ความปลอดถัยก่อนการซ่อมทำเรือ

  17 มกราคม 2566  สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ใครรวยก็ขอแสดงความ
ยินดีด้วยครับ
       ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือ
บรรทุกน้ำมันระเบิดขณะจอดเทียบท่าเพื่อซ่อมทำปรับปรุงต่างๆที่จังหวัด
สมุทรสงครามด้วยครับ เรียกได้ว่าเป็นคนในแวดวงอาชีพเดียวกันก็ได้ 
เพราะงานของผมก็เกี่ยวข้องกับช่างต่างๆที่ลงมาทำงานในเรือและในอู่เรือ
แทบทั้งสิ้น
        อย่างที่ผมเคยเล่ามาแล้วว่า ผมเริ่มงานเกี่ยวกับเรือโดยเริ่มจากการ
เป็น "คนลอกแบบเรือ" ต่อมาก็กลายเป็น "คนเขียนแบบเรือ" และต่อก็
กลายเป็น "คนออกแบบเรือบางส่วน"....ใช่ครับแค่บางส่วนเท่านั้นและไม่
เกี่ยวกับรายการคำนวนใดๆทั้งสิ้นด้วยครับ ซึ่งระยะเวลาจากการเป็นคน
ลอกแบบเรือจนมาเป็นคนออกแบบเรือบ่างส่วนนั้น ผมใช้ชีวิตในการทำ

งานคลุกคลีอยู่กับเหล่าสารพัดช่างทั้งหลายที่ต้องลงไปทำงานในเรือ
และช่างอีกพวกหนึ่งที่ทำงานอยู่บนฝั่งที่ต้องประกอปชิ้นงานต่างๆ แล้วจึง
นำลงไปติดตั้งในเรือ ทั้งผมและช่างต่างๆก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันค่อน
ฃ้างใกล้ชิดพอสมควร บางเรื่องพวกช่างทั้งหลายก็กลายเป็นอาจารย์ของ
ผมก็มีอยู่หลายท่านเหมือนกัน เห็นแต่งตัวมอมแมมซกมก เดินอยู่ในอู่ดูๆ
แล้วเหมือนพวกเก็บเศษเหล็กขายอย่างนั้นก็เถอะครับ ที่ไหนได้ฝีมือทาง
ช่างนี่หาตัวจับยากเลยทีเดียว บางคนก็เป็นช่างเชื่อมที่มีทั้งประสบการณ์
และใบรับรองจากสถาบันต่างๆของโลกก็มี แต่เบื่อการเดินทางแล้ว ก็มา
ปักหลักอยู่ในอู่บ้ารเรามีเยอะแยะมากมายเลยครับ ช่างประกอปและลูกมือ
ถึงแม้ไม่มีใบรับรองจากสถาบันไหนก็เถอะ แต่งานที่ได้ออกมานี่ช่างเชื่อม
หายเหนื่อยเลยครับ ก็แบบว่าช่างประกอปก็จะเอา ชิ้นส่วนเรือที่เป็นแผ่น
เหล็กก็ดี เป็นเหล็กรูปพรรณก็ดีเช่น เหล็กแผ่นที่ตัดตามแบบ หรือเหล็ก
ฉากที่ตัดและดัดโดยช่างอีกชุดหนึ่ง นำมาประกอปกันเป็นโครงร้างตัวเรือ
หรือเป็นแผ่นเปลือกเรือ หรือ ฯลฯ อะไรก็ตามที่จะมีอยู่ในเรือลำนั้น ไม่ว่า
จะเป็นท่อต่างๆ ผนัง หน้าต่าง ประตู บันใดราวกันตก เสากระโดง ฯลฯ ด้วย
การเชื่อมเหล็กยึดเป็นจุดๆ พอให้มันอยู่ในตำแหน่งตามแบบ และไม่หลุด
แยกจากกัน อีกทั้งจุดที่เชื่อมยึดไว้ต้องแข็งแรงพอที่จะพยุงชิ้นงานให้อยู่
ในลักษณะดังกล่าวโดยไม่หลุดร่วง หล่นลงมาใส่หัวคนอื่นๆเขา เมื่อประ
กอปเสร็จแล้วก็ต้องมีการตรวจหรือประกอปไปตรวจไปก็ได้ ให้วัสดุที่ใช้
และขนาดรูปร่างหน้าตาถูกต้องตามแบบที่กำหนดไว้ ถ้าไม่ตรงตามแบบ
ก็ "รื้อ" ทำใหม่ครับ เมื่อการประกอปเสร็จแล้วก็เป็นหน้าที่ของ "ช่างเชื่อม"
ที่ต้องเชื่อมเหล็กชิ้นงานทั้งหลายให้ติดแน่นกัน ซึ่งการเชื่อมก็จะมี แบบ
กำหนดหรือที่เรียกกันว่า WELDING SCHEDULE ซึ่งจะกำหนดมาให้โดย
ผู้ออกแบบเรือว่า ชิ้นงานเหล็กที่จะต้องเชื่อมติดกัน จะต้องเชื่อมยังไง 
เช่น แนวแผ่นเหล็กท้องเรือที่ความหนาเท่ากันต้องเชื่อมเต็มทั้งสองด้าน
ทั้งค้านบนและด้านล่าง หรือเหล็กโครงสร้างเช่นเหล็กฉากตามแนวยาวที่
วางอยู่บนแผ่นเหล็กเปล์อกเรืออีกที จะต้องเชื่อมยังไง จะเชื่อมเต็มตลอด
ทั้งเส้นเหล็กฉากเลยหรือไม่ ก็จะกำหนดไว้ให้ทั้งหมดครับ

             ก็จะประมาณภาพข้างบนนี้แหละครับ ส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆกัน แต่
ถ้าความหนาของเหล็กมันหนามากๆ ก็ต้องมีการ "ปาด" มุมบนแผ่นเหล็ก
ด้านนึ่งให้มันเฉียงทำมุมตามแบบที่กำหนดไว้และก็ต้องเชื่อมให้เต็มร่องที่
รอยต่อแผ่นด้วยครับ เรือต่อใหม่ส่วนใหญ่หลังจากเชื่อมแนวแผ่นเปลือก
เรือและโครงสร้างๆเสร็จแล้วก็จะสุ่มตรวจด้วยการ "เอ๊กซ์เรย์" อีกที่ใช่ครับ
เอ๊กซ์เรย์เหมือนที่หมอสั่งให้เราไปทำเพื่อจะดูกระดูกเรานั่นแหละครับ
           ที่ต้องย้อนไปซะไกลก็เพื่อจะบอกว่าคนในวงการนี้มันมีไม่มากครับ
อู่ต่อเรือซ่อมเรือใหญ่ๆในบ้านเราก็มีอยู่ไม่กี่แห่ง ช่างก็เวียนเทียน วนไป
วนมา สักไม่กี่ปีก็รู้จักกันเกือบหมดแหละครับ และช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
ก็มีช่างจาก เพื่อนบ้านเราเข้ามาเป็นแรงงานในอู่ต่อเรือและซ่อมเรื่อกัน
มากขึ้นแต่ส่วนใหญมาเป็นลูกมือช่างหรือไม่ก็เป็นแรงงานซะเป็นส่วนใหญ่
ครับ
        เมื่อหลายปีมาแล้วผมได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศ เมียนม่า เพื่อไป
ดูสถานที่ทำอู่ต่อเรือและซ่อมเรือในกรุงย่างกุ้ง ที่นั่นมี มหาวิทยาลัยที่สอน
เกี่ยวกับเรื่องเรือโดยเฉพาะนะครับ มีเครื่องมือครบ มีแท๊งค์เทสหรือถังทด
ลองเรือขนาดใหญ่พอสมควร เขามีการเรียนการสอนเรื่องเรืออย่างครบ
ถ้วนจริงๆ เที่ยบกับบ้านเราแล้ว ของเรายังตามหลังในเรื่องนี้อยู่มากจริงๆ
ครับ ของเราอย่างมากเป็นแค่ "คณะ" หนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งนึงเท่านั้น
แต่ของเขาเป็นทั้งหมาวิทยาลัยเลยทีเดียว และริมแม่น้ำร่างกุ้ง(ไม่รู้เรียก
ถูกไหม)ก็มีอู่แห้งที่เหมือนกับอู่กรุงเทพที่อยู่เชิงสะพารสาธร(สะพานตาก
สินหรือเปล่าครับ) อยู่มากมาย เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำหลายสิบอู่เลยทีเดียว
และก็มีอู่ต่อเรือประมงอีกมากมาย นับไม่ไหวครับ จากที่นั่งเรืออยู่หลายชั่ว
โมง
      กลับมาที่บ้านเรากันครับ เมื่อเช้าที่เกิดเหตุระเบิดบนเรืออย่างรุนแรง
นั้น สาเหตุก็เกินความสามารถของผมที่จะออกความเห็นในเรื่องนี้ครับ
เพราะอย่างแรกเลยผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการซ่อมทำเรือลำนี้แม้แต่
น้อยจึงไม่ทราบรายละเอียดอะไรสักอย่าง ดังนั้นอะไรที่เราไม่รู้ ไม่เห็นด้วย
ตา ไม่ได้ยินกับหู ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ก็อย่าไปเที่ยวพูดไปเพียงเพราะ
แค่อยากแสดงภูมิรู้เท่านั้นครับ เดียวความเสียหายมันเกิดกับผู้อื่นและก็จะ
ลามมาถึงตัวเราได้ง่ายๆ
     แต่ผมจะมาเล่าถึงการทำงานของผมก็แล้วกัน ไม่เกี่ยวกับใครเลย เป็น
เรื่องที่ผมทำ ผมเห็นกับตา ผมได้ยินกับหูของตัวผมเองทั้งนั้น
     ในการซ่อมทำ......ทำไมถึงเรียกว่าการ "ซ่อมทำ" ผมก็ไม่ทราบเหมือน
กันครับ  "เขา" เรียกกันมาอย่างนี้ซึ่งความหมายมันก็ตรงตัวดีคือมีทั้ง
ซ่อมของเก่าให้ดีเหมือนเดิมและอาจจะทำของใหม่ที่ทันสมัยกว่าใส่เข้าไป
ด้วยก็ได้ครับ ก่อนที่เรือจะเข้ามาที่อู่ซ่อมเรือก็จะมีการเจรจาและแสดงราย
การซ่อมทำเรือทั้งหมด ว่ามีอะไรบ้าง บางลำก็แค่มาเคาะสนิมทาสีก็มี แต่
บางลำก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแผ่นเหล็กบางส่วน ทั้งเหนือแนวน้ำและใต้
แนวน้ำ และถ้ามีงานซ่อทำอะไรในเรือที่อู่ทำไม่ได้ก็จะมีบริษัทอื่นเข้ามา
ร่วมด้วยเช่น ซ่อมทำเครื่องจักรใหญ่ เครื่องไฟฟ้า ฯลฯ และเมื่อตกลงทำ
สัญญากันเรียบร้อยแล้ว ทั้งเรือและอู่ก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะมาเจอกัน
 ที่นี้เป็นเรื่องสำคัญแล้วครับ เพราะเรือบางลำ "เข้าคลาส" และมีประกันภัย
ก็เปรียบเหมือนเป็นรถยนต์ก็คือ รถเบนซ์มีประกันชั้นหนึ่งนั่นแหละครับ
ดังนั้นอู่เรือเองก็ต้องมีประกันภัยที่คลอบคลุมเหมือนกันและต้องมีอุปกรณ์
เซฟตี้ต่างๆครบครันเช่นกัน
        และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรู้ว่าเรือที่จะเข้ามาซ่อมทำที่อู่นั้นคือเรืออะไร
เมื่อถึงกำหนดวันนำเรือเข้า ทางอู่เรือก็จะกันพื้นที่ภายในท่าเรือหรือภายใน
บริเวณอู่เรือเองในกรณีที่ต้องนำเรือขึ้นอู่หรือเอาเรือขึ้นจากน้ำนั่นเอง เมื่อ
เรือเข้ามาที่อู่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มการซ่อมทำตามสัญญาที่ทำไว้ ทีนี้ในการ
ที่คนงานหรือช่างทั้งหลายที่จะขึ้นไปทำงานบนเรือได้นั้นต้องมีการ
"เช็คชื่อ" หรือลงทะเบียนทั้งก่อนและหลังลงจากเรือโดยมีเจ้าหน้าที่คอย
ตรวจตลอดเวลา ดังนั้นผู้ควบคุมงานซ่อมทำเรือก็จะรู้ว่า ในขณะนั้นๆมีใคร
ทำอะไรอยู่บนเรือลำนี้บ้าง แม้แต่ลูกเรือเองก็ต้องลงชื่อเวลาขึ้นลงเรือ
เหมือนกันครับ
        การซ่อมเรือในลักษณะที่จะต้องเปลี่ยนแผ่นเหล็กบางส่วน ไม่ว่าจะ
เป็นบนพื้นดาดฟ้า(DECK)ก็ดี หรือเปลี่ยนแผ่นเปลือกเรือก็ตาม ก็ต้องมาดู
ที่แบบของเรือว่า ตรงบริเวณที่จะต้องตัดเหล็กออกมานั้นมันอยู่ตรงไหน
ใต้พื้นลงไปมีอะไรอยู่ไหม เป็นถังเปล่าๆ หรือถังน้ำ หรือถังน้ำมัน ฯ หรือ
จะเปลี่ยท่อก็ต้องรู้ว่า นั่นท่ออะไร น้ำหรือน้ำมัน
     เฮ้อ....วันนี้ คอมผมมันเกเรอีกแล้วครับ พิมพ์ไปตั้งเยอะหายหมดเลย
เซ็งจริงๆ ทั้งคอมทั้งคน อาการร่อแร่พอกัน งั้นวันนี้ก็ต้องขอตัวก่อนครับ
พรุ่งนี้มาว่ากันต่อ ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน
18-1-2566 2:29 น.

        18 มกราคม 2566 22.09 น. มาอัปเดทต่อครับ
       เมื่อคืนคอมของผมมันเกเรมากไปหน่อยครับ เลยต้องขอตัวไปนอน
ก่อน วันนี้เลยมาเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้หมอนัดอีกแล้ว ไปเจาะเลือดด้วย
       เมื่อคืนเล่าถึงตอนที่เรือเข้ามาที่อู่เพื่อซ่อมทำไปแล้ว กระบวนการ
คร่าวๆก็ตามนั้นแหละครับ อาจจะมีแตกต่างไปบ้างก็เรื่องของเวลาและ
ราคาที่แล้วแต่จะตกลงกัน
       ทีนี้เมื่อรู้แล้วว่าจะต้อง ตัดแผ่นตรงไหน ตัดท่อตรงไหนเพื่อเปลี่ยน
ใหม่ ในกรณีการตัดแผ่นเหล็กเพื่อเปลี่ยนใหม่นั้นต้องใช้วิธีตัดด้วย "ไฟ"
อย่างเดียวครับก็หมายถึงใช้หัวตัดที่มีเชื้อเพลิงเป็น "แก๊ส" ชนิดของแก๊ส
หรือ ก๊าซ ที่ใช้ก็คือ ACETYLENE ผสมกับ อ๊อกซิเจน หรือบางพื้นที่หา
แก๊ส Acetylene ไม่ได้ก็จะใช้ LPG หรือแก๊สหุงต้มแทนซึ่งหาง่ายกว่าและ
มีราคาถูกกว่า แต่จะให้ความร้อนที่น้อยกว่าและรอยตัดที่ได้จะมีผิวที่ขลุ
ขละไม่เรียบเนียนเหมือน แก๊ส Acetylene 

             ภาพบนคือชุดตัดเหล็กด้วยแก๊สแบบเคลื่อนที่ได้ มีถังลมหรือ
อ๊อกซิเจนสีดำยาวๆ ถังแก๊สก็จะสั้นหน่อย พร้อมตัวปรับความดันทั้งลมและ
แก๊ส ต่อจากถังทั้งสองมาก็เป็นสายยางสีดำกับสีแดงมาที่หัวตัดทองเหลือง
ก็จะมีวาล์วปรับแรงดันทั้งลมและแก๊สอีกอย่างละตัว ฯ ส่วนระบบที่ใช้ในอู่
ต่อเรือซ่อมเรือใหญ่ๆเขาจะรวม ถังแก๊สและลมไว้ทีหนึ่งแล้วต่อท่อโลหะมา
ที่หน้างานหรือบริเวณใกล้เคียง แล้วจึงต่อเป็นท่อสายยาง ดำ แดงออกมา
ที่หัวตัดอีกที่ ทั้งถังลมและถังแก๊สก็จะแพ๊คมาด้วยโครงสร้างเหล็ก เปลี่ยน
ทีก็ยกทั้งแพ๊คออกไปเลยครับ ประมาณนั้น

       ข้างบนนี้เป็นตัวอย่างแบบ Safety Plan ของเรือบรรทุกน้ำมันขนาด
เล็กยาวประมาณ สี่สิบกว่าเมตร เมื่อนำเรือเข้าซ่อมทำ ต้องมีแบบ GA ,
Midship ,Constuction Profile ฯ เป็นอย่างน้อย ให้กับอู่เพื่อวางแผน
การซ่อมทำในส่วนต่างๆที่ตกลงกันไว้ ทีนี้จะเห็นว่าในแบบได้แสดงตำ
แหน่งของถังน้ำมันที่เป็นสินค้าของเรือไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นถ้าจะมีการ
ซ่อมทำด้วยการตัดแผ่นเหล็กด้วยไฟ หรือทำอะไรก็แล้วแต่ที่มีประกายไฟ
จากประสบการณ์ในทำงานของผม ในระวางบรรทุกต้องไม่มีสินค้าเหลือ
อยู่เลยแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ ต้องเอาสินค้าออกให้หมด มันมีวิธีทำอยู่ครับ
ในกรณีที่สินค้าเป็นน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันอะไรก็แล้วแต่ ต้องเอาออกให้
หมดแค่นั้นยังไม่พอนะครับ ต้องล้างถังด้วยสารเคมีกำจัดคราบน้ำมันอีก
หลายครั้งจนสุดท้ายก็ล้างด้วยน้ำเปล่าจนไม่มีกลิ่นของน้ำมันติดอยู่เลย
ส่วนถังอื่นๆที่ไม่ได้ใส่น้ำมันไว้ก็ต้องเปิดฝาถังออกเพื่อระบาบแก๊สที่เกิด
โดยธรรมชาติอยู่แล้วออกให้หมดก่อนที่จะทำงานที่ต้องใช้ "ไฟ" อ้าวแล้ว
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้กับเครื่องจักรบนเรือล่ะต้องเอาออกด้วยไหม
คำตอบคือไม่ต้องครับถ้าบริเวณนั้นไม่มีงานที่ใช้ไฟตัดเหล็ก แต่ก็ต้องระวัง
จะมีการกำหนดเขตของพื้นที่ทำงานอย่างชัดเจนว่า อะไรอยู่ตรงไหน ถัง
ไหนเปิด ถังไหนไม่ต้องเปิด ที่เป็นเข่นนั้นก็เพราะว่าถังน้ำมันเชื้อเพลิงของ
เรือส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ๆหรือติดหรืออยู่ในห้องเครื่องจักรใหญ่ ส่วนถัง
สำรองที่มีขนาดใหญ่กว่าก็จะอยู่ใต้แท๊งค์ท๊อปหรืออยู่ใต้ถังที่บรรทุกสินค้า
อีกทีหนึ่งแต่จะมีท่อระบายอากาศขึ้นไปถึงชั้น Main Deck เหมือนกับทุก
ถัง ซึ่งตำแหน่งของถังน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นสองส่วน
คือ Daily Tank หรือถังน้ำมันที่จ่ายให้เครื่องจักรใหญ่และเครื่องยนต์อื่นๆ
ในขณะที่เรือติดเครื่องจักรเหล่านั้นอยู่ ขนาดความจุก็แล้วแต่ขนาดของ
เรือและเครื่องจักรในเรือแต่ละลำ ลำในแบบข้างบนน่าจะมีอยู่ประมาณ ยี่
สิบกว่าตัน อยู่ในถัง F.O.T. ทั้งซ้ายและขวาในห้องเครื่องจักรใหญ่ ลำนี้จะ
มีถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่เท่านี้แหละครับ ถ้าเป็นเรือที่ใหญ่กว่านี้ ก็จะมีถัง
น้ำมันเชื้อเพลิงสำรองอีกหลายถังส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ท้องเรืออย่างที่ได้บอก
ไปแล้วครับ และก็ต้องมีท่อระบายอากาศเหมือนกัน ปลายท่อระบายอากาศ
ที่ทะลุขึ้นไปบน Main Deck นั้นก็จะมีกล่องกันประกายไฟสวมอยู่ที่ปลาย
ท่ออีกหนึ่งชิ้น เพื่อป้องกันสะเก็ดของไฟอันไม่คาดฝันว่ามันจะมีปลิวลงไป
นั่นเอง ซึ่งสะเก็ดไฟที่ว่ามีที่มาแตกต่างกันไปครับเช่น มีคนไปยืนสูบบุหรี่
เกิดไฟฟ้าสถิตย์ ,เกิดจากการทำงานของลูกเรือเวลาใช้ค้อนเคาะสนิม ,
เกิดจากช่างใช้เครื่องมือต่างเช่น หิเจีย หรือหัวตัดเหล็ก ฯ ประมาณนั้น
ครับ และอีกเรื่องที่ต้องระวังคือ น้ำมันที่ค้างในท่อทางต่างๆ ก็ต้องเอาออก
และทำความสะอาดจนไม่มีกลิ่นน้ำมันด้วยเหมือนกัน ซึ่งกระบวนการทั้ง
หมดที่ว่ามายังไม่ได้ลงมือตัดเปลี่ยนแผ่นเหล็กเลยนะครับเป็นแค่
"เตรียมการ" เท่านั้นแล้วก็ไม่ใช่ล้างถังน้ำมันไปตัดแผ่นเหล็กไปนะครับ
ถ้าทำอย่างนั้นถือว่าประมาทมาก ลำไหนทำอย่างนี้ ผมก็ไม่ขึ้นเรือแน่นอน
ซึ่งผมก็เคยทำมาแล้ว และทั้งหมดที่ว่ามามันมี "ราคา" ที่แพงมากและใช้
เวลามากด้วย ใช้คนเยอะอีกต่างหาก มันไม่ใช่การล้างถังน้ำมันรถยนต์
นะครับที่จะถอดถังออกมาล้างด้วยผงสักฟอก แล้วใส่ทรายเขย่าๆ ล้างน้ำ
อีกทีก็ใช้ได้อะไรแบบนั้น
          เมื่อไม่มีกลิ่นน้ำมันหลงเหลือแล้วทีนี้ก็ลงมือได้แล้วครับ จะตัดจะ
เจาะ จะขัดเหล็ก ฯ ตรงไหนตามแผนงานก็ใส่กันได้เต็มที่ เวลาเป็นเงินเป็น
ทองครับ
       ทำไมถึงต้องล้างถังน้ำมันกันขนาดนั้น คำตอบก็คือ ธรรมชาติของ
น้ำมันไงครับ ผมก็ไม่รู้ละเอียดมากนักแต่ก็รู้ว่าน้ำมันดีเซลเอย น้ำมันเตา
เอย น้ำมันดิบเอย พวกนี้เนี่ยด้วยตัวมันเองที่เป็นของเหลวนั้นติดไฟไม่ง่าย
นะครับต้องใช้ไฟที่อุณหภูมิสูงพอสมควร ไม่เหมือนน้ำมันพวก เบนซิน
ต่างๆและแอลกอฮอ พวกนี้ติดไฟง่ายมากแม้จะอยู่ในสถานะของเหลวแต่
มันมีการระเหยกลายเป็นไอค่อนข้างเร็ว ราดน้ำมันเบนซินทิ้งไว้แปปเดียว
แห้งหายไปหมดแล้ว แอลกอฮอก็เหมือนกันครับแปปเดียวเองหายเกลี้ยง
ไม่เหลือเลย แต่น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และน้ำมันดิบไม่ใช่นะครับ ผมมีเรื่อง
จะเล่าให้ฟัง.....ตอนที่ผมทำงานได้เกือบปีก็ถูกส่งไปเป็นที่ปรึกษา(เป็นตัว
แทน) เห็นอะไรในแต่ละวันก็เขียนรายงานมา หรือถ้าเร่งด่วนก็โทรหา
เจ้านายและเอาคำตอบมาให้อู่ให้ได้ ที่นี้มันมีเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลลำหนึ่ง
ขนาดไม่ใหญ่มากมาขึ้นอู่เพื่อพ่นทรายทำสีแค่นั้น ทีนี้ในระวางบรรทุก
เกือบๆถึงหัวเรือเขายังมีน้ำมันดีเซลอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่ามีปริมาณเท่าไร ทีนี้พอ
พ่นทรายพ่นสีเสร็จเตรียมลงน้ำ ปรากฏว่ามีช่างวิ่งมาบอกว่าหัวเรือทะลุ
มีน้ำมันดีเซลพุ่งออกมาด้วย......เรือหายแล้วครับทีนี้ พี่คนคุมอู่ก็เรียกผม
ให้ไปด้วยกัน(อีกแล้ว) รูขนาดนิ้วก้อยครับเล็กกว่านิดหน่อย มีน้ำมันดีเซล
ไหลพุ่งเฉียงลงพื้นเลอะเทอะไปหมดแต่ช่างก็หาถังสองร้อยลิตรมารองไว้
จะทำไงล่ะทีนี้ จะเอาน้ำมันออกล้างถังก็ไม่ทันแล้ว เพราะกำหนดออกเรือ
มันอยู่ในสัญญาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขืนล้างถังก็เป็นวันแน่ๆ วิธีที่พี่เขาใช้ก็คือ
เรียกช่างเชื่อมมือดีที่สุดของอู่มา อีกคนก็เตรียมถังเคมีสำสำหรับดับไฟ
ที่เกิดจากน้ำมันถอดสลักเตรียมไว้ เอาทรายมากลบน้ำมันดีเซลที่เลอะ
เทอะอยู่ที่พื้นให้หมด คราวนี้ก็วัดดวงแล้วครับ ผมเห็นกับตาตัวเองว่า เมื่อ
ช่างอีกคนเลื่อนถังรองน้ำมันออกไปแล้วเหลือแต่กองทรายที่ถมกันเข้ามา
ในไม่กี่วินาทีนั้น ช่างเชื่อมที่รออยู่แล้วก็ "จิ้ม" ลวดเชื่อมเข้าไปที่รู้รั่วเกิด
ประกายไฟเชื่อมขึ้นมาเป็นระยะ จนกระทั่งน้ำมันดีเซลหยุดไหลออกมา มี
รอยเหล็กที่เพิ่งเชื่อมใหม่ๆเป็นรอยนูนๆขึ้นมาเท่านั้น ควันยังกรุ่นอยู่เลย
ครับ ในตอนนั้นผมไม่รู้เลยจริงๆว่ามันอันตรายขนาดไหน ในบริเวณนั้น
มีอยู่สี่คนที่ยืนล้อมอยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่น่าจะเกินสามเมตรแน่นอน ถ้าตูมขึ้นมา
รับรองว่า สี่คนนี้หาอะไรไม่เจอสักชิ้นแน่ๆครับ ตอนนั้นเป็นเด็กใหม่อยู่ครับ
ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย เขาให้ไปไหนก็ไป ให้ไปดูอะไรก็ดู มานึกย้อนหลัง
ทีไรอดขนลุกไม่ได้ ไม่รู้รอดมาได้ยังไง อย่าไปลองทำแบบนี้นะครับ อาจ
จะไม่โชคดีเหมือนผมก็ได้
        เรือทุกลำไม่ค่อยจะกลัวน้ำเข้าสักไหร่หรอกครับ แต่จะกลัวไฟไหม้
มากกว่า เรือจมเพราะน้ำเข้ายังกู้ขึ้นมาได้ บางลำแค่เครื่องพังอย่างเดียว
ซ่อมเครื่องเสร็จก็วิ่งปร๋อแล้ว แต่เรือไฟไหม้นี่ ถ้าไหม้กันทั้งลำหรือส่วน
ไหนที่โดนหนักๆก็ต้องตัดทิ้ง หรือตัดทิ้งทั้งลำนั่นแหละครับกลายเป็นเศษ
เหล็กชั่งกิโลขายได้เลย
       ไอของน้ำมันต่างๆที่ระเหยอยู่ในถังปิด นั่นคืออันตรายอย่างที่สุกแล้ว
ครับมันพร้อมที่จะติดไฟได้ตลอดเวลาไม่ว่าต้นเพลิงอาจจะเป็นแค่ประกาย
ไฟที่เกิดจากโละกระทบกัน เกิดจากไฟฟ้าสถิตย์ ที่เวลาเราไปจับเหล็ก
แล้วเหมือนโดนไฟดูดนั่นแหละครับ แต่ถ้าเป็นโลหะ ไปเฉี่ยวกับโลหะที่มี
ไฟฟ้าสถิตย์อยู่ด้วยก็จะเกิดประกายไฟแล้วก็พรึบขึ้นมาได้ ขอย้ำว่า
 "ไอระเหยของน้ำมันทุกชนิด" ครับ ระวังกันให้ดี
         ในการเตรียมเรือเข้าอู่ก็จะมีวิธีกำจัดแก๊สหรือไอน้ำมันที่เหลืออยู่
หลังจากการล้างถังแล้วนั่นก็คือ เปิดฝาถังทุกถัง หรือที่เรียกกันติดปากว่า
"การฟรีแก๊ส" นั่นแหละครับ เปิดทิ้งไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง ก่อนที่จะ
ลงไปทำงานในถังดังกล่าวได้ พัดลมระบายอากาศต้องมีทั้งเป่าอากาศเข้า
และดูดอากาศออก ปรกติในหนึ่งถังจะมีฝาเปิด ปิด อยู่สองช่องครับ ไม่
น้อยไปกว่านี้ หนึ่งก็เพื่อระบายอากาศอย่างที่ว่าไปนี่แหละครับ
       ทั้งหมดที่เล่ามาคือประสบการณืในการทำงานของผมล้วนๆครับ ไม่
เกี่ยวกับเรื่องอะไรทั้งนั้น มาบอกเล่าเพื่อเป็นความรู้จะได้เข้าใจในเรื่องราว
ต่างๆได้มากยิ่งขึ้นก่อนที่จะไปวิจารณ์เรื่องอะไรก็ตามครับ
     และวันนี้ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตทั้งแปดท่าน ถึง
แม้ว่าจะเป็นชาวต่างชาติต่างภาษา แต่ก็เป็นคนในสายงานเดียวกัน
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
       วันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน
      19-1-2566 12:59 น.