4 มิถุนายน 2566 0:30น.สวัสดีครับทุกท่านตอนนี้เวลานอนของผมวนกลับมาครบรอบเดิมแล้วก็คือ เริ่มนอนตามเวลาที่ชาวบ้านเขานอนกันปรกตินั่นแหละครับ เรียกว่า นอนดึกต่อเนื่องมาจนนอนตอนเช้า แล้วก็มานอนตอนบ่าย สักพักก็มานอนตอนเย็น แล้วก็เริ่มตอนค่ำๆ ตอนนี้ก็เอาอีกแล้วครับนอนตอนสามทุ่มกว่าๆ ไม่ยอมหลับ ทำไงก็ไม่หลับต้องลุกขึ้นมาหาอะไรทำแล้ว ก็นึกได้ว่าค้างเรื่องเอาไว้
ครั้งที่แล้วกล่าวนำไปซะเยอะบางท่านหรือทุกท่านอาจจะคิดว่า ไม่เห็นมันเกี่ยวอะไรกับขั้นตอนการต่อเรือจริงๆเลยนี่ มีแต่เล่าเรื่องโน้น เรื่องนี้ ยืดยาวไปหมด ก็ต้องขอบอกว่าที่เล่าไปทั้งหมดนั้น "เกี่ยวข้อง" อย่างแน่นอนครับ และจริงแล้วยังมีรายละเอียดยิบย่อยกว่านี้อีกเยอะ แต่เอาแค่นั้นก็พอแล้ว
ที่นี้ก็จะมาเล่าต่อว่าไอ้ที่พิมพ์มาซะยาวเลยนี่มันมาเกี่ยวกับการทำเรือหรือต่อเรือยังไงบ้าง
มาที่ผู้ว่าจ้างก่อนครับตรงนี้จะแบ่งได้เป็นสองประเภทอย่างชัดเจนเลยก็คือ
1. หน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
2. เอกชน
ถ้าผู้ว่าจ้างเป็นรัฐฯ เขาจะมี TOR หรือ TERMS OF REFERENCE เป็นเอกสารที่ทางหน่วยงานของรัฐฯ นั้นๆเขียนขึ้นมาเพื่อกำหนดคุณสมบัติของผู้รับจ้างหรือผู้ขาย และที่สำคัญอีกอย่างก็คือกำหนดรายละเอียดและขอบเขตของงานนั้นๆว่ามีอะไรบ้าง เริ่มทำอะไรเมื่อไหร่ เสร็จตอนไหน และในเนื้องานที่ทำมีวัสดุอะไรบ้าง ฯลฯ เยอะแยะไปหมดเรียกได้ว่าถ้าทำผิดไปรายการเดียวในหลายสิบหรือร้อยรายการนี่มีซวยได้ง่ายๆเลยทีเดียว แล้วก็ไอ้เจ้า TOR ตัวนี้แหละครับใครที่มีตาทิพย์ก็สบายไป 55555 และส่วนใหญ่ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่อยู่ใน TOR คอยตรวจสอบเรื่องต่างๆด้วย เอาแค่นี้พอเดี๋ยวซวย ยิ่งป่วยๆอยู่ด้วย
ส่วนอีกพวกหนึ่งก็คือเอกชนเป็นผู้ว่าจ้างตรงนี้เล่นง่ายครับใครมีเส้นมีสายก็ใส่กันไม่ยั้ง มีกำลังภายในภายนอกเท่าไรก็งัดเอามาใช้กันหมดเพื่อที่จะได้งาน แต่บางบริษัทก็ไม่ง่ายเหมือนกันครับมีการเทียบราคาหรือเสนอราคาแข่งกันก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ที่เจอก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่เพราะเขาจะเจาะจงมาเลยว่าเลือกใครให้ทำอะไร นอกจากเป็นบริษัทจำกัดมหาชนอันนี้ก็ต้องผ่านคณะกรรมการของเขาก่อนซึ่งก็ไม่ง่ายเลย ฯลฯ
เอาแค่ในส่วนของเอกชนก็พอมั้งครับปลอดภัยดี เมื่อได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้าง ก็จะเริ่มมีการถามไถ่ในความต้องการต่างๆเช่น ต้องการเรือประเภทไหน ขนาด กว้าง ยาว ลึก เท่าไหร่ ความเร็วในการใช้งานเท่าไหร่การใช้งานต่อหนึ่งเที่ยวหรือหนึ่งทริปมีระยะทางหรือใช้เวลาเท่าไร ไปใช้งานบริเวณไหนของประเทศ หรือตรงไหนของโลก วัสดุะไรที่ใช้ต่อเรือ และถ้าเป็นไปได้ก็จะถามถึงเรื่อง งบประมาณที่จะใช้ในโครงการนี้ว่ามีเท่าไหร่ถ้าบอกได้(ส่วนใหญ่เมื่อคุยไปสักพักเขาก็จะมีตัวเลขนี้มาให้เหมือนกัน)ฯลฯ เมื่อได้รายละเอียดพอประมาณ ผูรับจ้างก็จะเขียน สเป็คโดยประมาณ และนัดเจอกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเรือว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งทางผู้รับจ้างก็จะมีข้อมูลต่างๆมากมายมาเสนอให้ดูกันตาแฉะเลยก็ว่าได้ ขั้นตอนนี้แหละครับที่ว่า มันเกี่ยวข้องกับบทความตอนที่แล้ว เพราะผู้ว่าจ้างจะรู้ว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง ในความต้องการเรือที่เขาอยากได้ แต่ผู้ว่าจ้างบางคนก็รู้ดีอยู่แล้ว อาจจะเพราะว่าทำธุรกิจด้านเรือมานาน หรือเป็นเจ้าของเรือ หรือ มากับอู่ต่อเรือ ฯ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ หลังจากที่พบเจอกันและได้รู้ความต้องการและความพร้อมของแต่ละฝ่ายแล้ว ผู้รับจ้างก็จะกลับมาร่างสัญญาหรือใบเสนอราคา "ออกแบบเรือและสเป็คโดยละเอียด"(เท่าที่จะทำได้ แล้วก็ส่งกันไปมาเพื่อพิจราณาและแก้ไข้ให้ได้ตรงตามความต้องการและอยู่ในขอบเขตของกฏหมายทั้งหมด ไอ้ตรงนี้แหละครับที่จะปวดหัว เพราะมันจะเจอกับอุปสรรคมากมาย จะใช้ปั้้มสูบน้ำของยี่ห้อนี้ แต่ในบ้านเราไม่มีขายมั่งล่ะ เครื่องยนต์เป็นไงหาได้ไหม ซื้อใหม่รอกี่เดือน ใช้เครื่องเก่าหาของได้ไหมราคาเท่าไหร่ เหล็กรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ในบ้านเราไม่มีขายต้องสั่งจากต่างประเทศ สั่งน้อยๆก็แพงอีก สั่งเยอะๆก็เหลือไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ฯลฯ สารพัดเรื่องครับ กว่าจะสรุปจบได้ ในใบเสนอราคาอาจจะมีหรือไม่มีแบบเรือเลยก็ได้นะครับ นี่ยังไม่ได้เขียนแบบ GA เลยนะครับ
ในใบเสนอราคาก็จะมีรายละเอียดทั้งหมดของการทำแบบเรือคือมีแบบอะไรบ้างเริ่มเมื่อไหร่เสร็จเมื่อไหร่การเบิกจ่ายค่าจ้างก็จะแบ่งเป็นงวดๆไปโดยจะกำหนดไว้อย่างละเอียดทั้งเวลาและจำนวนเงิน
เมื่อสัญญาหรือใบเสนอราคาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายแล้ว ก็นัดวันเซ็นสัญญากัน วันนี้สำคัญมากแน่นอน เพราะเมื่อสัญญาได้ถูกเซ็นจนครบแล้ว ผู้ว่าจ้างก็ต้อง "จ่าย" แล้วครับ จะยี่สิบ สามสิบหรือห้าสิบเปอร์เซ็นก็แล้วแต่ว่าในสัญญาระบุไว้ว่าอย่างไร บางโครงการก็เดินทางมาไม่ถึงขั้นตอนนี้เพราะต่างฝ่ายต่างไม่สามารถตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายได้ ซึ่งก็มีเยอะพอสมควรครับ บางรายแค่โทรมาถามแล้วก็หายไปเลย บางรายขอแบบ GA ตัวอย่าง แล้วก็หายไปอีก นี่ก็เยอะ มีทุกอย่าง บางรายมาคุยซะเป็นเจ้าของบริษัทเลย แต่พอจะเอาจริงๆได้ใบเสนอราคาไปแล้วก็หายไปเลยก็ใช่ว่าจะไม่มี เสียเวลาพอสมควร ฯ ชีวิตไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกครับ มาคุยสักยี่สิบราย สำเร็จสักรายก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วครับ
เมื่อสัญญาถูกเซ็นแล้วก็คือเริ่มเป่านกหวีดแล้วครับ ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็เริ่มทำเรื่องที่ตัวเองรับผิดชอบ
ในส่วนของการทำแบบเรือ ก็จะมาเริ่มที่แบบ GA หรือ GENERAL ARRANGEMENT แบบแผ่นนี้จะใช้เวลาพอสมควร เพราะกว่าจะลงตัว ต้องมีการประชุมกับผู้ว่าจ้างทุกอาทิตย์หรืออาจจะทุกสองหรือสามวันด้วยซ้ำไป บางลำใช้เวลาเป็นเดือนหรือหลายเดือนก็มีเพราะแก้ไม่เสร็จกันซะทีแบบอื่นๆก็ต้องรอให้แบบ GA นิ่งสนิทซะก่อน ไม่งั้นได้แก้กันแบบหน้ามืดแน่ๆครับ ในขั้นตอนนี้นอกจากราคาค่าจ้างทำแบบเรือแล้ว เจ้าของเรือก็จะรู้ราคาค่าต่อเรือ "โดยประมาณ"อีกด้วย และจะรู้ราคาจริงก็ต่อเมื่อแบบโครงสร้างเสร็จแล้ว นำไปให้อู่ต่อเรือเสนอราคา ซึ่งแต่ละอู่ก็จะมีมาตราฐานการเสนอราคาที่ต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะอิงตามน้ำหนักเหล็กที่ใช้ต่อเรือ โดยคิดราคาเป็น บาท/กิโลกรรม เช่น เรือลำนี้ใช้เหล็กต่อเรือมีน้ำหนักที่คำนวนตามแบบได้ 100 ตัน ราคาที่อู่เสนอในการต่อเรือลำนี้ก็คือ 80บาท/Kg ตกตันละ แปดหมื่นบาท 100 ตันก็ 100x80000= 8000000 หรือ แปดล้านบาทนั่นเอง ราคานี้ส่วนใหญ่ไม่รวมเครื่องจักรและชุดเพลาใบจักรต่างๆนะครับ แล้วก็ไม่รวมการพ่นสีด้วย สีในที่นี้ก็เริ่มตั้งแต่สีรองพื้นกันเลยทีเดียว บางอู่ก็พ่นสีรองพื้นตอนเตรียมแผ่นเหล็กก็มี บางอู่ก็ไม่เตรียมอะไรเลย เหล็กมาไงก็เอามตัดตามแบบแล้วก็ต่อไปตามนั้น แล้งจึงมาพ่นทรายและสีเมื่อเรือประกอปเสร็จแล้วก็มีเหมือนกัน ทั้งสองวิธีก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันพอสมควรครับ ราคาที่ด้านบนเป็นแค่ตัวอย่าง สมมุตินะครับ เรือยิ่งใหญ่มากๆราคาก็จะยิ่งแพงมากขึ้นไปอีก บางอู่ก็คิดราคาตามความยาวเรือก็มีเช่น เมตรละหนึ่งล้านบาท หรือ ฟุตละแสน.......ประมาณนั้นครับ อู่ใหญ่ๆที่มีเครื่องมือมีบุคลากรครบก็จะได้เปรียบมากกว่าอู่ต่อเรือขนาดเล็ก แต่ราคาก็ใหญ่ตามขนาดอู่ไปด้วยเหมือนกันครับ
นี่ก็จะตีสองแล้วครับต้องขอตัว ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับแล้วจะมาเล่าต่อรับ
1:59 น.
.............................................................................................................................