17 มกราคม 2567 2:20 น. สวัสดีครับทุกท่าน หายไปนานเลย พรุ่งนี้หวยออกอีกแล้ว ขอให้ทุกท่านรวยๆครับ
หลายวันมานี้ มีข่าวเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล เรื่องการสร้าง แลนด์บริดจ์ที่ภาคใต้ เชื่อมระหว่างทะเลฝั่งอันดามันกับอ่าวไทยเข้ากัน ด้วยการสร้างท่าเรือทั้งสองฝั่งทะเล และถนนเชื่อมต่อระหว่างสองท่าเรือนี้เข้าด้วยกัน รายละเอียดเยอะเหลือเกินผมจะไม่กล่าวถึงก็แล้วกัน ถามว่าดีไหม โดยส่วนตัวผมขอตอบว่ามีดีกว่าไม่มีครับ แต่จะดีที่สุดหรือคุ้มค่าการลงทุนหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะข้อมูลมันเยอะเหลือเกิน และที่สำคัญคือผมยังไม่เคยรู้ว่ามีที่ไหนในโลกนี้เขาทำกันหรือเปล่านั่นเอง จะว่าดีแล้วเหมาะแล้วควรแล้วก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่ที่มาทำบทความในวันนี้ก็เพราะอยากจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตของการทำงานที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมต่อเรือในบ้านเราของผมเองนะครับ ได้ยินได้รับรู้อะไรหลายๆอย่างมาค่อนข้างมากทีเดียวจิงมั่งไม่จริงมั่งก็ว่ากันไป
มันก็เหมือนกับตอนนี้แหละครับ ข่าวออกเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง แต่ในตอนนั้น ในอดีตที่ผ่านมา หลายๆอย่างที่ได้ยินมามันเป็นจริงครับเพราะมันมีผลต่อการทำงานค่อนข้างมาก
จากหลายๆบทความที่เกี่ยวกับการทำงานออกแบบและเขียนแบบเรือ ผมเคยกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องของการหาวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ ฯลฯ ที่นำมาใช้ในการต่อเรือของบ้านเรา บางอย่างมันหายากมากภายในประเทศถึงขนาดที่ไม่มีขายเลยก็ยังมี แม้แต่เหล็กในเกรดที่นำมาต่อเป็นตัวเรือยังหายากเลยครับ เหล็กที่นำมาทำเพลาใบจักรก็ด้วย ยิ่งเป็นประเภทเครื่องยนต์หรือปั้มต่างๆ ไม่ว่าจะปั้มน้ำมันเชื้อเพลิง ปั้มไฮดรอลิคนี่ตัวแพงๆทั้งนั้นและของใหม่ในประเทศสำหรับนำมาใช้ในเรือก็หายากจริงๆ ช่วงนั้นเรือที่ต่อในบ้านเราก็มีขนาดไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก ขนาดความยาวก็ 40-80 เมตร ซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเรือที่เข้ามาซ่อมทำก็เป็นเรือเก่าที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นมั่ง ยุโรปมั่ง อาหลั่ยต่างๆยิ่งหายากเข้าไปอีก
เอาแค่โคมไฟ หรือกรอบหน้าต่างกลมๆ ก็ได้ครับ ต้องถ่อไปซื้อถึงสิงค์โปร ไม่งั้น เซอร์เวเยอร์ของคลาสไม่ให้ผ่าน บางลำเรือเข้ามาซ่อมเพลาใบจักร ต้องเปลี่ย โอลิ้งค์ของซีลเพลาก็ยังต้องไปซื้อที่สิงค์โปรเหมือนเดิม เปลืองเวลาเป็นอย่างมาก เรือขนาดยิ่งใหญ่เท่าไหร่ อาหลั่ยของเครื่องยนต์และเครื่องจักรต่างๆยิ่งหายากในประเทศไทย
ในการออกแบบเรือ เรื่องที่คุยกันก่อนเพื่อนเลยหลังจากดูแบบ GA กันไปแล้วก็คือ เครื่องยนต์จะใช้ของใคร ใหม่หรือเก่า ถ้าใช้ของเก่าจะได้ของกี่วันและจะซ่อมอีกกี่เดือนราคาเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นของใหม่ก็ต้องถามว่าหลังจากจ่ายเงินแล้วอีกกี่เดือนถึงจะได้เครื่องยนต์? ระบบไฮดรอลิคเป็นยังไงใช้ของใคร ฯลฯ ตามๆกันมา เรือบรรทุกสินค้าที่เข้าออกท่าเรือมาตราฐานทั่วไปเขาจะมีประกันภัย ทั้งตัวเรือและสินค้า ไม่งั้นจะไปเที่ยบท่าเรือเขาไม่ได้นะครับ รวมถึงบางท่าเรือของประเทศไทยก็ด้วย
ระบบไฟฟ้าก็หาของยากพอกันครับ สายไฟที่ใช้ในอาคารทั่วไปนี่ใช้ไม่ได้นะครับสำหรับไฟฟ้ากำลัง เช่นมอร์เตอร์ขับปั้มต่างๆ แม้แต่สายไฟภายนอกที่โผล่ออกไปต่อเข้ากับหลอดไฟก็ตาม สายไฟพวกนี้ ใช้มีดใช้คีมธรรมดาตัดไม่ขาดนะครับเพราะมันมี "เกราะ" เป็นลวดถักหุ้มที่ชั้นนอกสุดและลวดถักพวกนี้ก็ต้องไม่ขึ้นสนิมด้วย ของใหม่บ้านเราไม่มีขายครับ เส้นเล็กนิดเดียวราคาเป็นหลายร้อยต่อเมตร โคมไฟต้องกันประกายไฟได้อีกต่างหาก ทุกอย่างต้องมีใบรับรองจาก คลาส หรือเที่ยบเท่าทั้งหมด ซึ่งบ้านเราหายากเหลือเกิน
ระบบสื่อสารก็ต้องกันไฟฟ้าสถิตย์ได้อีก วิทยุที่เห็นๆถือกันอยู่บนเรือนั่นก็อีก กันน้ำกันไฟฟ้าสถิต์หรือที่เรียกว่ากันระเบิดนั่นแหละครับ ยิ่งต้องซ่อมนี่ยากเลยทีเดียต้องส่งซ่อมสิงคโปรอย่างเดียวเลย ลวดสลิงของรอกของเครน โซ่สมอ ตัวสมอเรือเองก็เหมือนกัน ใบจักรขนาดใหญ่เส้นผ่าศูญ์กลางกว่าสองเมตร เราก็ไม่มีขาย ซ่อมก็ไม่ได้ ฯลฯ อู่ลอยที่รองรับเรือขนาดใหญ่เราก็ไม่มี อู่แห้งก็ไม่มี แต่ทุกอย่างที่ว่ามาสิงคโปรมี
เรือยอชน์นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ บ้านเราในตอนนั้นไม่มีอะไรที่จะซ่อมบำรุงมันได้เลยนอกจากแรงงาน วัสดุและอาหลั่ยทั้งหมดมาจากสิงคโปรรวมทั่งช่างผู้ชำนาญก็ด้วย แม้แต่พุกแสตนเลสผูกเชือกเรือเราก็ทำไม่ได้
มาถึงปัจจุบันผมก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปมากขนาดไหน ผมรู้แต่ว่า ถ้าเราอยากจะให้เรือต่างๆเข้ามาใช้บริการในบ้านเรา เราต้องพร้อมในทุกเรื่องครับ ขนาดรถยนต์หรูๆยังต้องรออาหลั่ยเป็นเดือนนี่ก็แย่แล้วครับ ถ้าเรือต้องเข้ามาแล้วรออาหลั่ยนานขนาดนั้นเขาก็ไปที่อื่นที่พร้อมมากกว่าไม่ดีหรือครับ
เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่แล่นข้ามมหาสมุทรมานั้นไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรมาบ้าง คลื่นลมมันไม่ได้หวานเจี๊ยบเหมือนในอ่าวไทยนะครับ แค่แล่นตัดมาจากตะวันออกกลางข้ามมหาสมุทรอินเดียมาก็น่าจะสาหัสพอสมควรในบางฤดูกาล ดังนั้นเมืองท่าที่เขาต้องแวะก็ต้องพร้อมที่จะรับเรื่องพวกนี้ด้วยเหมือนกันไม่งั้นเขาจะเข้ามาทำไมใช่ไหมครับ
เรามีท่าเรือน้ำลึก มีลานกองตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก แล้วเรามีรถบรรทุกที่จะขนย้ายมันพอไหม ถ้าเรือลำนึงใส่มาหมื่นตู้ ต้องใช้รถกี่คัน ถึงจะขนไปขนมาได้เสร็จโดยเร็วนี่เรื่องนึงละ แล้วถ้าไม่ใช่ลำเดียว แต่เป็นหลายลำ จะมีพอไหม เราจะใช้รถบรรทุกกี่คันขนตู้คอนเทนเนอร์เป็นหมื่นตู้จากฝั่งทะเลหนึ่งไปยังอีกฝั่งทะเลหนึ่ง ทางเข้าทางออกของท่าเรือเป็นไง เตรียมการรับมือกับอุบัติเหตุระหว่างทางไว้ขนาดไหน ฯลฯ ทุกอย่างมีราคาทั้งนั้นครับ จ่ายมากก็ใช้เวลาน้อยลง จ่ายน้อยก็ใช้เวลามากขึ้น
แหลมฉบังหรือมาบตาพุตของเราทุกวันนี้ ไปดูได้ครับว่ามันคับคั่งขนาดไหน ไปผิดเวลานี่ซวยเลยจริงๆ เหมือนเราขับรถไปแวะปั้มน้ำมันแล้วดันมีรถทัวร์เข้ามาจอดเป็นหางว่าวนั่นแหละครับ
อ่าวไทยของเราเสียท่าอยู่อย่างคือ ต้องตั้งใจมาถึงจะนำเรือเข้ามาในอ่าวก็ไก่ของเราได้ มันไม่ใช่ทางผ่านจริงๆ เรื่องนี้ยังไงก็สู้สิงค์โปรไม่ได้อยู่แล้ว และแลนด์บริดจ์จะตอบโจท์หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นคลองตัดผ่านไปเลยอันนี้ไม่แน่ครับ เพราะอย่างที่บอกไปตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สิงค์โปรก็ยังเป็นศูนญ์กลางการเดินเรือในภูมิภาคนี้อยู่ เพราะเขาพร้อมทุกเรื่อง มีทุกอย่าง ขนาดแบบเรือที่ต้องขอเข้าคลาสก็ยังต้องส่งไปตรวจที่นี่เลยครับ แล้วทำไมไม่มาทำในบ้านเรามั่ง ก็ขอตอบว่า ดูไปแล้วเหมือนบ้านเราจะเจริญแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริง บ้านเราเป็นผู้บริโภคและผู้ใช้แรงงานนะครับ เราไม่ได้เป็นผู้สร้างหรือผู้ผลิตโดยตรงใดๆเลยเพื่อส่งออกในด้านอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี่สูงๆ เราผลิตอาหาร ไก่สด กุ้งสด ข้าว สินค้าเกษต ฯ แต่ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็คทรอนิส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ฯ เขามาจ้างแรงงานเรานะครับ เขาเอาโรงงานมาตั้ง เอาหุ่นยนต์มาใช้ แล้วก็จ้างเราไปดูแลแค่บางส่วนเท่านั้น หรือจ้างไปขันน๊อต ฯลฯ เท่านั้นเอง ผมอาจจะใช้คำไม่ถูกต้องไปบ้างต้องขออภัยด้วยครับ
บุคลากรที่เกี่ยวข้องในเรื่องของเรือในบ้านเรา ก็ยังขาดแคลนอยู่มาก โดยเฉพาะในระดับที่เป็นผู้ตรวจสอบในด้านต่างๆนี่แทบจะนับจำนวนได้เลย บ้านเราไม่ได้ผลิตคนเพื่อการนี้เลย อาจจะมีแต่ก็น้อยมากจริงๆ เท่าที่รู้ตอนนี้ก็มีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพียงแห่งเดียวที่ผลิตคนออกมา แต่ส่วนใหญ่จบมาแล้วไม่ไปลงเรือก็กลายเป็นวิศกรบนบกแทบทั้งนั้น นับว่าขาดแคลนเป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นเพราะบ้านเราไม่มีงานรองรับก็เป็นได้ เพราะอู่ต่อเรือใหญ่ๆที่มีกำลังจ้างก็มีอยู่ไม่กี่แห่ง นี่อิลตัลไทยมารีนก็เห็นว่าเลิกไปแล้วไม่รู้จริงหรือเปล่า ที่เหลือก็เป็นอู่เรือเล็กๆน้อยๆเท่านั้น อู่ลอยก็เหลือไม่กี่แห่ง อายุก็มากๆกันแล้วทั้งนั้น จะซ่อมเรือกันทีก็เอาไปเที่ยบท่าสักที่แล้วก็ว่ากันไป ผู้รับเหมาซ่อมเรือรุ่นผมก็เลิกกันไปหลายรายละ
สร้างท่าเรือ สร้างถนน บ้านเราพร้อมทั้งวัสดุและแรงงาน แต่หลังจากนั้นก็ต้องซื้อจากต่างประเทศทั้งนั้นครับ เครนยกตู้ตัวนึงหลายร้อย ทำเองก็ได้ครับแต่จะให้ใครมารับรองให้เป็นที่น่าเชื่อถือในระดับสากล รถลากตู้อีก เราทำได้ทุกอย่างยกเว้นเครื่องยนต์ การบำรุงรักษาร่องน้ำนี่ก็อีกรายจ่ายหมาศาล ในฝั่งอันดามันไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ในฝั่งอ่าวไทยนี่ไม่หมูแน่ๆ ร่องน้ำลึกสิบกว่าเมตร บ้านเราก็หาเรือขุดยากแล้วครับ
ที่ว่ามาก็เป็นความเห็นส่วนตัวของผมคนเดียวนะครับ และผมก็ห่างจากวงการนี้มาสองปีละเพราะร่างกายไม่สนุกด้วยแล้วครับ
จากที่ว่ามาทั้งหมด ผมเห็นว่า การลงทุนอะไรก็ดีทั้งน้้นแหละครับ แต่ในระยะยาวจะมีความยั่งยืนหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบจริงๆ อย่างน้อยๆก็ได้ท่าเรือน้ำลึกเพิ่มสองแห่งพร้อมลานวางตู้คอนเทนเนอร์ ได้ถนนคุณภาพดี(คิดว่านะครับ)อีกเส้นหนึ่งจากทะเลอีกฝั่งไปยังทะเลอีกฝั่ง ก็ไม่รู้ชาวบ้านริมทางจะได้อะบ้างจากถนนเส้นนี้ อาจจะไม่ได้อะไรเลยก็ได้เพราะมันอาจจะกลายเป็นทางด่วนมีรั้วกั้นตลอดทาง(หรือเปล่า)ก็จะน่าเสียดายเหมือนกัน ถ้าท่าเรือแต่ละแห่งออกแบบกันที่ไว้ให้ชาวบ้านได้ใช้มั่งก็คงจะดี ไหนๆก็ทำแล้ว ทำที่จอดเรือยอชน์ เรือประมงร่วมกันด้วยเลย ไม่มีใครมาใช้ก็ใช้กันเองนี่แหละครับ น่าจะดี หรือทุกท่านว่าไงครับ 55555555
วันนี้ก็ขออรุณสวัสดิ์แล้วครับตีห้ากว่าๆละ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
5:14 น.
............................................................................................................................