2 พฤศจิกายน 2566 3:00 น. สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ตื่นมาตอนห้าทุ่มกว่าๆ นั่งดูอะไรเรื่อยเปื่อย ฟังพระท่านสนทนาธรรมอีกเกือบขั่วโมง เลยนึกถึงเรื่องที่จะเอามาเล่าได้อีกอย่าง
ตั้งแตโตมาเริ่มทำงานตอนอายุยี่สิบนิดๆ ก็ได้รู้ ได้ยิน ได้เห็นอะไรมาพอสมควร พอหลุดเข้ามาในวงการเขียนแบบเรือ ตอนอายุประมาณยี่สิบเจ็ด สภาพแวดล้อมในการทำงานก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การทำงานในหน่วยงานของอกชนมันแตกต่างจากการทำงานในหน่วยงานของรัฐฯอย่างมาก แต่ที่ดูจะเหมือนกันอยู่อย่างก็คือ อย่าพูดมาก อย่าพูดในเรื่องที่คนอื่นเขาไม่พูดกัน ข้อนี้ดูจะเหมือนกันมากจริงๆ
งานเขียนแบบเรือความจริงมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนักเพียงแต่สำหรับคนไม่รู้แล้ว อะไรก็ยากทั้งนั้นแหละครับ ยิ่งพอเขียนงานเสร็จแล้ว ตรวจแล้ว ส่งไปแล้ว จนเอาไปใช้งานกันที่หน้างานแล้ว แต่ก็โดน ใครก็ไม่รู้มาบอกว่า เฮ้ย แบบที่เขียนมาอะมันทำไม่ได้หรอก เขียนมาได้ไง ฯ มันเจ็บจี๊ดเลยทีเดียว แต่ด้วยเป็นหน้าใหม่ในวงการก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็ได้แต่บอกว่าให้ไปคุยกับหัวหน้าเอาเองละกัน ผมมีหน้าที่เอาแบบมาส่งเท่านั้น ฯ อย่างอื่นผมไม่ทราบคร้าบบบบบบ..........
หลายครั้งหลายหนที่เจอคำพูดอย่างนี้ มันก็ให้นึกสงสัยเหมือนกันว่า เอ หรือแบบที่เราเขียนมามันจะผิด แต่ถ้าแบบผิดแล้วเจ้านายเขาจะปล่อยผ่านมาได้ยังไง พออายุงานเริ่มมากขึ้น ก็เริ่มเข้าใจในสถานะการณ์แบบนี้บ้างแล้ว สาเหตุก็ประมาณว่า คนทำไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ทำนั่นเอง เลยเกิดความระแวง หรือไม่เข้าใจกัน ไมได้สื่อสารกันที่หน้างานให้เข้าใจ
อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ คนที่เขียนแบบอาจจะไม่ได้เป็นคนออกแบบเอง และคนเขียนแบบก็ไม่เคยเห็นของจริงหรืองานที่ทำตามแบบมาก่อน วันๆเอาแต่นั่งเขียนแบบอย่างเดียวก็มี โดยอาศัยตัวอย่างจากแบบเก่ามาเป็นแนวทาง ผมเองใหม่ๆก็เป็นครับ ไอ้ที่เขียนอยู่นี่มันตัวอะไรฟะ หน้าตาเป็นไงตอนมันสร้างเสร็จแล้วก็ยังมองไม่ออกเลยก็มีบ่อยไป
มาบ่นทิ้งไว้แล้วก็หายไปเลย ขออภัยด้วยครับ ร่างกายมันประท้วง แฮะๆ ที่ว่ามาซะยาวก็ไม่ใช่อะไรลึกลับหรือมีเคล็ดลับอะไรเลยครับ เป็นแค่เพียงเรื่องเล่าแค่นั้นเองก็เพื่อจะบอกกันว่า ระหว่างช่างกับคนออกแบบและเขียนแบบมักจะมีอะไรที่ไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่ อันนี้ต้องยอมรับความจริงกันก่อนนะครับ ไม่ต้องไปดูไกลที่ไหนเลยครับ บ้านผมนี่แหละ สร้างมาได้ไม่กี่ปีเอง ตอนสร้างก็ไม่มีแบบอะไรเลย กำหนดว่า เป็นบ้านสองชั้น กว้างยาวเท่านี้ ชั้นล่างสูงเท่านี้ ชั้นบนสูงเท่านี้ ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้เชอร่าโครงเหล็ก แค่นั้นเอง ที่เหลือช่างก็เป็นคนจัดการเองหมด ขนาดเหล็ก ขนาดเสา พื้น ฯลฯ ทุกอย่างช่างเป็นคนจัดการหมด ไปยุ่งมากมีหวังไม่ได้บ้านแน่ๆ และผลที่ออกมาก็เป็นดังคาด จบไม่สวยแต่ก็พอยอมรับได้เท่านั้นเอง บ้านไม่พัง หลังคาไม่รั่วแต่กระเบื้องสันหลังคาปลิวไปหลายแผ่น ดาดฟ้าก็รั่วทุกแนวต่อแผ่น ต้องเอาไฟเบอกลาสไปซ่อมเอง แถมเวลาฝนมาลมย้อนเข้าทำให้น้ำมันก็มาตามโครงเหล็กใต้พื้นดาดฟ้ารั่วอีก ทุกวันนี้ยังแก้ไม่หายเลยครับ ก็ต้องค่อยๆแก้กันไป แหม ไปชี้ไปบอกให้เขาทำเรือลำเท่าตึก กะอีแค่ดาดฟ้ารั่วไม่มีปัญญาแก้ก็สมน้ำหน้าตัวเองแล้วครับ ของดีราคาถูกไม่มีครับ
เมื่อหลายสิบปีมาละเคยไปบ้านเพื่อนเขาก็เพิ่งจะสร้างบ้านเสร็จใหม่ๆ และจะต่อเติมอีกบางส่วน ผมก็บอกว่า เออ พี่เราเป็นสถาปนิกนะ มีอะไรก็บอกจะช่วยดูให้ แต่ตอนนี้แกไปแล้วครับ 5555 เพื่อนมันย้อนมาว่า โอ้ย ไม่ต้องใช้หรอกสถาปนิกอะ ไม่จำเป็นเลย ช่างเขาเก่ง จัดการเองได้ ฯลฯ .....แฮะๆ หมดคำจะพูดเลยครับ
อย่างที่เคยบอกไปในบทความตอนที่แล้วเรื่องการเขียนแบบเบื้องต้นว่า แบบ หรือแปลน เป็นหลักฐาน เป็นลายแทงหรือแผนที่ในการสร้างอะไรก็แล้วแต่ จะมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้าคนสร้างจำได้หมดทุกอย่าง แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยี่ด้านวัสดุและอื่นๆมันก้าวหน้าไปมาก สามารถที่จะคำนวนความแข็งแรงได้ทุกส่วนทุกวัสดุทีใส่เข้าไป และที่สำคัญ เวลามีปัญหาขึ้นมาจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ก็จะต้องมีคนรับผิดชอบ ถ้าสร้างโดยไม่มีแบบ แล้วมีปัญหาก็ต้องไปไล่เอากับผู้รับเหมา แต่ถ้าเป็นตึกหรือบ้านหรืออาคารขนาดใหญ่ ยังไงก็จะต้องมีแบบ ทั้งแบบทั่วไป แบบโครงสร้าง ไฟฟ้า ปะะปา สุขาภิบาล ฯ เวลามีปัญหา จำเลยที่หนึ่งก็คือ สถาปนิกและวิศวกร ผู้ออกแบบ เมื่อเอาแบบมาตรวจแล้วปรากฏว่า แบบสมบูรณ์ ตารางคำนวนต่างๆผ่าน ก็ถึงคราวผู้รับเหมาต้องมาร่วมเป็นจำเลยด้วยอีกหนึ่งแล้วครับ เพราะในระหว่างก่อสร้าง ในแต่ละขั้นตอนก็ต้องมีวิศวกรควบคุมงานให้เป็นเป็นไปตามแบบ ตั้งแต่ตอกเสาเข็มยันพื้นดาดฟ้าชั้นบนสุดโน่นเลยทีเดียว วัสดุที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนถูกต้องตามแบบที่ออกมาหรือเปล่าก็ต้องไปไล่ดูกัน วิธีการค้ำยันถูกต้องไหม ฯลฯ เยอะครับ แต่อย่างไรก็ตาม แบบต่างที่ผู้ออกแบบทำออกมานั้น ในบางจุดบางขั้นตอน "อาจจะ" ไม่ชัดเจนพอสมควรก็สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขแบบนั้นๆได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแบบมายังไงก็หลับหูหลับตาทำไปทั้งอย่างนั้นแม้รู้ว่าทำไม่ได้ก็ไม่แก้ไขกัน นั่นก็ถือเป็นความซวยของเจ้าของโครงการแล้วครับ เขาจึงการจ้างคนนอก หรือที่ปรกษามาเป็นผู้ควบคุมงานอีกที กลายเป็นสามฝ่ายละทีนี้ เจ้าของโครงการกับผู้ออกแบบหนึ่งละ ผู้รับเหมาก็อีกหนึ่ง และที่ปรึกษาอีกหนึ่ง ใครจะจ้างก็ได้แต่ต้องวางตัวเป็นกลางในการตรวจสอบและคุมงาน เข้าข้างใครไม่ได้เลย ถ้าอยู่ฝ่ายเจ้าของโครงการผู้รับเหมาอาจจะตายก็ได้ กลับกันถ้าอยู่ฝ่ายผู้รับเหมา เจ้าของโครงการก็อาจจะเจ๊งได้เหมือนกัน ประมาณนั้นครับ รายละเอียดมันเยอะมากๆ เล่าแค่ส่วนหลักๆแค่นี้แหละครับ
มาว่าถึงแบบเรือกันมั่ง ไม่ต่างกันเลยครับอย่างที่บอกไว้ตอนต้น แบบกับช่างนี่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันประจำ ไอ้คนเขียนแบบก็บอกว่าทำตามแบบนี่แหละ ส่วนช่างก็บอกว่ามันทำไม่ได้ บันเทิงเลยครับ วิธีแก้ไขก็คือต้องคุยกันครับ หรือประชุมกันนั่นแหละ มาแนะนำตัวให้รู้จักกันไว้ว่าใครทำอะไรที่ไหน ในอู่นี่ใครใหญ่ หลังจากนั้นก็ค่อยๆอธิบายในเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจ ในส่วนคนออกแบบเขียนไม่ได้ไปมุดเรือเข้าไปเชื่อมเหมือนช่าง ได้แต่นั่งทำงานบนโต๊ะในห้องแอร์เย็นสบาย ส่วนช่างต้องมุดต้องคลานเข้าไปเชื่อมในซอกเล็กมุมน้อย จนบางที่เข้าไม่ได้ก็มี แล้วจะทำยังไง ก็ต้องแก้แบบสิครับ แก้ยังไงก็ได้ให้ช่างเข้าไปทำงานในส่วนนั้นให้ได้ ไม่ใช่จะยืนกระต่ายขาเดียวว่าเฮ้ย แบบถูกแล้ว ช่างหาทางทำเองดิ มันไม่ใช่ไงครับ ช่างเขาจะไปตัดเหล็กหรือชิ้นส่วนที่ไม่ได้ระบุไว้ในแบบไม่ได้นะครับ แบบมีไว้เป็นแนวทางในการต่อสร้างเรือเท่านั้นครับ จะแก้ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าแก้ช้า ค่าใช้จ่ายอาจจะบานปลายได้ เพราะอาจจะต้องรื้อบางส่วนออก เงินทั้งนั้นครับ สุดท้ายแล้วแบบเรือที่สมบูรณ์ที่สุดถูต้องมากที่สุดคือ แบบ ASBUILT DRAWING นั่นเองครับ แบบชุดนี้ทำขึ้นหลังจากต่อสร้างเรือเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้เป็นแบบที่ยื่นขออณุญาติต่อเรือกับกรมเจ้าท่านะครับ นั่นเป็นแบบชุดแรก ที่ส่งไปและก็ส่งให้อู่ต่อเรือด้วย เพื่อที่อู่ต่อเรือจะไปทำเป็นแบบ SHOP DRAWING เพื่อนำไปเตรียมงานและต่อสร้างเรือต่อไป ประมาณนั้นครับ
ที่กล่าวมาทั้งหมดก็เพื่อจะบอกว่า จะสร้างอะไรสักอย่างก็ควรจะบันทึกวิธีการ ขั้นตอน วัสดุ ฯลฯ หรือมีแบบไว้ดีกว่าไม่มี แค่นั้นเองครับ แต่ถ้าเป็นการก่อสร้างอะไรที่มีขนาดใหญ่ที่ต้องมี "คน" เข้าไปใช้งาน เข้าไปอยู่อาศัย ก็อย่าเลี่ยงเลยครับ กฏหมายเขาบังคับอยู่ แต่ถ้ากระท่อมน้อยหรือ รถจักยานก็ว่าไปอย่าง เอาตามสบายเลยครับ
บทความตอนนี้ใช้เวลาเกือบสามวัน จบลงเพียงเท่านี้แหละครับ ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน ขอให้มีสุขภาพดีกันทุกคนครับ
5-11-2566 2:30 น.
.............................................................................................................................