หน้าแรก
สินค้าทั้งหมด
วิธีการสั่งซื้อสินค้า
แจ้งชำระเงิน
บทความ
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
หน้าแรก
>
บทความ
>
45 m. LOG CARRIER : เรือครูลำแ…
45 m. LOG CARRIER : เรือครูลำแรกของผม
2 ปีที่ผ่านมา
โดย
เจ้าของร้าน
30
มกราคม 2566 21.54 น
.
สวัสดีครับทุกท่าน ช่วงนี้คึกหน่อย มาทุกวันเลยแฮะ ก็แค่จะมาบอกว่า บทความต่อไป จะเป็นเรื่อราวจากความทรงจำในการทำงานเมื่อนานมาแล้ว รูปภาพต่างๆก็หาไม่ได้แล้วเพราะอยู่ในบริษัทเป็นภาพที่เป็นกระดาษอัดจากฟิมล์ทั้งนั้น ป่านนี้ก็คงไม่เหลือแล้วมั้งครับ ที่เหลืออยู่กับผมก็แค่ความทรงจำเท่านั้น เอาเป็นว่า เป็นเรือลำแรกที่ผมได้ไปดู และเรียนรู้งาน อย่าเรียกว่าไปคุมงานเลยครับ เพราะผมไปสั่งอะไรใครเขาไม่ได้ แต่บอกได้แค่ว่า อะไรตรงไหนไม่ตรงกับแบบที่อยู่ในมือได้เท่านั้นส่วนจะแก้ไขยังไงหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ หลายๆฝ่ายต้องมาประชุมกันเอาเอง ก็ประมาณนี้ครับ ขอนั่งระลึกถึงความหลังสักสอง สามวัน บางทีเผื่อหารูปเจอจะได้เอามาให้ดูกัน ว่าเรือลำที่ว่ามีหน้าตายังไง
ก็แจ้งให้ทราบเพียงเท่านี้ครับ ขอให้ทุกท่านนอนหลับสนิท ตื่นมาพบเจอแต่เรื่องดีๆ และได้พบเจอคนที่คุณรักและเขาก็รักคุณนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ
22:03 น.
................................................................................................................
7
กุมภาพันธ์
2566
สวัสดีครับทุกท่าน หายไปหลายวันเลย กะว่า
จะพักซักสามถึงสี่วัน เพลินไปหน่อยครับ ตามที่ได้บอกไปเมื่อหลายวัน
ก่อน วันนี้จะมาเล่าเรื่อง เรือลำแรกที่ผมได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ยังไม่เป็น
กระดาษ ไปจนถึงการปล่อยเรือลงน้ำ ถ้าจะเรียกตามประสาช่างทั่วๆไปก็
จะเรียกได้ว่าเรือลำนี้เป็น "เรือครู" ของผมเลยทีเดียวครับ
ขอพาย้อยกลับไปปลายปี พ.ศ. 2533 หรือเมื่อ สามสิบสามปีที่แล้วกัน
ครับผมได้เข้ามาทำงานที่บริษัทที่ปรึกษาแห่งนี้ช่วงปลายปี ในตอนนั้นก็
เริ่มได้ยินหลายๆคนในบริษัท เขาพูดกันถึงโครงการออกแบบเรือ บรรทุก
ซุง กันบ้างแล้ว แต่ด้วยเป็นเด็กใหม่ก็เลยไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เอาแต่
ฝึกฝีมือในการเขียนแบบ และอ่านแบบเก่าๆที่มีอยู่มากมาย เพื่อเรียนรู้
เกี่ยวเรือให้เร็วและมากที่สุด มาได้เห็นการออกแบบเรือจริงๆ ก็ช่วงประ
มาณเดือนที่สองของการทำงานของผม จำได้ลางๆว่่าวันนั้นผมอยู่จนค่ำ
เหมือนทุกวัน ก็เห็น นายทหารเรือท่านนหนึ่งเข้ามาที่บริษัทแล้วก็ขึ้นมาที่
ห้องเขียนแบบ กางกระดาษไขขนาด A1 ลงบนโต๊ะเขียนแบบ บนกระดาษ
ไขมีรูปเรือที่ถูกเขียนด้วยหมึกและดินสอปนๆกันอยู่ มารู้ทีหลังว่านั่นคือการ
ออกแบบ เรือที่เป็นแบบ GA หรือ GENERAL ARRANGEMENT แปลเป็น
ไทยก็ประมาณว่า เป็นแบบ รูปร่างทั่วไปของเรือ ครับก็แปลกันตรงๆอย่างนี้
แหละครับ ก็อย่างที่เคยกล่าวไว้ในบทความเรื่อง แบบเรือ (เมื่อหลายปีมา
แล้วไปอ่านได้ที่กล่องบทความเรื่อง "แบบเรือ" ครับ มีอยู่หลายตอนครับ)
ตอนหลังได้มารู้ว่านายทหารเรือท่านนั้น ได้ติดยศเป็นถึง พล.ร.อ.
และปัจจุบันท่านได้เกษีนณจากราชการไปนานแล้วครับ ช่วงนั้นของชีวิต
การทำงานของผมก็ได้พบเจอท่านและท่านก็ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการ
ออกแบบและเขียนแบบเรือให้กับผมแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นพระ
คุณอย่างยิ่งครับ และท่านนี่แหละครับที่ใช้ให้ผมเอาไม้ สเกลสามเหลี่ยม
มาวัดที่ แกนหางเสือ หรือเสากระโดงเรือ โดยแค่ท่านถามว่า "วิน เสากระ
โดงมันสูงเท่าไร?" แค่นี้เองจริงๆครับ ผมงี้มือไม้สั่นไปหมด เพราะตั้งแต่
มาทำงานได้ยังไม่ถึงสองเดือนเลย ไม่เคยจับไอ้ไม้สเกลสามเหลี่ยม มาวัด
ขนาดในแบบเรือสักที เพราะไม่รู้ว่า แบบในกระดาษมัน สเกลเท่าไร ไม่รู้
มันบอกอยู่ตรงไหน จะถามใครก็ไม่กล้าถาม พอโดนนายทหารเรือท่านนี้
ถามใเท่านั้นแหละครับ มือไม้สั่นไปหมด จับไม้สเกล หมุนไปหมุนมา หาว่า
ในแบบมันใช้สเกลเท่าไหร่ เหงื่อตกสิครับ วัดไม่ด้ วัดไม่เป็น จนเพื่อนอีก
คนที่อยู่ข้างๆเอาสเกลไปวัดแล้วก็บอกไป........คืองี้ครับ ไอ้ผมที่อยู่เจอนาย
ทหารเรือท่านนี้อะนะไม่ใช่หน้าที่หรอกครับแต่เป็นความอยากรู้อยากเห็น
แต่เพื่อนอีกคนที่ว่าเขาถูกเจ้านายสั่งให่อยู่ช่วยนายทหารเรือท่านนี้ ผมเป็น
แค่ตัวเสือกเท่านั้นเองครับ 555555555 โดนถามมาประโยคเดียว แทบมุด
แผ่นดินหนีกลับบ้านนะเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว เฮ้อ อดีตอันน่าอนาถ
แบบ GA ผมหาไม่เจอแล้วครับ แต่เอาของลำนี้มาให้ดูกัน ต่างกันที่
ความยาวเท่านั้นครับ อ้อลำนี้กินน้ำลึกมากกว่าครับ เท่าที่ทราบแบบลำนี้
มันก็พัฒนามาจากลำที่ผมเห็นบนโด๊ะเขียนแบบวันนั้นนั่นแหละครับ
แบบนี้คือ LINE PLAN ผมตัดตาราง TABLE OF OFFSETS ออก
ไป แต่รายละเอียดของเส้นต่างๆอยู่ครบนะครับ STATION SPACING กับ
WATER LINE SPACING ก็ตามภาพด้านล่างเลยครับ
นี่คือแบบ LINE PLAN เขียนโดยพี่ ขันติ ยอดฝีมือในยุคนั้นครับ
จะเห็นในช่องวัน เดือน ปี ที่แบบแผ่นนี้ได้เริ่มเขียนขึ้นมา ก็คือปี ค.ศ.1990
เดือน 9 วันที่ 27 นั่นเองครับ ส่วนลายเซ็นในช่องด้านซ้าย เป็นของผู้ออก
แบบและต่อลงมาก็เป็นของผู้ตรวจสอบครับ แบบทุกแผ่นที่ส่งกรมเจ้าท่า
อย่างน้อยต้องมี ลายเซ็นของ DESIGNED ไม่มีไม่ได้ครับ จนถึงปัจจุบัน
ก็ยังต้องมีอยู่ครับ ถ้าไม่มี แบบแผ่นนั้นก็ใช้ไม่ได้ เป็นได้แค่เศษกระดาษ
หรือภาพเอาไว้ติดข้างฝาเท่านั้นเองครับ
แบบเรือลำนี้ในหมู่พวกเราเรียกกันว่า "เรือบรรทุกซุง" ซึ่งก็แปล
กันตรงๆนั่นแหละครับ ช่วงนั้นผมเป็นผู้ดูอย่างเดียวเพราะเป็นน้องใหม่ ฝี
มือไม่ได้เรื่องครับ แต่ก็เริ่มรู้เรื่องรู้ราวมากขึ้นหลังจากอับอายขายขี้หน้าใน
ค่ำวันนั้น เร่งตัวเองเต็มที่ ทั้งหัดเขียนแบบด้วยปากกาล๊อตติ้ง ทั้งหัดอ่าน
แบบ วัดขนาดต่างของเรือในแบบด้วยไม้สเกล กลับถึงบ้านดึกเหมือนเดิม
ก็พอได้เรื่องขึ้นมาบ้าง เริ่มหยิบจับอะไรได้ถูกต้องมากขึ้น มือไม้เริ่มมั่นคง
กล้าตอบคำถาม กล้าตัดสินใจในการลงหมึกในกระดาษไข ฯลฯ มันก็ใช้
เวลาพอสมควร ผ่านไปหลายเดือน แบบเรือ บรรทุกซุง ก็เริ่มเขียนเสร็จ
หลายแบบแล้ว
แบบ CONSTRUCTION PROFILE แผ่นนี้เคยนำลงในบทความเรื่อง
"พี่ขันติ" ไปแล้วครับ ก็เป็นแบบหนึ่งในหลายๆแบบของเรือ บรรทุกซุง ลำนี้
ข้างบนนี้คือแบบ TRANSVERSE SECTION มีอยู่สองแผ่นครับ จะ
เห็นในไตเติลบ๊อก ช่องสี่เหลี่ยมขวาล่างสุดของแบบจะระบุุของการแก้ไข
แบบว่า แก้อะไร ใครเป็นคนแก้ก็ต้องเซ็นไว้ด้วยแล้วก็ลงวันเดือนปีที่แก้
ด้วยนะครับ จะได้หาตัวถูกเวลาแบบมีปัญหา ฮะฮ่า....
ข้างบนนี้คือแบบ DECK HOUSE CONSTRUCTION หรือแบบโครง
สร้างของเก๋งเรือ จะเห็นรายละเอียดใน ไตเติลบ๊อกแปลกๆอยู่ ใครสังเกตุ
ดีๆก็จะเห็นครับ
และยังมีแบบอีกหลายแผ่นมาก ที่แสดงถึงระบบท่อ ต่าง ๆไฟฟ้า น้ำ
น้ำมันเชื้อเพลิง เซฟตี้แปลน ฯลฯ เยอะมากครับ อยู่ที่ผมมีแต่ที่สแกนมา
ไม่กี่แผ่นเอง
ตามความต้องการของผู้ว่าจ้างออกแบบเรือลำนี้ เขาจะเอาไปบรรทุก
ไม้ซุงที่ตัดเป็นท่อนยาวหกเมตรบ้างสิบกว่าเมตรบ้าง พื้นที่ใช้งานก็แถว
ประเทศเพื่อนบ้านเรานี่แหละครับ และที่รูปร่างตัวเรือ ออกมาเป็นเหมือน
เรือท้องแบนก็เพราะบริเวณที่จะไปเทียบท่าฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีระดับ
น้ำที่ตื้นยิ่งตอนน้ำลงนี่กลายเป็นเลนเป็นโคลนไปหมด ดังนั้นการออกแบบ
ตัวเรือโดยเฉพาะท้องเรือ ต้องคิดถึงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพราะเรือลำนี้
เอาเฉพาะน้ำหนักเรือก็สามร้อยกว่าตันเข้าไปแล้ว ถ้าบรรทุกเต็มที่ก็เพิ่ม
มาอีกเจ็ดหรือแปดร้อยตัน ประมาณนั้น ดังนั้นถ้าเกิดเรือบรรทุกเต็มที่แล้ว
น้ำลงจนเรือนั่งเลนหรือโคลนแล้วนี่ เรื่องใหญ่มากแน่ๆครับ ถ้าไม่จำเป็น
จริงๆผู้ควบคุมเรือหรือกัปตันเรือเขาจะไม่ทำเด็ดขาด แต่ผูออกแบบต้อง
คิดเผื่อกรณีนี้ไว้ด้วยอยู่แล้ว ถึงจะบรรทุกเต็มที่ แต่ถ้านั่งเลนหรือโคลน
อย่างเดียว ไม่มีหินก้อนใหญ่ๆอยู่ใต้ท้องเรือก็ยังพอไหวครับ แต่ถ้าน้ำลง
แล้งเรือนั่งอยู่บนหิน ต่อให้เรือเบาก็รอดแน่ๆ
เมื่อแบบส่วนใหญ่เสร็จและยื่นกรมเจ้าท่าเพื่อขออณุญาติต่อสร้าง
และได้รับการอณุมัติแล้ว ก็เริ่มวางแผนในการต่อสร้างเรือในอู่ที่ได้ทำ
สัญญากันไว้แล้ว โดยเริ่มจากทำพิธีวางกระดูกงู ฯ
ตอนนี้เองครับที่ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมทั้งตัวเลย คือผมและรุ่นพี่(ใน
ที่ทำงาน) ได้รับมอบหมายให้ไป "ติดตามงาน" และทำรายงานทุกวันแต่
มาส่งทุกวันเสาร์ สมัยนั้นพวกผมทำงาน ห้าวันครึ่งคือ จันทร์ถึงศุกร์ ทำเต็ม
วัน วันเสาร์ทำครึ่งวัน ดังนั้น พวกผมสองคน เช้ามาก็ไปที่อู่เลยไม่ต้องเข้า
บริษัท
ผมก็เสียดายที่ไม่มีภาพตอนที่ต่อเรือลำนี้ เพราะตอนนั้นมืถือยังเป็น
แบบกล่องสี่เหลี่ยมใหญ่เหมือนกระติกน้ำ ถือไม่ได้ต้อง "หิ้ว" ไปครับ แต่ก็
ใช้กล้องถ่ายรูปที่ใช้ฟิมล์ม้วนนึงถ่ายได้ สามสิบหกภาพ วันหนึ่งจะถ่ายซัก
สามหรือสี่ภาพ อาศัยสเก็ตลงในสมุดจดเอาครับ เล่มนั้นก็ยังอยู่จนถึงวันนี้
แต่อยู่ในลังใบไหนก็ไม่รู้ครับ ย้ายบ้านทีหาไม่เจอเลย แล้วก็ยังไม่ได้รื้อดู
ด้วย
วิธต่อเรือใหม่ลำนี้เริ่มด้วยอู่ต่อเรือ ได้เตรียมพื้นที่ในการเรือตาม
สัญญา จะต้องต่อเรือพร้อมกันสองลำ พื้นที่ต่อเรือต้องมีความแข็งแรง
สำหรับรับน้ำหนักเรือสามร้อยกวง่าตันและน้ำหนักของเหล็กที่เอามาทำ
ฐานรองรับเรืออีกหลายสิบบตัน
ย้อนกลับไปดูแบบ CONSTRUCTION PROFILE ในนั้นจะมี
รายละเอียดของโครงสร้างเรือ ระยะของเฟรม หรือ กง เรือ ลักษณะของ
ท้องเรือก็ดูได้จากแบบ LINE PLAN และ TRANSVERSE SECTION
ช่างที่ทำหน้าที่วางฐานรองรับเรือหรือ SUPPORT จะนำเหล็กรูปพรรณ
ต่างๆมาทำเป็นเสา ซึ่งเสานี้จะอยู่บนคานซีเมนต์อีกที ซึ่งอู่ต่อเรือทุกอู่ก็จะ
มีพื้นที่ที่มีคานซีเมนต์อย่างนี้ทุกอู่ครับและใต้คานซีเมนต์เหล่านั้นก็จะมีเสา
เข็มคอนกรีตที่ตอกลงไปเป็นระยะค่อนข้างถี่เพื่อรองรับน้ำหนักทั้งหมดนั่น
เองครับ
ทั้งคานและเสาเข็มก็ประมาณข้างบนนี้ครับ และ SUPPORT ก็จะตั้ง
อยู่บนเหล็กฉากหรือไอบีมที่วางไปตามแนวคานทั้งแนวขวางและแนวยาว
คานอีกทีนึงโดยจะเชื่อมยึดกันด้วยเหล็กฉากหรือไอบีมที่ส่วนบนไว้รองรับ
แผ่นเหล็กท้องเรือต่อไปครับ
เมื่อวาง support เรียบร้อยช่างจะเอาแผ่น K คือแผ่นเหล็กท้องเรือที่
รองรับกระดูกงูหรือ KEEL ถ้าดูในแบบ Transverse Section ก็จะเห็นตัว
เลขบอกขนาดได้อย่างชัดเจน
ตัวเลข 12 ที่ชี้ใกล้เส้น C.L. นั่นแหละครับคือแผ่น K หนา 12 ม.ม.
กระดูกงูหรือ KEEL คือแผ่นเหล็กที่ตั้งอยู่ตรงกลางแผ่น K แนวเดียวกับ
เส้น C.L. และมีลูกศรชี้มีตัวเลข 8 และสัญลักษณ์ลูกน้ำอยู่ใต้ตัวเลข นั่นคือ
แผ่นกระดูกงู หรือ KEEL มีความหนา 8 ม.ม. ความสูงต้องไปดูในแบบ
Midship Section หรือเอาไม้สเกลมาวัดเอาในแบบเลยก็ได้ครับ
เมื่อวางแผ่น K เสร็จแล้ว(จะวางยาวขนาดไหนก็แล้วแต่อู่และผู้ว่า
จ้างจะตกลงกันครับ เพราะส่วนใหญ่เมื่อทำพิธีวางกระดูกงูแล้วก็จะเบิกเงิน
งวดกัได้เลยอีกหนึ้งงวดงาน ประมาณนั้่นครับ
กะจะจบในคืนเดียว เห็นจะไม่ไหวแล้วครับ นี่ก็ตีสองครึ่งแล้ว เริ่มตอน
สี่ทุ่มกว่าๆ เรื่องนี้ยาวครับอาจจะหลายวันหน่อย ไม่อยากจะเล่าแบบย่อๆ
เลยเสียดาย ไหนๆก็ทำแล้วเอาให้มันเต็มที่ไปเลย เก็บเอาไว้ก็ลืม ตายไป
ก็หายไปหมด
วันนี้ก็ต้องขอราตรีสวัสดิ์กับทุกท่าน ขอตัวไปนอนก่อนครับ พรุ่งนี้มาว่า
กันใหม่ครับ
8-2-2566 .2:35 น.
................................................................................................................
8
กุมภาพันธ์
2566
21:53 น. สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ต้องรีบนอน
เร็วครับ ผมลืมไปว่าพรุ่งนี้หมอนัด โทรมาบอกให้ไปเร็วๆ เพราะต้องเจาะ
เลือดด้วย ดังนั้นวันนี้ผมมาแปะภาพนี้ไว้ก่อนก็แล้วกัน เป็นลักษณะการตั้ง
support และวางกระดูกงู(KEEL) ลงบนแผ่น K ตอนค่ำๆจะมาว่ากันต่อ
ครับ
ข้างล่างนี้ก็มาจากแบบข้างบนครับ
อาจจะดูยากไปหน่อย สเก็ตคร่าวๆเท่านั้นครับ ของจริงมีเหล็ก
ค้ำไปมามากกว่านี้ แต่วิธีการก็ไม่ต่างกันเท่าไรครับ เรือที่ยาวและใหญ่มาก
เหล็กที่นำมาใช้ทำ support ก็จะมีขนาดใหญ่และหนาตามไปด้วยครับ
วันนี้ต้องขออภัยด้วยครับมาแปปเดียวก็ไปละ ก็ต้องขอตัวก่อนครับ
ราตรีสวัสดื์ครับทุกท่าน
22:02 น.
9
กุมภาพันธ์
2566
20:39 น. สวัสดีครับทุกท่าน เมื่อคืนนอนเร็วแต่
ดันมาตื่นตอนตีสอง นอนตาค้างจนตีสี่ครึ่งตื่นอีกทีตีห้าครึ่ง ไปหาหมอ
หกโมง ได้เจาะเลือดเจ็ดโมงครึ่ง ได้ตรวจเกือบสิบโมง มารอยาอีกกลับถึง
บ้านเกือบเที่ยง ดีที่วันนี้ไม่ร้อนเท่าไร ก็ได้นอนหลับๆตื่นไปหลายยกเหมือน
กัน พอชดเชยไปได้บ้าง แฮ่...แล้วจะเล่าทำไม......
จากเมื่อวานก่อนทำพิธีวางกระดูกงู ช่างหรือผู้รับเหมาก็จะจัดวาง
กระดูกงูตามภาพข้างบนของเมื่อวานนี้ หรือบางครั้งอาจจะตั้งแค่โครง
สร้างหัวเรือก็ได้เหมือนกันครับ
ในกรอบสีแดงข้างบนก็ใช้แค่นั้นครับ
ก็ประมาณภาพข้างบนครับ จะมีเหล็กมาค้ำยันอยู่เยอะพอควร เพื่อให้
ทั้งชุดนี้มันตั้งตรงอยู่ได้อย่างแข็งแรง สีน้ำเงินนั่นก็คือกระดูกงู(KEEL)ที่
ค่อยๆโค้วสูงขึ้นเป็นโครงสร้างหัวเรือ ส่วนแผ่นเหล็กสีแดงนั่นคือ BHD หรือ
ผนังกั้นห้องกันน้ำ ส่วนสีเหลืองก็เป็นโครงสร้างของผนัง ที่เป็นเหล็กตัว T
ขนาดตามแบบครับ สีเขียวก็เป็นเหล็กฉาก ขนาดตามแบบเหมือนกัน
ทีนี้เมื่อการทำพิธีวางกระดูกงูหรือไหว้หัวเรือเรียบร้อยแล้วทีนี้ ก็เริ่ม
การต่อสร้างเรืออย่างเต็มรูปแบบได้แล้วครับ ซึ่งในความเป็นจริง เรือที่ต่อ
ใหม่บางลำก็ได้สร้างและประกอบชิ้นส่วนต่างๆรอไว้แล้วมากมายตาม
สัญญาที่แต่ละคนจะทำกันว่า วิธีการต่อเรือจะเป็นแบบไหน ใครทำอะไร
ที่ไหน แล้วนำมาประกอบที่ไหน จนกระทั่งปล่อยเรือลงน้ำ ฯลฯ หรือสรุป
ง่ายๆก็คือ มันมีวิธต่อเรือที่หลากหลายวิธีมากครับ ฝรั่งเขาทำกันมานแล้ว
บ้านเราก็กำลังเดินตามมาห่างๆ แม้ว่าัจจุบันเครื่องมือที่ประสทธิภาพ
หลายๆอย่างะหาได้ง่ายมากขึ้นก็ตามแต่ก็ยังมีราคาที่แพงอยู่มากนั่นเอง
แต่ในอดีตที่ต่อเรือลำนี้แทบจะเรียกได้ว่า "ทำด้วยมือ"กันเลยทีเดียว
เพราะผู้รับเหมาและอู่พยายามลดต้นทุนโดยใช้แรงงานและฝีมือมาทด
แทนเครื่องมือหนัก ฯ นั่นเองครับ
อย่างที่บอกไปข้างต้น งานนี้มีเรือแบบนี้สองลำต่อพร้อมกัน ช่างและ
คนงานต่างๆก็มีสองชุดเหมือนกัน เพื่อให้งานเดินไปได้พร้อมกันและแข่ง
กันอย่างชัดเจน ลำไหนได้งานเยอะกว่าในแต่ละวันก็เฮกันไป
เรือชุดนี้ต่อที่อู่ต่อเรือแถวๆ ถนนท้ายบ้าน เกือบถึงหาดอัมรา ในยุคนั้น
แถวนั้นมีทั้งอู่ต่อเรือ โรงงานกระดาษ โรงงานปลาป่น ฯ....กลิ่นมันทรมาน
มากจริงๆครับ กลิ่นปลาเน่าดีๆนี่เอง มาตลอดทั้งปี กลับบ้านมันก็ติดเสื้อผ้า
กลับไปด้วย ก่อนขึ้นรถเมล์กลับบ้านต้องเดินปะทะลมให้กลิ่นมันจางซะ
ก่อนไม่งั้นโดนยันตกรถเมล์แน่ๆครับ ใครที่เคยอยู่ในช่วงเวลานั้นคงซึ้ง
ใจกับกลิ่นนี้เป็นอย่างดี ไม่ต้องไปถึงหาดอัมราหรอกครับ แค่รถเลี้ยวเข้า
ถนนท้ายบ้าน กลิ่นมันก็โชยมาแล้ว
เมื่องานเริ่ม พวกผมก็เริ่มไปที่อู่ด้วยเหมือนกัน ช่างก็ทำงานไปตาม
ตารางงานและแบบที่ระบุในสัญญา แรกๆก็ร้อนหน่อยเพราะไม่มีที่ร่มเลย
ยืนตากแดดแทบทั้งวัน โรงขยายแบบเขาก็ไม่ให้เข้า ห้องนั่งเคลียร์แบบก็
ไม่มี กางแบบกันกลางแดนั่นแหละครับ ในแต่ละวันก็จะมีหัวหน้าช่าง หรือ
คนคุมงานของผู้รับเหมาเดินถือแบบมาถาม โน่น นี่ นั่น อยู่เหมือนกัน แต่
ก็ไม่บ่อยเท่าไร รุ่นพี่ผมเขาเป็นคนอธิบาย ผมมีหน้าที่เขียนรายงาน
จำนวนคนงานในแต่ละวัน งานที่ได้แต่ละลำในวันนั้นๆ มีวัสดุอะไรที่ส่งเข้า
มาที่อู่เพื่อต่อเรือทั้งสองลำมั่งเช่น เหล็กแผ่น เหล็กฉาก ฯลฯ ถ่ายรูปและ
เก็บใบรับรองต่างๆมาตรวจสอบว่าตรงตามที่เจ้าของเรือหรืออู่สั่งไปหรือ
เปล่า ถ้าไม่ตรงนี่เรื่องใหญ่ครับ
วิธีต่อเรือชุดนี้ก็ใช้วิธีปรกติทั่วไปคือ เอาแบบเรือมาขยายแบบเป็น
สเกล 1:1 หรือเท่าขนาดจริงนั่นเอง และแบบที่เอามาขยายนั้นก็คือแบบ
LINE PLAN ครับ
แบบแผ่นนี้ครับ ถามว่า มันยาวตั้ง 45 เมตร กว้างสิบกว่าเมตร จะไป
เขียนหรือขยายเท่าของจริงที่ไหนกัน ไม่มีตึกไหน อาคารที่ไหนที่มีที่โล่ง
กว้างขนาดนั้น คนขยายแบบสมัยนั้นฝีมือไม่ธรรมดาครับ เขาเขียนหรือ
ขยายแบบ LINE PLAN ทีละช่วงและทำแค่ซีกเดียว เพราะเรือปรกติ ซ้าย-
ขวามันเท่ากันอยู่แล้ว แต่ก็ยังกว้างกว่าห้องปรกติ คือ สี่ หรือห้าเมตรอยู่ดี
วิธีที่เขาใช้ก็คือทับกันไปมานั่นเองครับ ถ้ากว้างกว่าห้องหรือพื้น ก็ตัดมา
ทีละส่วน ถึงตอนนี่ผมก็ยัง งงอยู่เหมือนกันว่าเขาอ่านแบบบนพื้นที่ขยาย
เป็น 1:1 ได้ยังไง
แบบ LINE PLAN ของเรือยาว 45 เมตร กว้าง 12 เมตร พอเอามา
ขยายแบบเท่าของจริง ก็จะเหลือเท่านี้แต่จะมีเส้นของ FRAME หรือกงเรือ
มากกว่านี้เยอะเลยครับ ตามจำนวนเฟรมหรือกงของเรือที่กำหนดไว้ใน
แบบ GA และ CONSTRUCTION PROFILE นั่นเองครับ เมื่อได้รูปร่างของ
แต่ละเฟรม รวมทั้งความโค้งทั้งหัวเรือและท้ายเรือแล้วก็ลอกแบบบนพื้น
ของโรงขยายแบบลงบนไม้อัด แล้วก็ตัดไม้อัดตามเส้นที่ลอกลงมา เอาไม้
อัดที่ตัดจนได้รูปร่างเหมือนเฟรมเรือไปทาบกับเหล็กแผ่นแล้วก็ลอกลาย
เส้นลงบนเหล็กแผ่น เสร็จแล้วก็็ใช้ ไฟ ตัดเหล็กแผ่นที่ลอกลายเส้นของ
เฟรมเรือจนเสร็จจึงเอาไปประกอบบน support ที่ทำไว้เป็นฐานรองรับ
เหล็กแผ่นเปลือกเรือและโครงสร้างของเรือต่อไป ทีนี้บางวันตัดเฟรม
พร้อมประกอบหลายเฟรมแล้วแต่ยังนำไปประกอบไม่ได้เพราะเหล็กแผ่น
ท้องเรือยังมาไม่ถึง ก็ต้องไปทำอย่างอื่นก่อนก็มีบ่อยๆ
ขั้นตอนที่ว่ามาข้างบนถ้าเปรียบเป็นเรือจำลองก็ประมาณภาพข้างล่าง
นี้ครับ
คือขยายแบบตามขนาดที่ต้องการ แล้วก็นำไปแปะบนกระดาษแข็ง
เหมือนกับที่ลอกจากพื้นโรงขยายแบบในขนาดเท่าของจริงลงบนไม้อัด
แล้วนำไปทาบกับเหล็กแผ่น แล้วก็ตัดเหล็กตามเส้นที่ทาบลงไปนั่นเอง
ก็ใช้วิธีเดียวกันแต่ขนาดมันต่างกันแค่นั้นเองครับ เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว
วันนี้ก็ต้องขอตัวไปนอนก่อนครับ ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน พรุ่งนี้มาว่ากัน
10-2-2566 0:10 น.
................................................................................................................
11
กุมภาพันธ์
2566
22:53 น. สวัสดีครับทุกท่าน หายไปวันนึง
นอนอย่างเดียวเลยครับ วันก่อนว่ากันถึงเรื่องการขยายแบบและตัดแบบ
ไม้อัดไปทาบกับเหล็กแผ่นแล้วก็ตัดอีกเหล็กอีกทีดูยุ่งยากหลายขั้นตอน
เหลือเกิน คนที่ทำได้ก็นับหัวได้เลยในบ้านเราตอนนั้น ค่าตัวคนขยายแบบ
แพงมากครับ ถ้ารับเป็นงานๆไปหรือเป็นเหมาเป็นลำ เรือยาว 45 เมตร นี่ก็
เป็นแสนนะครับ แต่ถ้าอู่ไหนอยากเก็บช่างขยายแบบไว้ก็จ้างประจำเป็น
เดือน เงินเดือนก็จะค่อนข้างสูงเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ๆๆๆๆๆ ปัจจุบันนี้
อาชีพช่างขยายแบบกำลังกลายเป็นตำนานไปแล้วครับ ช่างเก่งๆก็เลิก
ทำไปแล้วเพราะอายุมากหรือไม่ก็ถูกแทนที่ด้วย CNC และอีกอย่างก็คือ
หาคนมาสืบทอดยากมากๆนั่นเอง แต่ถ้าเอาจริงๆ พวกที่เรียน วิทยาลัยต่อ
เรือของจังหวัดต่างๆก็ทำได้อยู่เหมือนกัน เช่น ที่อยุธยา ,นครศรีธรรมราช ,
หนองคาย ฯ ก็มีความสามารถพอที่จะมาขยายแบบ จากแแบในกระดาษ
มาเป็นแบบในสเกล 1:1 เพื่อตัดแบบไม้อัดและเอาไปตัดแผ่นเหล็กอีกที
แต่ก็อย่างที่บอกไปครับ ว่า ปัจจุบันน้ ตามอู่ต่อเรือต่างๆ เริ่มลงทุนเรื่อง
CNC กันแล้ว ดังนั้นแทนที่จะมาขยายแบบในโรงขยายแบบใหญ่โต ก็มานั่ง
ขยายแบบในคอมพิวเตอร์ แล้วก็สั่งตัดเหล็กได้เลย ลดขั้นตอน ลอวัสดุ ลด
กำลังคนไปเยอะเลยทีเดียว แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ค่าตัวคนทำเรื่องนี้ก็สูงอีก
CNC ขนาดใหญ่ตัวนึงก็หลานเงินอยู่เหมือนกัน
นั่นคือเรื่องที่เล่ามาถึงเมื่อวันก่อน ถ้าจะเล่าย่อๆ จบเร็วๆมันก็ไม่มี
อะไรมาก วางแผ่น K และตั้งกระดูกงู(KEEL)ตามแบบยาวตลอดลำ แล้ว
ก็ปูแผ่นเหล็กหรือเอาแผ่นเหล็กท้องเรือมาวางตามยาวตลอดความยาว
ของเรือโดยเอามาวางไว้เฉยๆไม่ต้องเชื่อมติดกัน เสร็จแล้วเอาโครงสร้าง
ตามขวางหรือ กงเรือมาใส่ตามตำแหน่งตามแบบที่กำหนดและยึดหรือค้ำ
ให้ เฟรมมทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งและองศาที่ถูกต้อง ตามด้วยโครงสร้าง
ตามยาวของท้องเรือก็ต้องเอาใส่ต่อจากการใส่เฟรมเรือเสร็จแล้ว แค่เชื่อม
ยึดเป็นจุดไว้ ขั้นตอนทั้งหมดที่ว่ามาเป็นหน้าที่ของช่างประกอบนะครับ แต่
ช่างเชื่อมก็เริ่มงานได้แล้วเหมือนกันโดยจะไล่เชื่อมกระดูกงูก่อนเพื่อนเลย
รวมทั้งแผ่น K ก็ด้วย
หายไปเป็นชั่วโมงเลยขออภัยด้วยครับ นั่งคิดอยู่ว่าจะเอาไงดี ภาพ
ประกอบก็ไม่มี ตัวหนังสืออย่างเดียวช่วยได้ไม่มากแน่เลย ก็ไปทำ 3D มาดู
กันครับทำไปทำมาชักเยอะ ยิ่งดูยิ่ง งง 55555555 ทนดูเอาหน่อยละกัน
ไหนๆก็ทำมาแล้วครับ ก็พอจะเห็นภาพอยู่บ้าง ดูสลับกับแบบไปนะครับ
จะได้เข้าใจ หรือจะดูแบบผ่านก็ตามสดวกครับ เวปนี้ไม่เน้นวิชาการอยู่แล้ว
ทำเอาสนุกมากกว่า แต่ถ้าใครจะเอาเป็นสาระบ้างก็ยินดีด้วยครับ มะมาดู
กันว่า 3D ออกมาแล้วจะมั่วกว่าเดิมรึเปล่า ฮ่าๆๆๆๆๆ
มาแล้วครับมึนดีเหมือนกัน
หมายเลข 1 คือกระดูกงู (KEEL)
2 คือแผ่น K หรือแผ่นรองกระดูกงู
3 คือแผ่ท้องเรือที่ปูตามยาวของเรือและตามยาวของแผ่นเหล็ก
ด้วยครับ ลืมบอกไปอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับขนาดของเหล็ก แต่จริงๆแล้วก็ได้
เคยบอกไปแต่นานแล้ว แต่เอามาอธิบายกันใหม่ก็ได้ครับ
คืองี้ ขนาดเหล็กบ้านเรามันแปลกๆอยู่คือมีทั้งหน่วยที่เป็น ฟุต และ
เมตรรวมอยู่ในเหล็กชนิดเดียวกันเช่น
เหล็กแผ่นที่ใช้ต่อเรือลำนี้ ในหมายเลข 3 นั้นในตอนนั้นใช้เหล็ก
ขนาด กว้าง 5 ฟุต ยาว 20 ฟุต หนา 12 และ 9 มิลลิเมตร......
เหล็กฉาก 4 นิ้ว หนา 8 ม.ม. หรือที่ในแบบเขียนว่า A 100x100x8 mm. นั่น
แหละครับ เหล็กฉากนี่ยาง 6 เมตร แต่เหล็กแผ่นยาว 20 ฟุต หรือ 20x12
= 240 นิ้ว เอา 25.4 คูณเข้าไป เพราะ 1" = 25.4 mm. ก็จะได้ 6096 ม.ม.
หรือ 6.096 เมตร เลยหกเมตรมาตั้งเกือบสิบเซ็น เวลาออกแบบเรือเขาจะ
คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเพราะมันสำคัญตรงที่ ถ้ารอยต่อแผ่นเหล็ก หรือเหล็ก
โครงสร้างอะไรก็ตามมาตรงหรือใกล้กันมากกับตำาแหน่งของ เฟรม
หรือ โครงสร้างตามแนวยาว ไม่ว่าจะเป็นเหล็กฉาก หรือ ตัว T ที่วางตาม
แนวยาว จะมีปัญหาในการเชื่อมแผ่นเหล็กตัวเรือ และโครงสร้างเป็นอย่าง
มาก บางครั้งหาเหล็กขนาดในแบบไม่ได้ในตลาดบ้านเรา ก็ต้องสั่งจาก
เมืองนอกก็ต้องทำ และก็ต้องรอด้วย ไม่งั้นได้แก้แบบและรื้อกันแบบวาย
ป่วงแน่ๆครับ แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่เหมือนกัน ในกรณีที่แนวต่อแผ่นตามยาว
วิ่งตัดผ่านเฟรม หรือ กง ตรงนั้นถ้าเป็น เฟรม ธรรมดา เขาจะเว้าเฟรมตรง
นั้นนิดนึงประมาเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งนิ้วครึ่งหรือสองนิ้ว แล้วแต่แบบที่กำ
หนดมาให้ครับ
อย่างในแบบข้างบน เส้นผ่าศูนย์กลาง 25 นั่นคือหน้าตัดของเหล็ก
เส้นเพลาที่เป็้นรอยต่อของแผ่นเหล็กท้องเรือและแผ่นเหล็กข้างเรือ ก็จะ
เว้าเฟรมออกเป็นวงรัศมี 35 ม.ม. ประมาณนั้นครับ
หมายเลขสี่ใน 3D คือ เฟรม ในช่วงของระวางบรรทุก เปนเหมือน
BHD หรือผนังกันน้ำ
หมายเลข 5 คือ เฟรมในระหว่างมีระยะห่าง หรือ
FRAME SPACING = 1200 หรือ 1.2 เมตรนั่นเองครับ ระยะให้ดูในแบบ
CONSTRUCTION PROFILE 8iy[
หมายเลข 6 คือ ผนังกันน้ำ หรือ BHD ในระวางหัวเรือครับ
จะเห็นว่า แผ่นเหล็กหมายเลข 3 จะปูอยู่ใต้เฟรม ก็คือเอาไปวางไว้เฉยๆ
ตามยาวแผ่น 20 ฟุต โดยที่ยังไม่เชื่อมอะไรเลยแม้แต่น้อยครับ พอเฟรม
ต่างๆเข้าที่แลล้ว ก็จะดึงแผ่นเหล็กท้องเรือให้แนบสนิทกับเฟรม แล้วเชื่อม
ติดเป็นจุดๆเท่านั้นในขณะที่ใต้แผ่นเหล็กท้องเรือก็จะต้องหนุนให้แข็งแรง
ตามไปด้วยและต้องอยู่ในองศาของเฟรมนั้นๆอย่างแม่นยำด้วยนะครับ
ไม่งั้นเรือจะเบี้ยวไปเบี้ยวมา ฮากันไม่ออกทั้งอู่แน่ๆ
เออ ตีสามสี่สิบแล้วครับ ขอตัวไปนอนแล้วครับ
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
12-2-2566 03:41 น.
.................................................................................................................
12
กุมภาพันธ์
2566
23:453 น. สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้มาดึกหน่อย
เพราะ มัวแต่อ่านหนังสือเรื่อง javaScrip[t เพื่อจะมาใช้ปรับปรุงเวปไซด์
ของพี่ท่านหนึ่ง ก็ไม่รู้จะรอดไหม ก็ลองกันดูครับ
เมื่อคืนนอนซะเกือบตีสี่ ตื่นมาเลยออกจะมึนๆอยู่ กว่าจะแงะตัวเอง
ออกจากที่นอนได้ก็บ่ายแล้ว ร้อนก็ร้อน หมดหนาวแล้วสินะ กทม.........
ในระหว่างการต่อเรือสองลำนี้มันก็มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
ทั้งดีทั้งไม่ดี ทั้งหวาดเสียว ทั้งเกือบตาย เกิดขึ้น สลับกันไปในแต่ละวัน
การต่อเรือใหม่จะมีอันตรายน้อยกว่าซ่อมเรือเก่าค่อนข้างมาก เพราะไม่มี
น้ำมันหรือไอน้ำมันตกค้าง แต่จะประมาทไม่ได้เหมือนกัน จากลานโล่งๆ
ก็เริ่มทีเสาเหล็ก มาตั้ง มาต่อกันเป็นคานเป็นนั่งร้าน เป็นฐานรองรับแผ่น
เหล็กท้องเรือ จากที่แดดเปรี้ยงๆเมื่อแผ่นเหล็กท้องเรือมาส่ง และถูนำลง
จากรถบรรทุกด้วยแรงงานคนล้วนๆ แผ่น K หนา 12 ม.ม. กว้าง5' ยาว 20'
น้ำหนัก ก็เท่ากับ 12 x 6096 x 1524 x .000007785 = 875.15 kg. หนัก
เกือบแปดร้อยกิโล ใช้คนดึงลงจากรถบรรทุก แล้วก็ช่วยกัน "แบก" ไปไว้
บริเวณที่จะวางแผ่เหล็กท้องเรือ สภาพเหมือน ตะขาบตัวแบนๆใหญ่ๆ ไม่
มีหัวแต่มีขารอบตัว ค่อยๆๆเดิน กระดืบ กระดืบ แรกๆผมก็ยืนดูเฉยๆเพราะ
ไม่ใช่หน้าที่ผม แต่พอดูได้สักพักก็เอาวะ ขอลองแบกเหล็แผ่นดูมั่งมันจะ
หนักสักเท่าไหร่กัน ก็เอาเรื่องเหมือนกันครับ ใช้คนเกือบยี่สิบคนได้มั้ง
แบกรอบๆแผ่นเหล็กแล้วค่อยๆเดิน ไอ้ตอนแบกแล้วเดินนี่ไม่เท่าไหร่ แต่
ไอ้ตอนที่ช่วยกันยกจากพื้นขึ้นบ่านี่อย่างโหดเลยครับ ถ้ามีใครมือซ้นแล้ว
ปล่อยมือออกนี่ต้องหนีให้ทันทั้งหมด ไม่งั้นเหล็กทั้งแผ่นหนักแปดร้อยกว่า
โลจะหล่นลงมาบดทุกอย่างที่อยู่ใต้มัน ทันทีครับ แต่ตอนนั้นไม่มีใครพลาด
เลยไม่มีใครเจ็บตัว ถ้าย้อนกลับไปได้ผมไม่ทำเด็ดขาด
พอเหล็กท้องเรือถูกวางเข้าที่ก็เริ่มมีล่มเงาให้หลบแดดกันบ้างละครับ
แต่ก็ต้องระวังหัวให้ดี หมวกเซฟตี้พลาสติกสีขาวๆนี่ถอดไม่ได้เลย เมื่ออยู่
ในบริเวณที่ต่อเรือ อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้างครับ รองเท้าก็หัว
เหล็ก เดินเตะเดินเหยียบเหล็กแหลมๆคมๆได้สบาย แต่ช่างที่มารับเหมา
ส่วนใหญ่ ก็รองเท้าแตะ หมวกผ้า อยู่ดี เพราะเขาก็แค่เป็นลูกจ้างรนายวัน
เสื้อผ้าก็แล้วแต่ใครมีิะไรก็ใส่กันมา ส่วนใหญ่จะใส่เสื้อแขนยาว กันแดด แต่
ก็มีรูไหม้ๆ เป็นจุดๆทั่วไปหมด ทั้วเสื้อทั้งกางเกง สาเหตุก็มาจาก สะเก็ด
เชื่อมกระเด็นใส่ ซี่งพอผ่านไปสักเดือนกว่าๆ ชุดหมีที่ผมใส่ก็มีสภาพไม่
ต่างกับเสื้อผ้าของช่างสักเท่าไร มีรูเต็มไปหมด บางวันหลบไม่ทัน สะเก็ด
เชื่อมซึ่งเป็นลูกเหล็กหลอมเหลวร้อนออกสีแสดๆ กระเด็นมาใส่แล้วมันมี
บางลูก กระเด็นเข้าไปในช่องระหว่างกระดุมเสื้อ โห.......โดดเป็นลิงเลย
ครับถอดชุดหมีออกมาดู มีแผลพองเป็นจุดๆ แถมเสื้อยืดข้างในยังเป็นรู
ไหม้อีกหลายรูู หมดกัน
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าเดือนที่สี่ ที่ห้า โครงสร้างของเรือทั้งสองลำ
ก็สูงขึ้น ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น เวลาจะขึ้นไปบนเรือต้องทำบันใดพาดต่างหาก
ซึ่งบันใดที่ว่ามันไม่เหมือนบันใดบ้านหรือบันใดอลูมิเนียม ที่เดินขึ้นหรือจับ
ราวบันใดไต่ขึ้นไปอย่างง่ายๆนะครับ บันใดพวกนี้จะทำจากเศษเหล็กที่ ตก
อยู่แถวๆนั้นแหละครับมาเชื่อมต่อๆกัน เหมือนจะดีเพราะประหยัด แต่ เอา
จริงๆก็ประมาณว่า เพราะไม่อยากให้พวกผมหรือฝ่ายเจ้าของเรือหรือผู้ว่า
จ้างขึ้นเรือได้ง่ายๆนั่นเอง
พวกผมไปอยู่ที่อู่ต่อเรือนั้นในฐานะ มือที่สามนะครับ ผู้ว่าจ้างก็คือ
เจ้าของเรือและเจ้าของอู่ หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อมาติดตามงาน ว่าเป็น
ไปตามตารางงานที่ทำสัญญากันไว้หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของ
ผู้รับเหมาที่อยู่ในอู่นั้นสักเท่าไร ช่วงสองสามเดือนแรกนี่จัดว่าเป็นระยะ
อันตรายสำหรับพวกผมเลยก็ว่าได้ เพราะต่างคนต่างไม่รู้จักกันเลย บอก
อะไรไปก็เฉยมั่ง หรือโบ้ยให้ไปบอกคนโน้นมั่ง คนนี้มั่ง หรือบางทีเดินอยู่
ข้างเรือ ก็จะมีเศษเหล็ก(แบบชิ้นละสามโล สี่โล) หล่นลงมาต่อหน้าก็ยังเคย
มีมาแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ได้พูดคุยกัน ได้นั่งกินข้าวกัน บ่อยเข้า
ก็ปรับตัวกันได้ทั้งเขาและพวกผม เมื่อเขารู้ว่าพวกงานของพวกผมไม่ได้
มาจับผิดช่าง หรือผู้รับเหมา แต่มาแก้ปัญหา เวลา ช่างหรือผู้รับเหมาไม่
เข้าใจเรื่องแบบเรือที่เป็นกระดาษ เดินถือกันไปมาอยู่นี่แหละครับ หลังๆก็
เลยได้นับถือกันเป็นเพื่อนมั่ง อาจารย์มั่ง มั้งหลายท่าน แม้เวลาจะผ่านมา
เป็นสิบปีแต่พอไปพบเจอกันที่อื่น ถึงจำชื่อไม่ได้แต่พอเห็นหน้าก็ร้องอ๋อ
ยกมือไหว้สวัสดีกันไป เฮฮากันไปครับ เรียกได้ว่าไม่มีศัตรูในอู่ต่อเรือเลย
ก็ว่าได้ มีแต่เพื่อน และ อาจารย์ ทั้งนั้นครับ
ผมจำไม่ๆได้แล้วว่าเรือสองลำนี้ใช้เวลาต่อนานเท่าไร แต่นานกว่า
ปรกติเพราะ ช่วงหลัง มีปัญหาที่แก้ไขได้ช้ามากๆ เวลาก็เลยยืดออกไป
จนสุดท้ายก็เสร็จจนได้ แม้จะเสร็จแบบกระท่อนกระแท่นก็ตาม เสร็จใน
ที่นี้หมายความว่า ตัวเรือพ่นทราย พ่นสี ตจิดตั้งเคื่รองจักรใหญ่ และชุด
เพลาใบจักรสองชุด พร้อมที่จะลงน้ำ ที่เหลือ ก็เรื่องตกแต่งภายใน ระบบ
บังคับหางเสือ พูดง่ายๆคือเสร็จเฉพาะตัวเรือแลเก๋งเรือภายนอก เท่านั้น
นั่นเอง ที่เหลือไปทำในน้ำ
เมื่อกำหนดวันปล่อยเรือลงน้ำแล้ว อู่ก็เตรียมการโดยการเอา "สาลี"
ไม่ใช่ผลไม้นะครับ แต่เป็นแท่นที่มีล้อเหล็กวางอยู่บนรางรถไฟ
ก็ประมาณภาพข้างบนครับ ลืมบอกไปว่า ในพื้นที่ต่อเรือหรือซ่อมเรือ
เขาจะวางรางรถไฟไว้เป็นตารางตั้งแต่คานเรือที่จมอยู่ในน้ำ จนขึ้นมาอยู่
บนบก แล้วก็วางรางอีกหลายชุดตัดกับรางที่ขึ้นมาจากน้ำ โดยจุดที่ตัดกัน
ก็จะใช้เป็นจุดหมุนเปลี่ยนทางนั่นเองครับ บางอู่จะวางรางคู่ บางอู่จะวาง
รางมากกว่าสองเส้นขนานกันไปเพราะสามารถรองรับเรือที่กว้างกว่าและ
หนักกว่าได้นั่นเอง และระยะห่างระหว่างรางก็จะเท่ากับระยะห่างของล้อ
เหล็กที่ แท่นรองเรือตั้งอยู่นั่นเองครับ
A คือระยะระหว่างรางเท่ากัน บางอู่ก็จะมี เกินสองรางครับ ส่วนรูป
ขยาย 1 นั้นคือเมื่อสาลีที่บรรทุกเรือมาถึงจุดตัด ช่างจะใช้แม่แรงยกทั้ง
สาลี่และเรือขึ้นเพื่อเปลี่ยนทิศทางของล้อเหล็ก โดยหมุนยรางตัว B ไป
ตามลูกศร ทั้งแปดจุด และปรับล้อของสาลี่ด้วย แล้วจึงปล่อยสาลี่ลงมาบน
ราง แล้วจึงใช้กว้านดึง จะไปซ้ายหรือขวาก็แล้วแต่จะกำหนดเอาครับ
ลืมอีกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปหาหมอกายภาพหัวใจที่ผมลืมนัดเมื่อวันที่
หกมาเป็นวันที่ 13 นี้ นี่ก็ตีหนึ่งกว่าๆแล้วครับ เกือบจะจบแล้วครับ เตรียม
ปล่อยเรือลงน้ำแล้ว พรุ่งนี้มาต่อครับ วันนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน
13-2-2566 01:19 น.
.................................................................................................................
1
3
กุมภาพันธ์
2566
19:02 น. สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ไปหาหมอ
กายภาพหรือเรียกอีกอย่างว่า เวชศาสตร์หัวใจตามที่หมอนัด เสร็จแล้วก็
ถูกส่งต่อไปยังแผนกจิตเวชเพื่อแก้อาการนอนดึก นอนหลับยาก อะไรประ
มาณนั้นไม่น่าเชื่อว่า ผมไปที่แผนกจิตเวชตอนประมาณ 11.00 น. ยังมีคน
ไข้รอตรวจอยู่มาก และคิวของผมก็ได้ถูกนัดในอีกสองเดือนข้างหน้า เจ้า
หน้าที่บอกว่าคนไข้เยอะมากๆ แสดงว่ากทม มีคนไข้ที่ต้องไปหาหมอที่
แผนกนี้เป็นจำนวนมาก มีหลากหลายอาการ และผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ถ้าเป็นสมัยสักยี่สิบปีที่แล้ว ผมไปบอกใครๆว่าผมไปหาหมอแผนกจิตเวช
มาก็คงโดนเหมารวมว่า ผมต้องเป็นบ้าแน่ๆถึงต้องไปพบหมอ..........
เมื่อคืนมาถึงตอนที่เตรียมปล่อยเรือลงน้ำกันแล้ว ในเรือต่อใหม่ ที่
เตรียมปล่อยลงน้ำนั้นเขาจะไม่ใส่ของเหลวใดๆลงไปในเรือเลยแม้แต่น้อย
ถ้าติดตั้งเครื่องจักรเครื่องยนต์ต่างๆไปแล้ว ก็จะไม่ใส่น้ำมันเครื่องและ
น้ำมันเชื้อเพลิงลงไปเป็นอันขาด ผู้ออกแบบต้องคำนวนการทรงตัวของ
เรือได้อย่างแม่นยำมากที่สุด เพราะมันจะมีผลตอนที่เรือลงน้ำไปแล้ว ว่า
เรือสามารถลอยตั้งตรงหรือเอียงก็ไม่มากแทบจะมองไม่ออก เพราะถ้าคำ
นวนผิด เมื่อเรือถูกปล่อยลงน้ำแล้วเรือจะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง จนถึงกับ
ตะแคงลงไปจมอยู่ในน้ำ เหมือนที่เราเห็นในคลิปของต่างประเทศหรือของ
บ้านเราเองก็มีให้เห็นเหมือนกันเป็นข่าวใหญโตมาแล้ว และผมเองก็อยู่
ในเหตุการณ์นั้นด้วยเหมือนกัน เรียกว่านั่งดูอยู่ข้างเวทีเลยทีเดียว สาเหตุ
หลักที่ทำให้เกิดการล่มของเรือเมื่อปล่อยลงน้ำนั้นก็คืออาการที่เรียกว่า
ข้างบนพ้นพื้นดาดฟ้าหลักของเรือ(MAIN DECK)ขึ้นไปมีน้ำหนักมากกว่า
ตัวเรือ นั่นก็คือจุดศูนย์ถ่วงของเรืออยู่สูงจากท้องเรือ(BOTTOM)มากเกิน
ไปแต่ก็จะรู้ล่วงหน้าด้วยการคำนวนอย่างที่ว่ามา แต่ที่รู้ทั้งรู้ว่าเรือลำนั้นๆมี
อาการอย่างที่ว่ามาหรือเรียกอีกอย่างว่า TOP HEAVY แล้วทำไมยังปล่อย
เรือลงน้ำไปอีก ก็จะบอกว่ามันมีตัวแปรอยู่สองหรือสามอย่าง อย่างแรกเลย
ตอนที่เริ่มต่อเรือนั้น ทั้งเจ้าของเรือและอู่หรือผู้รับเหมา ไม่แจ้งรายละเอียด
เกี่ยวกับ "ของ" ที่นำขึ้นไปติดตั้งบนเรือ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ เป็นโด๊ะ เก้าอี้ หรือ
การปูพื้นด้วยกระเบื้อง ฯลฯ คนตามงานอย่างพวกผมก็ตามได้เท่าที่เขาให้
มา อะไรที่เขาไม่ให้ ก็ทำรายงานไปเท่านั้นเอง ที่นี้พอมันหลายอย่างเข้า
น้ำหนักของต่างๆ ชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมกันมากเข้าก็เป็นหลายตันหรือหลาย
สิบตันหรือ อาจจะถึงร้อยตันก็มีถ้าเป็นเรือใหญ่ โดยที่ผู้ออกแบบไม่รู้เลย ก็
มีมาแล้ว พอปล่อยเรือลงน้ำ ก็ทำให้เรือตะแคงหรือพลิกคว่ำได้ หรือไม่ก็
เรือกินน้ำลึกมากกว่าที่คำนวนไว้มาก ก็เป็นมาแล้ว เพราะไม่ยอมบอกข้อ
มูลจริงๆแก่ผู้ออกแบบเรือนั่นเอง แต่อีกกรณีหนึ่งก็คือ ผู้ออกแบบรู้ทุก
อย่าง คำนวนออกมาแล้ว ก็สรุปว่า TOP HEAVY แน่ๆ ต้องถ่วงเรือโดยใช้
อะไรได่้ที่มีน้ำหนีกมากๆมาใส่ไว้ที่ใต้ท้องเรือ เช่น ลูกปูนซีเมนต์ที่เขาทด
สอบความแข็งตาม โรงปูนซีเมนต์ทั่วๆไปก็ใช้ได้ หรือจะเป็นแท่งเหล็กก็
ได้ แต่ถ้าหาไม่ได้หรือเวลาไม่พอ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ "น้ำ" สูบลงไปไว้ที่
ใต้ท้องเรือตามน้ำหนักที่คำนวนไว้ แต่บางอู่ก็มีข้อจำกัดอีกเช่น น้ำหนักเรือ
ปัจจุบันก็เต็มที่แล้วสำหรับ สาลี่ และราง ที่จะรองรับได้ ถ้าเติมน้ำหนักลง
ไปอีก รางแตกแน่ๆ ซึ่งผมก็เคยเห็นมาแล้วอีกเช่นกัน รางรถไฟขนาดที่
เราๆเห็นกันนั่นแหละครับ แตกเหมือนหินโดนทุบเลย เศษเหล็กที่แตกออก
จากรางกระเด็นออกไปด้วยความเร็วสูงมาก โชคดีที่ไม่โดนใคร ไม่งั้นก็จะ
มีสภาพไม่ต่างกับการโดนสะเก็ดระเบิดแน่ๆ ทางแก้ก็คือ ค่อยปล่อยเรือลง
น้ำไปแบบที่มีกว้านคอยดีงไว้แล้วก็ค่อยๆผ่อน พอท้ายเรือลงนำไปแล้่ว แต่
ด้วนน้ำหนักของเรือเองทำให้มันยังนั่งอยู่บนสาลี แต่แรงที่กดลงบนสาลี่
และรางก็จะน้อยลงมาก เขาก็จะค่อยๆสูบน้ำใส่ลงไปใต้ท้อเรือในถังหรือ
ห้องที่กำหนดไว้ตามปริมาณที่คำนวนไว้ด้วย ซึ่งก็จัดว่าเป็นวิธีที่เสี่ยงมาก
เหมือนกัน เพราะปล่อยเรือลงน้ำมากเกินไป เกิดตัวเรือหลุดสาลี่ลอยขึ้นมา
เองก็ เรือหายแน่ๆครับ แต่กับเรือใหม่สองลำนี้ค่อนข้างปลดภัยในเรื่องที่
กล่าวมาข้างต้นพอสมควรครับ เพราะตัวเรือ(HULL)กว้างมาก ตั้ง 12 เมตร
และท้องเรือก็เกือบๆจะแบน เอียงเล็กน้อยเท่านั้น เรื่องลงน้ำแล้วจะพลิก
ตะแคงจมน้ำนี่เป็นไปไม่ได้เลย แต่.........
ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นผู้รับเหมากับเจ้าของอู่เขาคิดอะไรกันอยู่ เขาใช้
วิธีวางรางขึ้นมาใหม่ตรงที่เรือตั้งอยู่นั่นแหละครับ
รางคู่ขวามือสุดคือ Slipway หรือรางที่เป็นทางลาดลงไปในน้ำ ใช้
เป็นรางที่นำเรือขึ้นหรือลงจากน้ำในเวลาปรกติ แต่ในกรณีนี้ต้องนำเรือ
Ship1 ลงน้ำก่อน ดังนั้นจะเคลื่อน Ship1 มาด้านข้างก็ติด Ship2 จะเดิน
หน้าก็มีที่ไม่พอ ก็เลยใช้วิธวางรางใต้ท้องเรือ Ship1 ลงทะเลโดยตรง แต่
รางชุดนี้วางในแนวระนาบขนานไปกับพื้น ไม่ได้มีความลาดเอียงลงไปทาง
น้ำเลยแม้แต่น้อย เพราะความสูงไม่พอ ด้านหนึ่งก็เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาด
ใหญ่ อีกด้านนึงก็ยกไม่ได้เพราะจะไม่เหลือที่เพื่อใส่สาลี่รองรับเรือ ครั้นจะ
ยกหัวเรือขึ้นก็ไม่น่าจะปลอดภัย
ตามภาพข้างบนเลยครับ เมื่อตัวเรือและรางอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน
กับพื้นดินแล้ว ดังนั้นวิธีที่จะให้เรือและสาลี่ทั้งชุดเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่
ลูกศรสีแดงชี้ไปได้ก็คือ ต้องหาอะไรสักอย่างมาลากมันไป ถ้าเป็น
Slipway ปรกติ เขาจะฝังลูกรอกขนาดใหญ่ไว้ในน้ำ เพื่อที่จะเปลี่ยนทาง
ของเส้นสลิง ที่มาจากกว้านขนาดใหญ่ที่เอาไว้ดึง สาลีพร้อมกับเรือทั้งลำ
ค่อยๆขึ้นมาจากน้ำ แต่ในทางกลับกัน เวลาเอาเรือลงน้ำ ก็จะเอาสลิงจาก
กว้านมาร้อยที่ลูกรอกใต้น้ำตัวนี้เพื่อที่จะย้อนกลับไปดึงสาลี่ตัวที่อยู่ท้าย
เรือ เมื่อเปิดสวิทย์กว้านดึงสลิงเข้ามาก็เท่ากับว่า สลิงก็จะไปดึงสาลีและ
เรือทั้งลำถอยหลังลงน้ำไปด้วยนั่นเอง
แต่ในตอนนั้นการที่จะนำ Ship1 ลงน้ำได้ต้องใช้ "เรือ" ลากจูงอีกสอง
ลำมาลากที่ตัวเรือให้ลงน้ำไปพร้อมกับสาลี่รองเรือทั้งสองชุดนั่นเอง
จำได้ว่าวันนั้นน้ำขึนสูงสุดตอนกลางคืนน่าจะประมาณสามหรือสี่ทุ่ม
ครับ พวกผมก็มีหน้าที่ขึ้นไปตรวจ วาล์ว และประตูรวมถึงฝาปิดถังต่างๆ
ให้อยู่ในตำแหน่งปิดทั้งหมด บนเรือก็จะเหลือแต่ช่างที่คอยผูกเชือกเรือ
เพียงไม่กี่คนและแน่นอนว่าไม่มีพวกผมอยู่ด้วย
น้ำหนักเรือตอนนั้นน่าจะประมาณ สามร้อยตันนิดๆ รวมสาลี่ทั้งสองชุด
แล้ว ไม่น่าจะเกิน สามร้อยห้าสิบตันแน่ๆ เมื่อถึงเวลาน้ำขึ้นสูงสุดที่ได้มา
จากตารางน้ำของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือซึ่งเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้
มากที่สุดแม้ปัจจุบันก็ยังใช้ข้อมูลน้ำ ขึ้น-ลง หรือ ตารางน้ำ ของ
กรมอุทกศาสตร์ นี้กันทุกอง
ค์
กร สำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเรือและน้ำไม่
ว่าจะเป็นในแม่น้ำหรือในทะเลครอบคลุมทั่วประเทศไทยเท่านั้นครับ ยิ่งเรือ
บรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ยิ่งต้องใช้เพราะมันจะบอกวันเวลาที่น้ำขึ้นหรือลง
สูงสุดและต่ำสุดตลอดทั้งปีและทุกชั่วโมงในหนึ่งวัน เขาจะพิมพ์ขายเป็น
เล่มค่อนข้างหนาและใหญ่ ในนั้นจะมีข้อมูลของระดับน้ำในสถานที่ต่าง
ตามชายฝั่งทะเลของไทยที่สำคัญ เช่น ปากน้ำสมุทรปราการ ,สัตหีบ
ปากแม่น้ำ แม่กลอง ท่าจีน แหลมสมิหลา ภูเก็ต และปากแม่น้ำต่างๆอีก
หลายที่ และที่สำคัญก็คือ หนึ่งเล่มใช้ได้ในหนึ่งปีที่ระบุไว้เท่านั้น เมื่อผ่าน
ไปแล้วไม่สามารถนำมาใช้ในปีถัดไปได้ย่างเด็ดขาด ต้องหาเล่มในปี
ปัจจุบันมาใช้เท่านั้นครับ
เมื่อทุกอย่างพร้อมเรือลากทั้วสองลำก็ได้รับคำสั่งทางวิทยุให้เริ่มเร่ง
เครื่องใส่เกียร์เดินหน้าได้โดยค่อยๆเร่งเครื่องพร้อมๆกัน ทั้งสองลำมีขนาด
และเครื่องยนต์ที่เหมือนกันผมจำไม่ได้แล้วว่ากี่แรงม้าแต่ก็ใหญ่พอดูครับ
ทั้งสองลำใช้กำลังไปห้าสิบเปอร์เซ็นแล้วสาบี่ก็ยังไม่ขยับ ก็ต้องเร่งเครื่อง
ขึ้นไปอีก รอบเท่ากันก็สันนิฐานได้ว่ากำลังต้องเท่ากัน(มั้ง) ยิ่งดึกๆเสียง
เครื่องยนต์เรือลากทั้งสองลำยิ่งดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณนั้น แต่ดูเหมือน
Ship1 จะไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ทุกคนที่คอยลุ้นอยู่ที่หน้าหัวเรือเริ่มอึด
อัดหายใจไม่ทั่วท้องกันแล้วครับ ถ้าคืนนี้ลงน้ำไม่ได้นี่ งานงอกยาวแน่ๆ
ต้องมานั่งทะเลาะกันในห้องประชุมกันอีก ไม่ใช่แค่คุยกันเหมือนเดิมแล้ว
ครับ สำหรับผม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เห็นเรือที่ต่อเสร็จใหม่ๆลงน้ำกับ
ตาตัวเอง ในใจก็แอบคิดว่าจะรอดกันไหมฟะเนี่ย เครียดกันหมด ท่าม
กลางเสียงดังของเครื่องยนต์เรือลากทั้งสองลำ แต่ดูเหมือนว่าทำไมมัน
เงียบจังอะ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลยทุกคนมัวแต่จ้องอยู่ที่เรือลากทั้งสอง
ลำที่ส่ายไปมาเพราะพอมันลากอะไรที่อยู่กับที่หรือลากไม่ไป เรือมันก็จะ
ส่าย ซ้ายที่ขวาทีคนควบคุมเรือลากต้องมีความชำนาญมากๆ ถึงจะมาทำ
งานนี้ได้ครับ...........และแล้วก็มีเสียงดังเอี๊ยดดดดดดยาวๆขึ้นที่ใต้ท้องเรือ
บริเวณล้อเหล็กที่เอามาจากรถแมคโครมาทำเป็นล้อขอสาลี่ทั้งสองชุด
หน้าหลัง หลังจาก เสียงเอี๊ยดดดดยาวๆ ก็ตามมาด้วเสียงครืนๆๆๆๆๆๆ ใน
ขณะเดียวกันทั้งสาลี่และเรือทั้งลำก็เริ่มเคลื่อนที่จากดช้าๆ ก็ค่อยๆเร็วขึ้น
ความเร็วสุดท้ายก่อนที่สาลี่ท้ายเรือ(D) จะตกลงไปในน้ำก็เร็วพอสมควร
ครับแต่..........เมื่อสาลี่ตัวท้ายเรือตกน้ำไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ
เสียงดังป...ปึงๆๆ...และมีประกายไหแลบออกมาจากบริเวณกลางลำเรือ
จากเสียง ปึงๆๆๆกลายเป็นเสียงของหนักๆครูดไปกับแท่งคอนกรีต ครืดๆๆ
พอสาลี่ที่หัวเรือตกน้ำไปอีกตัวก็ได้ยินเสียง ครืดๆๆๆๆๆ พร้อมกับมีประ
กายไฟแลบออกมาจากหัวเรือเป็นทางยาง จากนั้นก็ ตูม.........เสียงของ
หนักๆขนาดใหญ่ตกลงไปในน้ำ เงียบกริบยกเว้นเสียงเครื่องยนต์เรือลาก
สองลำ สายตาของทุกคนมองไปที่เรือซึ่งเพิ่งจะ "กระโดด" ลงไปในทะเล
บริเวณฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย และภาวนาว่าให้มันลอยอยู่อย่างนั้น
อย่าเอียง ซ้าย-ขวา อย่าหัวจมท้ายโด่ง อย่าท้ายจมหัวเงย......เพราะจาก
ภาพที่เห็นและเสียงที่ได้ยิน มันไม่น่าจะรอดเลยสำหรับเรือลำนี้ มันเข้าข่าย
คำว่า "Ship หาย" มากที่สุดแล้วครับแต่เมื่อรอดูอยู่พักใหญ่ๆ เรือไม่มี
อาการที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ยังลอยเด่นตั้งตรง สง่างามท่าม
กลางแสงไฟที่สาดไปจากริมฝั่งและจากเรือลากทั้งสองลำ แล้วก็เริ่มได้ยิน
เสียงคนคุยกันดังขึ้นเรื่อยๆ คนนั้นคุยกับคนนี้ คนโน้นตะโกนถาม เริ่ม
เจี้ยวจ้าวกันละ สบายใจที่เรือไม่จม และดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลย....
และคืนนั้นก็จบลงตรงนั้นทุกคน รวมถึงตัวแทนของผู้ว่าจ้างที่มาดูด้วย
ก็แยกย้ายกันกลับ บ้านใครบ้านมัน ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของอู่ว่า
เขาจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งก็มีอยู่ในตารางการทำงานอยู่แล้ว พอ
เช้ามาอีกวันพวกผมได้มาที่อู่อีกครั้งและได้ลงไปดูความเสียหายภายใน
ของท้องเรือ ปรากฏว่าท้องเรือส่วนที่เป็นเหล็ก 9 ม.ม. ทะลุฉีกขาดเป็น
ช่องขนาดกคนตัวเล็กๆลอดออกไปได้ แค่จุดเดียวเท่านั้น ในบริเวณอื่น
ของท้องเรือปลอดภัยดี แต่ที่เรือไม่มีอาการเอียงอัไรเลยก็เพราะว่าพวก
ผมและช่างของอู่ได้ปิดฝาถังทุกถัง ที่เรียกว่า Manhole
ที่เห็นเป็นฝาเหมือนแค๊ปซูล ที่อยู่ในวงเส้นประนั่นแหละครับ เปิด-ปิด
ด้วยการขันน๊อตเบอร์ 16(มั้ง) ประมาณ สิบเจ็ดตัวถึงจะเปิดและปิดมันได้
อย่างปลอดภัยอากศและน้ำผ่านเข้าออกไม่ได้ครับ เมื่อทัองเรือทะลุฉีกขาด
น้ำจากใต้ท้องเรือจึงไม่สามารถเข้ามาในตัวเรือได้ ก็เหมือนกับเราเอาขัน
น้ำมาคว่ำลงบนน้ำนั่นแหละครับ เราต้องออกแรงกดเยอะมากเพื่อที่จะกด
ขันน้ำให้จมลงไปในน้ำในลักษณะที่คว่ำขันลงนั่นเองครับ เพราะมันมี
อากาศอยู่ในนั้นที่ไม่มีทางออกมันก็เลยเป็นเหมือนถังที่ยังลอยน้ำได้ไง
ครับ แต่ถ้าปิดฝาถังหรือเจ้า manhole ไม่สนิท ขันน๊อตไม่แน่น รับรองว่า
งานงอกแน่นอนครับ เพราะอากาศจะถูกน้ำใต้ท้องเรือดันออกมาทางฝา
ของ manhole และก็จะทำให้เรือค่อยๆเอียงไปทางห้องหรือถังที่ท้องเรือ
ทะลุฉีกขาดนั่นเอง แต่ถ้าบริเวณนั้นเป็นถังหรือห้องขนาดเล็ก ก็จะไม่มีผล
ต่อลักษณะการลอยตัวของเรือเท่าไร แต่ในความเป็นจริงมันมีผลไม่มาก
ก็น้อยแน่ๆครับ
พวกผมกับเรือทั้งสองลำนี้ยังต้องเจอหน้ากันไปอีกหลายปี ด้วยงาน
ต่างๆที่ตามมาหลังจากที่ทั้งสองลำเริ่มออกไปทำหน้าที่ของมันที่ถูกออก
แบบมาได้อย่างสมบูรณ์ Ship2 ลงน้ำง่ายกว่าเยอะครับ ตอนกลางวัน เลื่อน
เรือมาที่ Sliipway ดึงลงน้ำแบบสบายๆ ส่วน Ship1 ก็เอาขึ้นมาเปลี่ยนแผ่น
เหล็กท้องเรือบริเวณที่ฉีกขาดออกไป และตรวจดูร่องรอยความเสียหายที่
แผ่น K ตลอดความยาวเรือไม่มีความเสียหายอะไร มีแต่รอยครูดไปกับ
คอนกรีตเท่านั้น ทำแค่ขัดสนิมออกและทาสีทับใหม่ก็ปล่อยลงน้ำได้อย่าง
นุ่มนวล...........
การต่อเรือทั้งสองลำเรียกได้ว่าเสร็จอย่างทุลักทุเลพอสมควร เนื่อง
ปัญหาหลายๆอย่างที่แก้ไม่ได้แม้จะเจรจากันแล้วก็ตาม แต่มันก็เป็นประวัติ
ศาสตร์ไปแล้วครับ แต่ปัจจุบัน หนึ่งในสองลำนี้ ได้เปลี่ยนชื่อและยังคงทำ
หน้าที่ของมันอย่างเต็มความสามารถ ผมได้เจอลำนี้อีกครั้งเมื่อหลายปีมา
แล้ว เจ้าของเรือได้้เอาขึ้นมาซ่อมทำที่อู่ในมหาชัย ผ่านมาสามสิบปี โครง
สร้างส่วนใหญ่ยังดูดีอยู่มาก แต่เปลือกเรือคงเปลี่ยนไปเกือบหมดทั้งลำ
แล้วมั้งครับแต่เป็นการเปลี่ยนแบบทีละนิดทีละหน่อย ส่วนเรืออีกลำได้
เปลี่ยนชื่อและเจ้าของตั้งแต่หลังจากลงน้ำในคืนนั้นแล้วครับ และปัจจุบัน
"เธอ" ก็ได้ลงไปนอนสงบนิ่งอยู่ที่ก้นทะเลบริเวณที่ห่างจากท้ายเกาะกูด
จังหวัดตราดประมาณ 30 ไมล์ เธอได้พักผ่อนชั่วนิรันด์ ณ ที่ตรงนั้นในความ
ลึกที่ 50 กว่าเมตร มาถึงวันนี้ก็สามสิบปีพอดีครับ แต่โขคดีที่คนประจำเรือไม่
มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว เรื่องนี้ยาวครับ.....5555555555555
ข้างบนนี้ก็คือ "เธอ" ครับ ผมมีรูปเธออยู่แค่นี้เองครับ ถ้าซูมดีๆอาจ
จะเห็นชื่อเธอที่หัวเรือก็ได้ครับ
คืนนี้ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ อย่าไปจริงจังกับเรื่องนี้เลยครับ
เอามาเล่าสู่กันสนุกๆเท่านั้นเอง อนาคตผมไม่ทราบ แต่อดีตก็ยังพอจำได้
อยู่บ้าง ไว้จะหาเรื่องมาเล่าต่อก็แล้วกันครับ คืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน
ขอให้นอหลับสบาย ตื่นมาพบเจอเรื่องดีๆและคนดีๆที่รักเรานะครับ
23:17
Share
Share :
COPY
ARTICLE
เรือเล็ก 5 เมตร
7 เดือนที่ผ่านมา
17 มีนาคม 2568 1:52 น. สวัสดีครับทุกท่าน มีคลิปมาฝากครับ ราตรีสวัสดิครับทุกท่าน ขอให้สนุกในการต่อเรือและโมเดลกันมากๆครับ..................................................................................................... 26 มีนาคม 2568 4:23 น. สวัสด…
เรือ คายัค
7 เดือนที่ผ่านมา
15 มีนาคม 2568 0:23 น. สวัสดีครับทุกท่าน มีรูปมาอวดครับ หาเรื่องมาเล่าไม่ได้ก็ใช้รูปมาแก้ขัดไปก่อนละกันครับ ตัดแยกออกเป็นสี่ท่อนเพื่อสดวกในการขนย้ายครับ ลำนี้เป็นเรือ คายัค เอาหน้าตามาจาก Where House 3D ครับ หาใน google ได้ เขาให้มาเป็น 3D ในไฟล์ของ …
ทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา
7 เดือนที่ผ่านมา
1 มีนาคม 2568 0:23 น. สวัสดีครับทุกท่าน ผ่านไปเจ็ดวันทุกอย่างยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม แบบก็ยังอยู่ครบ ไม่มีใครติดต่อมารับไป ท่านใดมีประสงค์ก็ติดต่อมาได้ครับ สังคมของคนเล่นเรือในบ้านเรา เท่าที่ผมสังเกตุมาหลายปี ถ้าจะแบ่งประเภทของเรือจะมีหลากหลายมากจริงๆ…
วิธีแจกแบบเรือ ฟรี
7 เดือนที่ผ่านมา
20 กุมภาพันธ์ 2568 12:34 น. สวัสดีครับทุกท่าน หายไปสิบกว่าวัน เพราะมีงานด่วนงานเผาเข้ามา เสร็จแล้วก็ส่งไป ควันยังฟุ้งอยู่เลยครับ 555555555 ผมคิดออกละ ว่าจะแจกแบบยังไง คืองี้ ใครอยากได้ให้โทรเข้ามา หรือติดต่อ ไลน์มาก็ได้ แล้วนัดวันมารับไปเลยครับ สถานท…
หนึ่งในแบบเรือที่จะแจก
7 เดือนที่ผ่านมา
6 กุมภาพันธ์ 2568 3:11 น. สวัสดีครับทุกท่าน มาเร็วกว่าเมื่อวานหน่อยนึง วันนี้มีตัวอย่าฃแบบที่จะแจกมาลงให้ดูกันครับ เนื่องจากงปจำกัดทำได้แค่สองแผ่น เป็นการสแกนแบบ ขนาดกระดาษ a0 ได้มาสองแผ่นที่สำคัญครับ มาดูกัน แบบข้างบนนี้้เป็นแบบ GA ของเรือขนส่งพนักง…
อ่านทั้งหมด
>>
SEARCH
ค้นหา
ค้นหาโดยละเอียด
ดูทั้งหมด
CATEGORY
สินค้าทั้งหมด
[0]
สินค้ามาใหม่
[0]
สินค้าแนะนำ
[0]
หมวดหมู่ตัวอย่าง
[2]
NEW PRODUCTS
ดูสินค้ามาใหม่ทั้งหมด
MEMBER
คุณเป็นตัวแทนจำหน่าย
ระดับ{{userdata.dropship_level_name}}
ไปหน้าหลักตัวแทน
ระดับสมาชิกของคุณ ที่ร้านค้านี้
รายการสั่งซื้อของฉัน
ทั้งหมด {{(order_nums && order_nums.all)?'('+order_nums.all+')':''}}
รอการชำระเงิน {{(order_nums && order_nums.wait_payment)?'('+order_nums.wait_payment+')':''}}
รอตรวจสอบยอดเงิน {{(order_nums && order_nums.wait_payment_verify)?'('+order_nums.wait_payment_verify+')':''}}
รอจัดส่งสินค้า {{(order_nums && order_nums.wait_send)?'('+order_nums.wait_send+')':''}}
รอยืนยันได้รับสินค้า {{(order_nums && (order_nums.wait_receive || order_nums.wait_confirm))?'('+(order_nums.wait_receive+order_nums.wait_confirm)+')':''}}
รอตรวจสอบข้อร้องเรียน {{(order_nums && order_nums.dispute)?'('+order_nums.dispute+')':''}}
เรียบร้อยแล้ว {{(order_nums && order_nums.completed)?'('+order_nums.completed+')':''}}
ทั้งหมด {{(order_nums && order_nums.all)?'('+order_nums.all+')':''}}
รอการชำระเงิน {{(order_nums && order_nums.wait_payment)?'('+order_nums.wait_payment+')':''}}
รอตรวจสอบยอดเงิน{{(order_nums && order_nums.wait_payment_verify)?'('+order_nums.wait_payment_verify+')':''}}
รอจัดส่งสินค้า {{(order_nums && order_nums.wait_send)?'('+order_nums.wait_send+')':''}}
ส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว {{(order_nums && order_nums.sent)?'('+order_nums.sent+')':''}}
logout
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ยังไม่มีบัญชีเทพ
สร้างบัญชีใหม่
ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
STATISTICS
หน้าที่เข้าชม
94,957 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด
77,778 ครั้ง
เปิดร้าน
24 พ.ค. 2561
ร้านค้าอัพเดท
25 ต.ค. 2568
CONTACT US
0879262908
r_pinsuwan@hotmail.com
f35efg
TRACK&TRACE
ตรวจสอบพัสดุ
LINK
กรมเจ้าท่า
NAVIS
หน้าแรก
|
วิธีการสั่งซื้อสินค้า
|
แจ้งชำระเงิน
|
บทความ
|
เกี่ยวกับเรา
|
ติดต่อเรา
|
ตะกร้าสินค้า
|
Site Map
Copyright © 2025
vinmodel.lnwshop.com
All rights reserved.
ตะกร้า
(
0
)
▲
▼
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ยังไม่มีบัญชีเทพ
สร้างบัญชีใหม่
ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
VIN MODEL
จำหน่าย เรือโมเดล,สอน ออกแบบ เขียนแบบเรือโมเดล กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 0879262908
เบอร์โทร :
0879262908
อีเมล :
r_pinsuwan@hotmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
ค้นหาสินค้าในร้านนี้
ค้นหา
หรือค้นหาอย่างละเอียด
ค้นหาสินค้า
สินค้าที่ดูล่าสุด
{{pdata.name}}
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้
↑
TOP
เลื่อนขึ้นบนสุด
คุณมีสินค้า
0
ชิ้นในตะกร้า
สั่งซื้อทันที
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
ดูสินค้าในตะกร้า
เริ่มการสั่งซื้อ
➜
เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม
พูดคุย-สอบถาม
อีเมล r_pinsuwan@hotmail.com
โทร 0879262908
Add f35efg