องจริงครับ ตั้งสติให้ดี อย่างน้อยๆ อากาศที่เราใช้หายใจมันก็ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องจ่ายใครและปัจจุบันนี้ น้ำประปา ดื่มได้นะครับ...555555
ตอนนี้ หลายท่านอาจจะลำบากมากกว่าผมก็ได้ ใครจะรู้ แต่ละคนก็จะมีวิธีแก้ปัญหาแตกต่างกันไป ของใครของมัน เพราะคนเราไม่ได้เหมือนกันทุกคนนี่ครับ
เอ่อ...แล้วทำไมผมต้องมาบอกเรื่องเหล่านี้ด้วย????? นั่นสิครับ ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน รู้สึกแต่ว่าช่วงนี้ มันเศร้าๆยังไงชอบกล อาจจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ได้ ผมเองก็รู้สึกเศร้าเหมือนกับหลายๆท่าน ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก
ก็ได้แต่เพียงเป็นกำลังใจให้สำหรับใครที่ยังไม่มีทางออก ยังหาประตูบานที่สอง....สาม...สี่....ฯลฯ ไม่เจอ ไม่ต้องรีบนะครับใจเย็นๆ ประตูที่เปิดแล้วเราเดินเข้าไปเพื่อที่จะพบกับความสุข ความสำเร็จ ไม่ได้มีแค่ หนึ่ง หรือ สอง หรือ สาม บานเท่านั้น แต่มันมีอยู่นับไม่ถ้วน ว่าแต่เราจะไปเปิดเจอมันเมื่อไหร่เท่านั้นเองครับ