23 กุมภาพันธ์ 2566 12:25 น. สวัสดีครับทุกท่าน มาพบกันหลังเที่ยง
คืนอีกแล้วครับท่าน ใครนอนดึกหรือนอไม่หลับก็เชิญทางนี้ได้ครับ
วันนี้จะมาบ่นเรื่องการทำงานในอดีตของผมอีกสักหน่อย จะว่าเป็นความ
บังเอิญ หรือผมเป็นตัวซวยสำหรับหน่วยงานหรือบริษัทที่ผมเข้าร่วมทำงาน
ด้วยก็ไม่ทราบได้ แต่ที่รู้ๆคือคือ ความบังเอิญในโลกนี้มัน "ไม่มี" แน่ๆครับ
แต่ผมก็มักจะพบเจอเหตุการณ์แปลกอยู่เรื่อย ประมาณว่า เข้าแก๊งไหนหัว
หน้าแก๊งตายหมดอะไรประมาณนั้นครับ หึๆๆๆๆๆ หรือไม่ก็ไปร่วมงานปล่อย
เรือลงน้ำทีไร เรือลำนั้นมักไม่ได้ลงน้ำอย่างราบเรื่อนสักลำ จนพวกเขาบอก
ว่า เมิงไม่ต้องมาตอนปล่อยเรือลงน้ำนะกุเหนื่อยอะ.......ประมาณนั้นครับ
แล้วเวลาไปทำงานที่ต่างจังหวัด ถ้าไปไม่กี่วันกลับก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กับผมและพรรคพวกที่ไปด้วยกัน แต่ๆๆๆๆๆ ถ้างานนั้นต้องไปอยู่เป็นเดือน
แล้วมีผมอยู่ด้วยนี่ โหด มันส์ ฮา ทุกงานแน่ๆครับ เอาที่ตัวผมก่อนก็ได้ ไม่
เข้าโรงพยาบาลไปเย็บแผล ก็ต้องเข้าโรงพัก อย่างใดอย่างหนึ่ง ไปเขมร
เป็นเดือนก็เกือบจะไม่ได้กลับ โนตำรวจจับหลังจากไปพากันไปกินเลี้ยง
ในตัวเมือง กำปงโสม งานนั้น โดนตำรวจนอกเครื่องแบบขับรถปาดหน้า
เหมือนในหนังเลยครับ พวกผมก็เมาๆกันอยู่ในรถก็เกือบสิบคนมั้ง พวกมา
กันสองคน พอรถหยุดก็ลงมาพร้อมกัย AK 47 คนละกระบอก ชี้เด่มาที่
พวกผมบอกให้ลงมาให้หมด ฟังไม่รู้เรื่องสักคำ พี่ที่พาไปเขาอยู่มาก่อน
และก็เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนตอนผมเรียนอยู่ ม.ศ.3 ที่ กทม ซะด้วย จะโขคดี
อะไรปานนั้น เขาเป็นคนเจราจา สักพักก็สายตรวจขี่มอร์ไซด์ซ้อนกันมาอีก
คันถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เขาก็บอกไปว่าโดนรถปาดหน้า สายตรวจก็นอก
เครื่องแบบอีก มาเจอทั้งสองกลุ่มนี้นึกว่าเจอโจรซะอี เขาก็วิทยุแจ้งข่าวกัน
ปรากฏว่า ไอ้รถที่ปาดหน้าก็บอกไปประมาณว่า เฮ้ยกุเอง ประมาณนั้น
ไอ้มอร์ไซด์สองคนนั่นก็ร้องอ้าว เหมือนเพิ่งเห็นกัน เพราะตรงนั้นมันมืด
มาก เป็นถนนที่อยู่บนเนินด้านหนึ่งลาดสูงขึ้นไปเป็นเนินเขาเตี้ยแต่ยาว
ขนานไปกับถนน แต่อีกข้างหนึ่งของถนน ค่อยๆลาดลง จนไปสุดที่ชาย
ทะเล.........คืนนั้นผมก็สวดมนต์เท่าที่นึกออกแล้วครับกะว่าพรุนแน่กู บ้าน
ช่องคงไม่ได้กลับแล้ว ชีวิตต้องปลิดปลิวลง ณ ที่ตรงนี้แน่ๆแล้ว ดูท่าทาง
ฝ่ายตรงข้ามที่มีสองคน หัวหน้ากับลูกน้องพร้อมปืนอีกสองกระบอก ส่วน
สายตรวจพอรู้ว่ามีตำรวจอยู่แล้ว พวกก็เผ่นแน่บหายไปในมืดแบบไม่
เหลียวหลังเลยทีเดียว หลังเจรจาแบบงูๆปลาๆกันพักใหญ่ จึงได้รู้ว่า เขา
ต้องการค่าปรับคิดเป็นเงินไทยก็ สามหมื่นบาทไทย รุ่นพี่ผมเขาก็ขอต่อ
รองเหลือครึ่งนึง แล้วก็จ่ายพรุ่งนี้ เพราะพี่เขาเป็นตัวแทนส่งของให้กับ
ทหารของสหประชาชาติ หรือ ที่เรียกกันในตอนนั้นว่า อุนตัก นัะ่นเอง
เขาก็ตกลง แต่ต้องเอาพวกเราไปไว้โรงพักของเขาก่อน.....ซวยละ.......
ที่สถานีตำรวจกำปงโสมตอนนั้น อาจจะเป็นสถานีย่อยก็ได้ครับ เป็น
บ้านไม้เก่าๆสองชั้น ไม่ได้เปิดไฟ แต่มีเปลผูกอยู่ใต้ต้นไม้แถวนั้นหลาย
เปล เหมือนดักแด้สีเขียวๆมืดๆเลยแต่มีคนนอนแน่ๆ มารู้ทีหลังว่า พวกเขาก็
กลัวโดนถล่มโดยเขมรแดงเหมือนกัน เลยต้องมาหลบนอนข้างๆสถานีใน
ที่มืดๆ.............แต่พี่เขาก็ต่อรองอีกว่า จะเอาพวกเราไปไว้ที่ออฟฟิสของ
แกเองซึ่งตำรวจก็รู้จักดีอยู่แล้ว ก็เลยรอดตัวไป พวกเราอยู่ข้างถนน
ประมาณสองชั่วโมง จนเกือบตีสอง ถึงได้ย้ายไปที่ทำงานพี่เขา แล้วก็นอน
อยู่ที่นั่นยันเช้า แล้วก็ถูกส่งกลับมาที่เรือที่เที่ยบท่าอยู่ที่ท่าเรือน้ำลึก
กำปงโสมนั่นเอง รอดไปอีกครั้ง รายละเอียดการเฉียดตายครั้งนั้นมันเยอะ
มากครับ ผมก็จำไม่ค่อยได้ละ แต่ก็ประมาณนี้แหละ พวกเราอยู่หรือใช้
คำว่าติดอยู่ที่ท่าเรือน้ำลึกกำปงโสมเป็นเวลาเกือบเดือนได้มั้งครับ ก็ไปกับ
เรือลำที่ผมได้เล่าไปเมื่อไม่นานมานี้แหละครับ ขนรถแมคโครและรถเกรด
ถนนไปรวมกันก็สิบสามคัน กว่าจะเข้าเที่ยบท่าได้ รอ ตม เป็นอาทิตย์ รอ
นำร่อง รอเรือลากจูง ฯ พอเที่ยบท่าแล้วก็ยังต้องรอรถเครนมายกรถต่างๆ
ที่บรรทุกมาออกไปอีกเป็นหลายวัน เพราะตอนนั้น มีแต่รถเครนของทหาร
กว่าจะหาของเอกชนมาได้ก็หลายวัน เอาของลงแล้ว ก็รออีกหลายวัน
ตรวจเอกสาร ตรวจฯ .........ช่วงนั้นลูกเรือที่ไปด้วยกันก็ลงไปหากินข้าว
เย็นมั่ง ไปเดินเที่ยวมั่ง ผมก็ไป แถวท่าเรือมีร้านอะไรให้กินก็เข้าไปกินกัน
ทุกร้าน ส่วนมากก็เหมือนกับร้านตามสั่งบ้านเรา แต่ไม่มีเก้าอี้เป็นตัว มีแต่
ม้านั่งยาว แผ่นที่รองนั่งก็เป็นแค่ไม้หน้าสาม แต่เอ ทำไมมันดูเลอะดินจัง
พวกผมก็ปัดดินออกแล้วนั่ง สั่งของมากิน ส่วนใหญ่จะเป็นก๋วยเตี๋ยวครับ
แถวๆท่าเรือมีคนเวียตนามมาอยู่เยอะมากๆครับ ชายหาดออกดำๆ ช่วงนั้น
มีเรือลำเลียงของทหารญี่ปุ่น มาเทียบท่าด้วย ใหญ่มากๆ กำปงโสมเป็น
เมืองท่าติดทะเลแห่งเดียวของเขมรในตอนนั้นที่มีท่าเรือน้ำลึกครับ น้ำหน้า
ท่าเรือลึกเกินสิบเมตรแน่นอนดูจาก สายเบ็ดตกปลาที่จมดิ่งลงไป ปลาเยอะ
มากๆ ตกปลากินกันทุกวันจนเบื่อ มีอยู่วัน ลูกเรือที่ออกไปเที่ยว เดินๆวิ่ง
กลับมาที่เรืออย่างเร็วแล้วบอกว่า ตอนไปนั่งกันข้าวกันเมื่อกี้ มีคนทะเลาะ
กัน แล้วเอาปืนออกมาชึ้หน้ากัน ก็เลยรีบเผ่นกลับเรืออย่างไว 55555555
อีกวัน ก็ข่าวมาว่า ร้านทองในตัวเมืองกำปงโสมถูกปล้น ยิงกันกะุจาย...เออ
ก็ได้ยินเสียงอยู่เหมือนกัน.......ฯ พอถึงต้นเดือน พ.ย. 2536 พวกเราจึงได้
ออกจากท่าเรือแต่ช้าก่อน เราได้ถูกสั่งให้ไปรอรับไม้ซุงในอ่าวนี้แหละครับ
แต่ห่างไปทางเหนือหลายกิโล ไปรอทิ้งสมออยู่ตรงนั้นอีกหลายวันแล้วก็มี
อยู่วัน เช้าตรูเลยครับยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าเลย อากาศดีมากๆ อยู่ก็มีเรือแจว
ติดเครื่องหางยาวสองลำมีคนอยู่บนเรือก็หลายคนอยู่ แต่ที่แปลกๆก็คือ ชุด
ที่พวกเขาใส่มันเขียวๆยังไงก็ไม่รู้ พอใกล้เข้ามาจึงเห็นชัดๆว่าเป็นทหารแต่
จะแดงหรือขาว อันนี้ไม่รู้ครับ พวกมาเทียบข้างเรือแล้วก็พากันขึ้นมาบน
เรือผมกันหมดเลย ทุกคนถือ อาก้า บางคนก็สะพาย RPG มาด้วย มองลง
ไปในเรือ ก็เห็นของหนักอีกเพี่ยบ ทีทั้งลูก RPG แบบต่างๆหลายลูก ปืนกล
12.7 มม. อีสอง ลูกระเบิดขว้างอีกหลายลูกวางอยู่ในเรือทั้งสองลำ แต่คน
ขึ้นมาอยู่บนเรือผมหมดแล้ว หลายคนเดินเข้าไปหหม้อข้าว อีกหลายคน
ขึ้นไปบนสะพานเดินเรือ ผมกับลูเรือและกัปตันก็ได้แต่ยืนดูนิ่งๆอย่างเดียว
เท่านั้น พูดกันก็ไม่รู้เรื่อง สรุปคือ พวกเขามาขอข้าวกินกันแล้วก็ขอยา
ต่างๆที่เรามีเอาไปหมดเลย พาราฯ ยาใส่แผลสด ยาแก้ท้องเสีย ฯ และพวก
เขาก็คือเขมรแดง ที่ควบคุมชายฝั่งแถวๆนั้นซึ่งห่างจากตัวเมืองกำปงโสม
ไม่กี่กิโลเมตรเลย พอพวกเขาแยกกลับไปพร้อมข้าวสารอารแห้งอีกหอบ
ใหญ่ๆแล้ว สายๆหน่อย พวกเราก็เผ่นกันมั่งแล้วครับ ไม่ลง ไม่รออะไรแล้ว
มุ่งหน้าเข้าประเทศไทยทางที่ใกล้ที่สุดคือจังหวัด ตราด นั่นเอง คราวนี้ก็
จะได้กลับบ้านจริงๆซะที พอเราออกมาได้หลายชั่วโมง ก็เรื่มเห็นเรือประมง
ที่รูปร่างคุ้นๆตาแล้ว คนอื่นเป็นไงไมรู้แต่ผมเองนี่ดีใจจนน้ำตาไหลเลยก็
แล้วกัน ไม่เคยดีใจเท่านี้มาก่อนในชีวิตเลยจริงๆครับ เหมือนตายแล้วเกิด
ใหม่อย่างที่หลายๆคนชอบพูดกัน นั่นเป็นหนึ่งในหลายๆครั้ง หลายๆ
สถานที่ และหลายเหตุการณ์ที่ผมและผองเพื่อนไปพบเจอมาในระหว่าง
การไปทำงาน...........
ก่อนมานั่งพิมพ์เรื่องนี้ พอดีไปจิ้มโดนเพลงฝรั่งเข้าเพลงนึง ฟังครั้ง
แรกก็สะดุดหูเลยทีเดียว ก็เลยอยากให้หลายๆท่านไปฟังกันบ้าง เพราะ
ผมก็คิดว่าในช่วงชีวิตของผมบางช่วงมันเหมือนคนบ้ายังไงชอบกล เต้น
ไปตามงาน เต้นไปตามคนรอบข้าง จนบางครั้งก็ลืมคนที่รอเราอยู่ที่บ้าน
ไปเลยก็มี ด้วยข้ออ้างที่เอามาปลอบใจตังเองว่า "มาทำงานเพื่อเงิน"
สุดท้าย ก็ไม่ได้ดังหวัง ก็ต้องเต้นตามงาน ตามคนรอบข้างต่อไปอีก กว่า
จะรู้ตัวก็เกือบสายไปแล้ว ดีที่ยังเลี้ยวกลับมาทัน
https://youtu.be/vjSwDOgnjT4 ตามลิ้งค์นี้ไปได้เลยครับเป็นการ
cover
https://youtu.be/PNKwPx2glWs นี่ก็อีกวงนึงครับมันส์มากขอบอก
https://youtu.be/MgHioCC3yCo นี่น่าจะเป็นต้นฉบับครับเก่าสุดละครับที่หาได้
https://youtu.be/-N4jf6rtyuw ส่วนอันนี้เป็น Offcian Video ครับ
วันนี้ก็ขอราตรีสวัสดิ์กับทุกท่านครับ
02:32 น.