หางเสือเรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Rudder stock

      24 มกราคม 2566 19.37 น. สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้มาแต่หัวค่ำ
ครับ ลุกจากที่นอนเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง ผลของการปรับยาของหมอ 
นั่งได้แปปเดียวตาก็พร่าไปหมดใส่แว่นก็เหมือนไม่ได้ใส ตามันคอยจะปิด
เหมือนง่วงแต่ไม่ง่วงครับ ก็ต้องทนนั่งเอานอนมาทั้งวันแล้ว สู้ๆครับ อาการ
ของผมยังดีกว่าอีกหลายๆท่านที่ป่วยด้วยโรคต่างๆมากนัก ผมยังลุกมา
เดินได้ เข้าห้องน้ำได้ กินอาหารได้  สมองยังดีอยู่ ดังนั้นจะมัวมานอน
อยู่เฉยๆได้ยังไง เสียชื่อทางร้านหมด.......
        งั้นวันนี้จะเอาเรื่องของหางเสือเรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Rudder stock 
และระบบบังคับหางเสือหรือ Steering gear มาเล่าสู่กันครับ


              แบบข้างบนแสดงตำแหน่งของหางเสือเรือ ลำนี้มีหางเสือสองชุด
ครับ บางลำก็มีชุดเดียว บางลำอาจจะมีมากกว่าสองก็ได้หรือเรือบางประ
เภทอาจจะไม่มีหางเสือเรือก็ได้เหมือนกันแล้วแต่การออกแบบครับ
       ความสำคัญของมันก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หางเสือเรือมีไว้บังคับ
ทิศทางของเรือเหมือนรถยนต์ที่ ล้อคู่หน้าหรือคู่หลัง หรือทั้งสอง ต้องหัน
เลี้ยวซ้าย-ขวาได้นั่นเอง และไม่ว่าเรือหรือรถยนต์ก็ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า
พวงมาลัย หรือ Steering Gear เอาไว้เป็นตังบังคับให้หางเสือชองเรือและ
ล้อของรถยนต์หันไปทั้งซ้ายและขวา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันการบังคับเลี้ยว
ของหางเสือเรือจะใช้ตั้งคันโยกที่ติดกับใบหางเสือโดยรงเช่นเรือใบ ขนาด
เล็ก แต่ถ้าใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะใช้ ลูกรอกเข้ามาช่วยผ่อนแรง ไม่งั้นโดน
คันหางเสือดีดตกน้ำตายแน่ๆ หรือในหนังที่เราเห็นเรือโจรสลัดที่ลูกพี่หัว
หน้าโจรคอยยืนสั่งลูกน้องอยู่ใกล้ๆพังงาเรือ หรือพวงมาลัยเรือขนาดใหญ่
นั่นก็ใช้ระบบลูกรอกทดแรงมาช่วยนั่นเอง เรือข้ามฟากเจ้าพระยาหลายๆ
ลำก็ใช้ระบบลูกรอกนี้อยู่เพีบงแต่เปลี่ยนจากเชือกเป็นลวดสลิงขนาดใหญ่
ขึ้น หรือบางลำก็ดัดแปลงเอาเฟืองท้ายรถยนต์มาใช้ก็มีครับ ส่วนเรือที่มี
ทุนมากหน่อยแขาก็จะใช้ระบบไฮดลอลิคมาบังคับหางเสือ เรือสปีดโบ๊ท
ที่ใช้เครื่อง Outboard ก็ใช้ระบบไฮดลอลิคเช่นกันแต่ก็จะแตกต่างกันอีก
ถ้าเป็นระบบไฮคลอลิคที่เป็นเมนวล หรือใช้พวงมาลัยมาเป็นปั้มไฮดลอลิค
หมุนขับหางเสือโดยตรงก็อาจจะใช้แรงมากหน่อยและรอบในการหมุนของ
พวงมาลัยเรือต่อการเลี้ยวของหางเสือก็จะมีอัตราที่แตกต่างกันมาก เช่น
หมุนพวงมาลัยไปสามรอบแล้วหางเสือเลี้ยวไปแค่หนึ่งหรือสององศาเท่า
นั้นเอง ยิ่งเรือมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีเครื่อง Outboard หลายเครื่องก็จะยิ่ง
ต้องใช้รอบในการหมุนของพวงมาลัยมากขึ้นไปอีก ทำให้ต้องใช้แรงมาก
ขึ้น หรือบางสถานการณ์อาจจะไม่ทันกับเหตุการณืในกรณีที่จะต้องหัก
หลบอะไรสักอย่าง ดังมันก็จะมีปั้มไฮดลอลิดแยกต่างหากอาจจะขับด้วย
มอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้แบเตอรี่ หรือขับด้วยเครื่องยนต์ก็ได้ทั้งนั้น เหมือน
พวงมาลัยเพาว์เวอร์ของรถยนต์นั่นเองครับ ไม่แตกต่างกันเลย
       ทีนี้ในเรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยเช่นในแบบที่เอามาให็ดูกัน เป็น
เรือ Yacht ขนาด ยาว 50 เมตร กว้าง 9 เมตร ลึกตัวเรือ 4.5 เมตร ครับ
ก็จะมีขุดหางเสืออยู่สองชุดซ้าย ขวา ส่วนการบังคับหรือพังงาเรือก็จะมี
สองชุดเหมือนกันคือขุดหนึ่งอยู่บนสะพานเดินเรือหรือห้องบังคับเรือใน
แบบจะเขียนว่า WHEEL HOUSE อีกชุดหนึ่งยู่ในห้องหางเสือหรือที่เขียน
ในแบบว่า Steering Gear Room นั่นเองครับ ในเรือลำนี้จะอยู่ทางด้าน
ซ้าย ชุดหางเสือทั้งสองชุดจะทำงานด้วยระบบไฮดลิลิ โดยมีปั้มไฮดลอลิค
แยกต่างหากทั้งสองชุดขับปั้มด้วยเมอเตอร์ไฟฟ้า พังงาที่อยู่ในห้องนี้เป็น
ชุดควบคุมสำรอง เวลาที่ปั้มไฮดลิลิคมีปัญหาหรือ ระบบที่ต่อไปที่วาล์วบน
สะพานเดินเรือมีปัญหา เขาก็จะมาควบคุมหางเสือกันในห้องนี้แหละครับ
ใช้มือหมุนซ้ายขวาเอาเหนื่อยหน่อยแต่ดีกว่าควบคุมทิศทางเรือไม่ได้เลย
เรือใหญ่ๆเขาก็มีระบบพวกนี้สองชุดเหมือนกันครับ

        ข้างบนนี้คือหน้าตาของหางเสือแสดงรายละเอียดต่างๆชัดเจน ไอ้ตัว
ที่เขียนว่า Rudder Stock นั่นก็คือก้านบังคับหางเสือที่ต่ออยู่กับกระบอก
ไฮดลอลิคนั่นเองครับ ในเรือใหญ่ก็จะมีส่วนประกอปประมาณนี้เหมือนกัน
จะต่างกันที่ขนาดเท่านั้นครับ ตำแหน่งของแกนหางเสือส่วนใหญ่จุดศูนย์
กลางจะอยู่ตรงกับตำแหน่งของเฟรมพอดี และเฉพาะชุดของ "ใบหางเสือ"
ก็จะสามารถถอดออกจากเพลาหางเสือได้เพื่อสะดวกกับการซ่อมบำรุง ทั้ง
สองส่วนจะยึดกันด้วย น๊อตขนาดใหญ่แล้วโบกปูนซีเมนต์ทับอีกที ไม่น่า
เชื่อว่า ปูนซีเมนต์ที่โบกทับไปบนน๊อตพวกนี้จะอยู่ได้เป็นหลายปี และมันก็
อยู่ได้จริงๆครับๆ ลำไหนลำนั้นที่ขึ้นอู่ลอยมา ต้องมากระเทาะปูนที่อยู่ตรงนี้
ออกทุกลำเพื่อโบกทับเข้าไปใหม่ หรือเพื่อถอดเพลาใบจักรไปซ่อมทำต่อ
ไป 
        ทีนี้มาว่ากันถึงสายไฮดลอลิคในระบบกัน บางลำก็เป็นท่อยางแรงดัน
สูฃงเหมือนที่เราเห็นในรถตักดินนั่นแหละรับ แต่บางลำก็เป็นท่อเหล็กล้วนๆ
ก็มีแล้วแต่คนออกแบบระบบครับ
      และอุปกรณ์อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ Ruddel Indicator หรือตัวบอก
มุมหางเสือนั่นเอง ในเรือที่มีหางเสืออยู่ใต้น้ำ เวลาเที่ยบท่าหรือทิ้งสมออยู่
กลางน้ำเราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตอนนั้นหางเสือเรืออยู่ในตำแหน่งไหน
ดังนั้นเขาจึงสร้างเจ้าตัว Rudder Indicator ขึ้นมาเพื่อบอกเราว่าตอนนี้
หางเสือเรืออยู่ที่องศาที่เื่าไร จึงทำให้ก่อนเร่งเครื่องออกเรือเราก็จะต้อง
หมุนพังงาให้หางเสือมันมาอยู่ที่ ศูนย์องศาซะก่อน จากนั้นจะหันซ้ายหัน
ขวาออกไปอย่างไรก็ตามสดวกครับ หน้าตาก็จะประมาณข้างล่างนี้ครับ

      ไอ้เจ้าตัวกระบอกสีขาวที่มีก้านเหล็กอยู่ข้างบนปรับสั้นยาวได้นั้นคือตัว
เซ็นเซอร์มันจะไปชนหรือติดกับก้านของหางเสือเรือหรือ Rudder Stock
เวลาหางเสือเปลี่ยนมุม ไอ้ก้านเหล็กตัวนี้ก็จะหมุนตามซึ่งแกนกลางของ
กระป๋องสีขาวตัวนี้ก็จะเหมือนกับที่ปรับเสียงดังค่อยใน เครื่องขยายเสียง
นั่นแหละครับแต่สญญาณที่ได้มันจะส่งไปที่ เกจวัดกลมๆสีดำๆ มีมาตรวัด
เขียวแดงนั่นเอง สีแดงก็คือ Port หรือกาบซ้าย สีเขียว Starboard หรือ
กาบขวา ในภาพข้างบน เขาให้มา 0-40 องศาครับ เรือทุกลำควรจะมี แต่
เรือด่วนและเรือข้ามฟากบ้านเรามีหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
       ส่วนการคำนวนขนาดของหางเสือเรือ อันนี้ผมขอผ่านนะครับ เจ้านาย
เขาก็ให้วิธีไว้เหมือนกันครับ เป็นการคำนวนหาขนาดใบหางเสือและเพลา
ของเรือลำนึง แต่ที่ไม่นำมาลงก็เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องของวิชาการมาก
ไป ดูไปก็ปวดหัวเปล่าๆ หรือใครสนใจก็บอกมาได้นะครับ จะได้นำมาลงให้
ดูให้ศึกษากัน
       แล้วเรือประเภทไหนที่ไม่ต้องมีหางเสือ ก็ตอบว่า เรือสปืดโบ๊ทและเรือ
หางยาวบ้านเรานั่นแหละครับที่ไม่มีหางเสือเพราะใช้เครื่องยนต์และใบจักร
ที่หันซ้าย ขวาได้ และในเรือที่มีขนาดใหญ่และกว้างหน่อยที่มีในจักรเรือ
สองขุด ก็สามารถใช้กำลังเครื่องทั้งสองเปลี่ยนทิศทางของเรือได้เหมือน
กันคือเครื่องหนึ่งเบาลงเรือก็จะค่อยๆหันหัวไปทางนั้น หรือเมื่อเรืออยู่กับที่
จะกลับลำก็เดินเครื่องข้างหนึ่งไปข้างหน้าและเครื่องอีกข้างหนึ่งก็เดินถอย
หลังเรือก็จะหมุนอยู่กับที่นั่นเอง เหมือกับเรือบังคับที่เขาไม่ใส่หางเสือเรือ
มาให้ไงครับ ใช้วิธีเบาหรือเร่งเครื่องข้างใดข้างหนึ่งเวลาจะเลี้ยวหรือ
เปลี่ยนทิศทางของเรือ และเรืออีกประเภทหนึ่งที่มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนแต่
ไม่มีใบจักรและไม่มีหางเสือนั่นก็คือเรือที่ใช้ Paddle Wheel หรือใช้กังหัน
วิดน้ำเป็นตัวขับเคลื่อน ในบ้านเราตอนนี้ที่เห็นๆก็มีเรือเก็บวัชพืชของ กทม.
ลำสีเหลืองๆที่จอดเที่ยบท่าอยู่ที่เชิงสะพานพุทธนั่นไงครับ เรือแบบนี้ส่วน
ใหญ่จะใช้เครื่องยนต์ไปขับปั้มไฮดลิลิคสองชุด เพื่อไปหมุนแกนของกังหัน
วิดน้ำตัวละข้างเวลาจะเปลี่ยนทิศทางเรือก็ใช้วิธีเปิด ปิด วาล์วไฮคลอิคแต่
ละข้างเพื่อให้รอบการหมุนต่างกันเรือก็จะเปลี่ยนทิศทางไปเอง ประทาณ
นั้นครับ 

               ข้างบนเป็นแบบช่วงท้ายเรือแบบที่ใช้ Paddle Wheel เป็นตัว
ขับเคลื่อนแทนใบจักรครับ
         คลิปที่เราเคยเห็นว่า เอะทำไมเรือมันไม่หันหัวเรือหนีสิ่งกีดขวางหรือ
เรืออีกลำที่กำลังจะตัดหน้า ทำไมมันแล่นตรงดิ่งเข้าใส่ท่าเรือ ฯลฯ สาเหตุ
ส่วนหนึ่งก็มาจากระบบบังคับหางเสือมันมีปัญหานั่นเอง เรือยิ่งมีขนาดใหญ่
ยิ่งเลี้ยวยากครับด้วยน้ำหนักของตัวมันเอง ไม่เหมือนรถยนต์ที่หักพวง
มาลัยปุ๊ปรถก็เลี้ยปั๊ปทันทีทันใดแต่เรือไม่ใช่ครับ หันพังงาไปแล้วบางลำ
นับนึ่งถึงยี่สิบเรือมันยังไม่หันหัวตามเลยก็มี เวลานั่งเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้า
พระยาก็จะมีเหตุการให้หัวเสียบ่อยๆว่า ทำไมเรือข้ามฟากถึงไม่ไปซะที
ลอยลำรอให้เรือพ่วงมั่ง เรือด่วนมั่ง เรือบรรทุกน้ำมันมั่งผ่านไปก่อนทุกที
ก็ด้วยเหตุผลเดียวนั่นแหละครับ กันการเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เรือใหญ่
เขาอาจจะเห็นหรือไม่เห็นเรือที่เล็กกว่าได้ แต่เรือที่เล็กกว่าต้องเห็นเรือที่
ใหญ่กว่าแน่ๆ เคยมีอุบัติเหตุทางเรือเกิดขึ้นกับคนที่ผมรู้จักจนทำให้เกิด
การสูญเสียเกิดขึ้นก็เพราะไม่เห็นเรือที่ใหญ่กว่านี่แหละครับ เป็นเหตุการณ์
ที่เรือสปีดโบ๊ทแล่นขึ้นไปทางนนทบุรี ในเรือก็มีอยู่หลายคน แต่ตอนนั้น
เห็นบอกว่าใกล้ค่ำกันแล้ว ก็ไปสวนกับเรือบรรทุกน้ำมันที่ล่องลงมาจะเข้า
กทม จะเห็นหรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบได้ เรือสปีดโบ๊ทถูกเรือบรรทุกน้ำมัน
ชน หรือทับก็ไม่ทราบ ทำให้เกิดการสูญเสียขึ้น 
    การที่เราลงไปอยู่ในเรือไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ จะมัวแต่เพลินกับทิวทัศน์
สองข้างทางไม่ได้นะครับ หรือเวลานั่งเรือด่วนก็เถอะ เลิกงานมาเหนื่อยๆ
พอนั่งเรือได้ก็หลับเลย นั่นไม่ดีเลยครับ ขึ้นเรือไปแล้วต้องดูให้ชัดว่า อะไร
อยู่ตรงไหน ตรงไหนทางออก ตรงไหนมีโฟมชูชีพ ตรงไหนมีห่วงยาง ดู
บ่อยๆครับ ขึ้นเรือบ่อยๆก็ต้องจำให้ได้ แม้แต่เรือข้ามฟากเองก็ตาม ถ้าต้อง
ขึ้นทุกวัน ก็ต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนดูให้ชินตาจนจำได้นั่นแหละครับ
เวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาบนเรือมันจะไม่มีใครมีเวลามาช่วยกันแน่ๆ
ครับเพราะทุกคนต่างก็ต้องเอาตัวรอดท้้งนั้น บางครั้งก็เหมือนรถยนต์ครับ
คือเราก็ขับมาของเราดีๆ อยู่ๆก็มีรถอะไรไม่รู้มาจากไหน ใส่โครมเข้าให้ 
แต่ในเรือถ้าเราไม่ประมาท เราก็จะมีเวลาหนีพอครับ ไม่ว่าอะไรจะมาชน
นอกจากซวยจริงๆมันชนตรงที่เรานั่งโดยที่เราไม่เห็นก็แล้วแต่ดวงครับ
ระวังกันถึงที่สุดแล้ว
         วันนี้ก็มีเท่านี้ครับขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงรับ ราตรีสวัสดิ์ครับ
22:27 น.