คือการทดสอบ ส่วนต่างๆของเรือที่ต่อใหม่ทั้งลำครับ ทั้งก่อนลงน้ำ

             27 มิถุนายน 2566 23:40 น. สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้นึกได้อีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับการต่อเรือ นั่นคือการทดสอบ ส่วนต่างๆของเรือที่ต่อใหม่ทั้งลำครับ ทั้งก่อนลงน้ำและก่อนการส่งมอบหลังจากลงน้ำไปแล้ว
         การทดสอบหลักๆก็ เริ่มจากตัวเรือนี่แหละครับ แล้วเขาจะทดสอบกันอย่างไร การตรวจสอบกับการทดสอบ ไม่เหมือนกันนะครับ การตรวจสอบตัวเรือ ก็ประมาณว่า แนวเชื่อม "ทั้งหมดเท่าที่มองเห็น" ดูปรกติและมีความถูกต้อง(อันนี้อยู่ที่ความชำนาญของผู้ตรวจล้วนๆครับ)ยิ่งแนวเชื่อมเป็นเกล็ดปลาไหลได้นี่ช่างเชื่อมเทวดาจริงๆครับ

       ถ้าเห็นแนวเชื่อมแบบข้างบนขวามือสุดนี่ ต้องรีบแก้อย่างไวเลยนะครับ แนวเชื่อมของแผ่นเปลือกเรือ อย่างน้อยๆต้องมีรูปร่างหน้าตาประมาณ ภาพที่หนึ่งและสองจากทางซ้ายบนครับ และแนวเชื่อมของท่อเหล็กในระบบต่างๆบนเรือ ถ้าได้แบบที่เห็นภาพที่สองจากซ้ายล่างนี่ สุดยอดแล้วครับ การเชื่อมท่อเหล็กในขนาดต่างๆกันนั้นต้องบอกว่ายากก็ยากอยู่ หรือจะง่ายก็ไม่เชิงซะทีเดียวถ้าเป็นท่อเหล็กที่ยังวางอยู่บนพื้น ยังไม่ได้นำไปประกอบในตัวเรือตามตำแหน่งที่กำหนดในแบบ แต่แบบที่ได้จากผู้ออกแบบเรือบางครั้งก็จะมีแต่ ไดอแกรม หรือสัญญาลักษ์ ขนาดและทิศทางของท่อเท่านั้น เมื่ออู่ต่อเรือได้แบบระบบท่อทางต่างๆมาแล้ว ต้องมาทำแบบ ชอปครออิ้ง อีกทีครับ ก็คือไปดูที่หน้างาน แล้วก็เขียนขนาดและทิศทางใหม่เลย ว่าไปทางไหน ผ่านเหล็กอะไรต้องเจาะทะลุ หรือต้องใส่ข้องอเพื่อเลี้ยวหลบ ฯลฯ รายละเอียดเยอะมากๆครับ ถ้าเป็นทางตรงๆยาวๆ ก็ต้องมี แท่นรองรับท่อเป็นช่วงๆ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นใต้ท้องเรือก็จะพาดไปบน เฟรมหรือกงเรือ แล้วเชื่อมแท่นรองรับ เป็น เหล็กแบนและรัดด้วยน๊อตตัวยู ความโค้วเท่ากับขนาดของท่อ ขันยึดติดด้วยน๊อต

            ในวงสีแดงนั่นแหละครับคือ น๊อตตัวยูยึดท่อให้ติดแนบแน่นกับที่รองรับหรือ เฟรม หรือ กงเรือ เพื่อไม่ให้ท่อ "สั่น" เวลาติดเครื่องยนต์และออกเรือ ถ้าวางท่อไว้เฉยๆ ไม่ยึดกับอะไรเลย พังแน่นอนครับ เวลาติดเครื่องยนต์และเดินเรืออกไปแล้ว ทุกอย่างที่ไม่ได้เชื่อมติดกับโครงสร้างของเรือ เช่น สายไฟ สายยางต่างๆ ท่อทุกชนิด ฯลฯ ต้องหาวิธียึดให้แน่น ไม่ให้สั่นหรือขยับได้เลย อ้าวแล้วทำไมไม่เชื่อมท่อติดกับโครงสร้างเรือไปเลย คำตอบก็คือ จะทำให้ท่อเกิดความเสียหายตรงรอยเชื่อมได้ง่าย เพราะจุดที่เชื่อมนั้นจะติดแน่นเป็นเนื้อเดียวกันจะรับแรงที่มาจากการบิดของตวเรือที่ส่งต่อมาทางโครงสร้างเรือโดยตรง และที่สำคัญคือ เวลาซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนท่อจะทำได้ยากมากและต้องใช้ ไฟเป่าออกเท่านั้น ซึ่ง บางที่เช่นห้องเครื่องจักรใหญ่ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่ทำ ฮ๊อตเวิคร์ หรือ งานตัดด้วยไฟ และเชื่อมด้วยไฟฟ้าเด็ดขาดครับ ที่เห็นมีรอยเชื่อมตรงข้องอของท่อนั้น เขาทำมาจากบนฝั่งแล้วครับ ปลายท่อแต่ละด้าน เขาจะมี flange หรือ"หน้าแปลน" เพื่อใช้ต่อท่อเข้าด้วยกันครับ ในกรณีที่ท่อมีความยาวไม่พอต้องต่อท่อออกไปอีก เขาจะไม่ใช้วิธีเชื่อมท่อที่เอามต่อเข้าไปครับ เขาจะใช้เจ้าตัว หน้าแปลน นี่แหละครับเป็นตัวต่อท่อ



                       ครับ ตามข้างบนนี้เลยครับ มาจาก กูเกิล ครับ
            โม้เรื่อการทดสอบ ไหงกลายเป็น ต่อท่อไปได้ กลับมาเรื่องทดสอบกันดีกว่า เพราะว่ามันจะได้ต่อเนื่องจากเมื่อวันก่อน ที่โม้เรื่องความดันในถังลมไปแล้วครับ
           ในเรือ ผู้ออกแบบมักจะใช้ตัวเรือหรือเปลือกเรือเป็นส่วนหนึ่งของ "tank" หรือถังต่างๆเช่น ถังน้ำขืด ถังน้ำถ่วงเรือ(ballast tank) หรือถังเปล่า(void tank) ฯ เมื่อเรือต่อเสร็จแล้วก่อนที่จะลงน้ำ และ "ตรวจ" แนวเชื่อมด้วยสายตาไปแล้ว ยังต้อง "สุ่มตรวจ" ด้วยการ เอ๊กษเรย์ ในจุดสำคัญแล้ว เขาก็จะทดสอบด้วย "แรงดัน" ครับ ถ้าเป็นถังขนาดเล็กความจุไม่เยอะ เขา อาจจะ ใส่น้ำลงไปให้เต็มถังเลยแล้วก็ไปดูรอบๆถังนั้นว่ามีน้ำรั่วหรือซึมออกมาหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็จะทิ้งไว้ระยะหนึ่งก็เป็นชั่วโมงเหมือนกันครับ ถ้าไม่มีน้ำรั่วซึมออกมาก็ใช้ได้ สูบน้ำออกเท่านั้นแต่ถ้าเป็นถังขนาดใหญ่ที่มีเปลือกเรือเป็นส่วนหนึ่งของถังแล้ว เขาจะใช้แรงดันของ "อากาศ" ธรรมดานี่แหละครับอัดเข้าไปในถัง วิธีเตรียมการก็จะยุ่งยากขึ้นไปอีก คือ เขาจะปิดถังที่จะทดสอบด้วยฝาปิดซึ่งทำขึ้นโดยเฉพาะ มีท่อให้ลมเข้าและออก อย่างละหนึ่งท่อ
          แล้วก็สร้างถังขนาดเล็กใส่น้ำไว้เกือบเต็มหนึ่งถัง ไม่ใหญ่มากครับขนาดใส่น้ำสักห้าสิบหรือร้อยลิตรก็พอ เช่นกัน มีท่อให้ลมเข้าหนึ่งท่อ ท่อนี้จะยาวลงไปในถังแค่นิดเดียว ก็คือ ปลายท่อจะอยู่เหนือแนวน้ำในถังนั่นเอง ส่วนอีกท่อก็เชื่อมติดเข้าไปบนถังเหมือนกัน แต่ปลายท่อจะยาวลงไปเกือบถึงก้นถังนะครับ และอีกด้านของท่อนี้ก็จะใส่ สายยางใสไว้หรือจะเป็นหลอดแก้ววัดระดับก็ได้ครับ ปลายสายยางหรือหลอดแก้วอีกด้านก็จะเปิดไว้ กล่าวไปลักษณะของถังใบนี้ก็เปรียบเสมือน ถัวฉีดน้ำลดต้นไม้ที่มีปั้มอยู่ในตัวนั่นเอง เพียงแต่ถังใบนี้ไม่มีปั้มลมในตัวเท่านั้นครับ 
        เมื่อเริ่มการทดสอบ เขาจะเปิดปั้มอัดลมเข้าไปในถังที่ต้องการทดสอบการรั่วซึม จนแรงดันในถังเพิ่มขึ้นแล้วส่งแรงดันอากาศมาที่ถังทดสอบเข้ามาทางท่อลมเข้านั่นเอง เมื่อแรงดันในถังทดสอบเพิ่มขึ้น แรงดันในถังเล็กก็เพิ่มตามมันจะกดน้ำในถังให้ไหลออกมาทางท่อที่ต่อสายยางหรือหลอดแก้วเอาไว้ เมื่อระดับน้ำในสายยางหรือหลอดแก้วสูงขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วเขาก็จะปิดวาล์วด้านที่ลมเข้าถังที่ทดสอบ ทิ้งไว้อย่างนั้น แล้วมาคอยดูว่า ระดับน้ำในสายยางใสหรือหลอดแก้วลดลงหรือไม่ ถ้าระดับน้ำไม่ลดลง แสดงว่า ถังที่ถูกทอสอบไม่รั่วซึมครับ แต่ถ้าทิ้งไว้สักพักใหญ่ๆแล้วระดับน้ำในสายยางใสหรือในหลอดแก้วลดระดับลงอย่างช้ามากๆ นั่นก็แปลว่า ถังที่ถูกทดสอบนั้น มีรอยรั่วซึมแน่นอน งานงอกครับ แต่ทั้งนี้ต้องแน่ใจมั่นใจว่า ฝาถังปิดสนิทใส่ซีลเรียบร้อย วาล์วใช้งานได้ปรกติ ถังใส่น้ำและข้อต่อทุกอย่างสนิท ไม่มีปัญหานะครับ วิธีนี้จึงจะได้ผล ไม่งั้นก็ งมหากันตายเลย
        อ่านแล้วคงจะงงกันแน่ๆเลย อย่าไปสนใจมากครับ ไม่ใช่หน้าที่เรา แค่รู้ผ่านๆไปเท่านั้น หรือใครจะข้ามไปเลยก็ไม่เป็นไรครับ ดีกว่ามานั่งงงกะมัน อะไรฟะ ท่อนั้น ท่อนี้ ผมเองพิมพ์เอง ก็ยัง งง เลยครับ แก้ตั้งหลายรอบ อ้าว นี่ก็ตีสองละเร็วจริงๆ
       ขอกล่าวราตรีสวัสดิ์กับทุกท่านอีกครั้งครับ ขอให้นอนหลับสบายกันทุกท่าน ตื่นมาเจอแต่เรื่องดีๆครับ
2:20 น.

.............................................................................................................................