DAC เจ้าปัญหา(หรือเปล่า) ตัวแปลงสัญญาณแสงเป็นสัญญาณเสียง Digital to Analog

14 ธันวาคม 2565 1.34 น. สวัสดีครับทุกท่าน เกือบตีสองอีกแล้ว
เหมือนพิมพ์ข้อความซ้ำๆเลยครับ เมื่อตอนสายๆได้รับของจากลาซาด้าละ
ก็เอามาลองเรียบร้อย ใช้ได้ไหม ได้ครับ แต่ ฮ่าๆ ของดีราคาถูกไม่มีจริงๆ
ครับ ปรากฏว่า สัญญาณรีโมทจาก สมาร์ททีวี ไปรบกวนไอ้เจ้า DAC หรือ
เมื่อกดรีโมททีวี กล่อง DAC ก็รับสัญญาณเข้าไปด้วยแล้วดันไปถอดรหัส
เป็นคำสั่งให้ปิดเครื่องซะงั้น......จบกัน สามร้อยสิบบาท ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
ต้องกลับไปใช้ตัวเดิมครับ




       ของเขาใช้ได้นะครับ ไม่ได้เสียอะไรเลย แต่รีโมททีวีของผมดันไปมี
โค๊ดที่ตรงกับคำสั่งปิดเครื่องของเขา กดอะไรไปไอ้เจ้ากล่องนี่มันก็สั่งปิด
ทันทีเลย ส่วนรีโมทของตัวมันเองก็ใช้ได้ดีทุกฟังชั่นที่ให้มาครับ คุณภาพ
ของเสียงก็แล้วแต่เครื่องขยายเสียงและลำโพงของแต่ละบ้านแล้วครับ ถ้า
ไปต่อกับเครื่องกระป๋องเสียงก็ออกมาเป็นกระป๋องครับอันนี้ต้องไปลองเอา
เองผมก็ตอบไม่ได้ครับ
       สมัยเริ่มเรียน ปวช อีเล็คทรอนิคปีหนึ่ง มันมีวิชาที่เกี่ยวกับคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าอยู่หลายตัว และทั้งหลายตัวที่ว่า ก็มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า
ไมโครโฟนและลำโพงอยู่ด้วย เรียนวิธีการทำไมโครโฟนและลำโพง วิชานี้
บอกตรงๆสาหัสมากๆครับ ไม่ใช่แต่สองวิชานี้เท่านั้นที่สาหัส วิชาไหนที่มี
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วยนี่ แทบไม่รอดกันยกห้องก็ว่า่ได้
ครับ มันยากจริงๆ จบ ม.ศ.3 มาได้อย่างลำบากยากเย็นสมัยนั้นคิดเป็น
เปอร์เซ็น ต่ำกว่าห้าสิบคือตก ซ้ำชั้นอย่างเดียวไม่มีซ่อมครับ เอาทุกวิชา
มารวมกันแล้วคิดเป็นเปอร์เซ็นออกมา ผมได้มา 62 เปอณ์เซ็นมั้งครับถ้า
จำไม่ผิด รีบกลับ้านมารอบอกท่านแม่อย่างไวเลย เพราะเทมอแรกผม
สอบตก....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
      พอมาเรียนอีเล็คทรอนิค ก็ไม่ได้เลือกเองหรอกครับ ตอนนั้นยังไม่มี
สิทธเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองแม้แต่น้อย เขาจะให้ไปอยู่ตรงไหนก็
ต้องไป ให้ทำอะไรก็ทำ ให้เรียนอะไรก็เรียน ถามว่าตอนนั้นอยากเรียน
อะไร ก็จะบอกว่าอยากเรียนต่อสายสามัญแล้วก็ไปสอบเข้า มหาวิทยาลัย
อยากอยู่ใน กทม กลับมาได้ปีเดียวเอง ก็โดนส่งไปเรียนอยู่ต่างจังหวัด
อีกละ ไปก็ไป เรียนก็เรียน ตอนนั้นรู้อย่างเดียวว่า เรียนแผนกนี้จบมา
ซ่อมทีวี ซ่อมวิทยุ ซ่อมเครื่องขยายเสียงได้ ก็ไม่อดตายแล้ว หึๆๆ.......
ไม่ถามกันสักคำว่าอยากทำไหม พอเข้าไปเรียนได้วันเดียวเท่านั้นก็รู้
ละว่าชะตากรรมผมฝากไว้กับ สมองในหัวที่ไม่ได้พัฒนามาเพื่อการนี้
เลยแม้แต่น้อย วันแรกเป็นการคุยกับอาจารย์หัวหน้าแผนกและรับราย
การ ซื้อหนังสือและเครื่องมือ นั่นคือปี พ.ศ. 2524 ครับ วันแรกจบลง
ด้วยการแบกหนังสือและเครื่องมือกลับบ้านมานั่งมองมันอย่าง งงๆ ไรวะ
เนี่ย ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยิน หัวแร้งปืน เออ หนักดีแพงด้วย
แล้วนี่อะไรกล่องกระดาษขาวครึ่งแดงครึ่ง ข้างในมีกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยม
สีดำ มีครึ่งบนเป็นหน้าปัดเหมือนเข็มไมล์มอไซด์เลย มัลติมิเตอร์ นี่ยิ่งแพง
เข้าไปใหญ่ ตะใบสองอัน ไขควงใหญ่หนึ่งชุด คีมตัด คีมจับ ฯ ไม่เคยเห็น
ไม่เคยจับ ไม่เคยใช้ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันทั้งหมดที่กองอยู่ตรงหน้า
เลย งานงอกแล้ว อีกตั้งสามปีกุจะรอดไหมฟะเนี่ย ปวช ก็คิดผลการเรียน
เป็นเกรดแลัวครับ 0-4 ไม่เคยได้สี่เลย ย่ำอยู่กับ1 กับ 2 นี่แหละ ผ่านมาได้
ด้วยเกรด 2. เท่าไรไม่รู้ครับแต่ไม่เกินจุดสามแน่ๆ และวิชาส่วนใหญ่ก็เกี่ยว
ข้องกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งนั้น เกรดหนึ่งกันถ้วนหน้ามีอยู่ไม่กี่คนที่ไป
ถึงสอง
      เล่าความหลังมาซะยืดยาวก็เพื่อจะบอกว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามันมี
ความสำคัญมาตั้งแต่มนุษย์เราย่างเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมกันแล้วครับ เริ่ม
จากหลอดไฟฟ้าแล้วก็ลามไปเรื่อยจนขึ้นไปบนอาวกาศออกไปนอกโลก
เลยระบบสุริยะของเราออกไปไกลแสนไกล ฮ่าๆ ผมก็โม้ไปเรื่อยครับ
ปัจจุบันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็กระจายอยู่รอบตัวเราทุกคนครับ นี่ถ้าดวงตา
ของเราสามารถมองเห็นได้ทุกช่วงความถี่ของแสงก็คงจะสนุกดีพิลึกเลย
ครับ ทุกวันนี้ไม่รู้เขายอมรับกันหรือยังว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับคลื่นแสง
เป็นเรื่องเดียวกัน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับคลื่นแสง เดินทางไปในสูญญา
กาศด้วยความเร็วที่เท่ากันนะครับ แต่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถทะลุ
ผ่านสิ่งกีดขวางได้ดีกว่าคลื่นแสงแน่ๆ แต่เมื่อจับคลื่นแสงมาใส่ท่อ เมื่อ
เทียบกันแล้วคลื่นแสงจะถูกรบกวนหรือเพี้ยนน้อยกว่าคลื่นแม่เหล็กไฟ
ฟ้าแน่นอนสายไฟฟ้าที่ทำด้วยโลหะยิ่งยาวยิ่งมีความต้านทานสูงขึ้นแต่
ไม่ใช่กับใยแก้วนำแสงในยุคนี้ครับ สายนำสัญญาณต่างๆถูกแทนที่ด้วย
สายไฟเบอร์อปติคเยอะแล้ว แม้แต่สายเคเบิลใต้น้ำข้ามทะเล ที่ใกล้ตัวเราที่
สุดก็สายที่ส่งสัญญาณอินเตอร์เนตเข้ามาในบ้านเรานี่แหละครับ ยุคนี้
ไม่มีแล้วสายทองแดง โดนตัดไปก็เผาเอาทองแดงไม่ได้เพราะมันไม่มี
แล้วก็สายที่ออกจาก สมาร์ททีวีไปเข้าเครื่องเสียงนี่ก็อีกตัวที่ค่อยๆเข้ามา
แทนที่สาย เอวี ขาว แดง เหลือง ที่เราคุ้นตา แต่ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ไม่
ได้หายไปไหนนะครับ WIFI ,BLUETOOTH ,DIGITAL TV ,ฯลฯ ก็ยังใช้
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่เหมือนเดิม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามันก็คือคลื่นต่างๆ
ที่เราใช้ในการสื่อสารทั้งถาพและเสียงนั่นแหละครับ ใช้กับโทรทัศน์ หรือ
ทีวี เราก็เรียกคลื่นโทรทัศน์ ใช้กับวิทยุเราก็เรียกคลื่นวิทยุ ใช้กับดาวเทียม
เราก็เรียกสัญญาณดาวเทียม ใช้กับโทรศัพท์มือถือเราก็เรียกคลื่นมือถือที่
สมัยก่อนเราต้องถือเครื่องเดินหาคลื่นกันนั่นแหละครับจะ 1G หรือ 5G มัน
ก็ต้องใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ดี
        ความมหัสจรรย์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็คือ เราสามารถฝากทั้ง
เสียงและภาพไปกับมันได้และไปได้ไกลจนเรียกว่าไม่มีระยะที่จำกัดเลย
ก็ว่าได้ สมัยเรียน อาจารย์ท่านนึงเคยถามพวกผมว่า สายตาของคนเรา
มองเห็นได้ไกลที่สุดเท่าไร ทุกคนนั่งนิ่งกันหมด เงียบกันจัง แล้วก็มีไอ้
คนนึงมันค่อยพูดว่า เออเรามองเห็นได้ไกล 93 ล้านไมล์ครับ ......ยิ่งเงี่ยบ
กว่าเดิมเข้าไปอีก ซวยละมึงกวนตีนอาจารย์ ตัวใครตัวมันแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ
ปรากฏว่ามันตอบถูกครับ ความจริงตาคนเรามองเห็นได้ไกลกว่านั้นเยอะ
ครับ ทุกท่านลองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสิครับแล้วลองบอกตัวเองว่ามองเห็น
อะไรมั่ง ถ้าเป็นตอนกลางวันก็คงไม่มีใครที่ดวงตาปรกติจะมองไม่เห็นดวง
อาทิตย์ใช่ไหมครับ ในตอนกลางคืนที่ท้องฟ้าไร้เมฆหมอกและแสงไฟอาจ
จะมองเห็นทางช้างเผือกก็ได้ ดวงดาวที่เราเห็นระยิบระยับอยู่นั้นมันอยู่ห่าง
จากโลกเราและไกลมากกว่าดวงอาทิตย์มากมายนัก แต่คลื่นแสงของดาว
เหล่านั้นก็เดินทางมาถึงดวงตาของเราได้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็เหมือนกัน
ครับ ไปได้ไกลกว่าด้วยซ้ำเพราะสามารถทะลุสิ่งกีดขวางได้ดีกว่าคลื่นแสง
    แฮ่ๆๆ วันนี้โม้แค่นี้ก็แล้วกันครับ ใครอยากรู้มากกว่านี้ก็ กูเกิลนะครับ
เรื่องของคลื่นหรือ WAVE นี่ถ้าต้อง "เรียน" เกี่ยวกับมันแล้วล่ะก็ ทำใจ
ได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นอะไรก็ตาม คลื่นทะเล คลื่นเสียง สารพัดคลื่น
นอกจากว่าคุณเป็นเทพคณิตศาสตร์ก็แล้วไป
    ครั้งหน้าจะเป็นเรื่อง เรือคายัคของน้องคนนึง อยู่ที่ภูเก็ตครับ เขาต่อมัน
จริงๆครับ แล้วจะมาเล่าสู่กันครับ วันนี้ขอให้ทุกท่าน นอนหลับฝันดี
ราตรีสวัสดิ์ครับ
    3.14

......................................................................................................
         12 ธันวาคม 2565 1.52 น. สวัสดีครับทุกท่าน เกือบตีสองอีกแล้ว
วันนี้นั่งหาอุปกรณ์ใน ลาซาด้าเอามาจัดการกับระบบเสียงของทีวี ก็มึนๆ
อยู่ครับทิ้งไปนาน เป็นตัวแปลงสัญญาณจาก ดิจิตอล เป็นอานลอค....เออ
.....จาก optical เป็น analog เมื่อหลายวันก่อนสั่งมาตัวนึง รวมค่าส่งก็
ร้อยหกสิบได้มั้งครับประมาณนั้นมันมีหลายราคา หลายชนิดมาก ผลก็คือ
ใช้ได้ประมาณสามชั่วโมง ก็เรียบร้อย ถือว่าซวยไป ของดีราคาถูกไม่มีจริง
แต่ก็ไม่แน่ครับ หลายๆอย่างที่เคยซื้อมาลองก็ทำงานได้ดี เช่น เครื่อง
ขยายเสียงขนาดเล็กพร้อมตัวรับบลูทรูธในตัว ซื้อมาหลายตัวทำแจก
ชาวบ้านไปก็ยังใช้ได้ดีอยู่ ราคาตัวละ หกสิบกว่าบาทมั้งครับตอนนั้น เดี๋ยว
นี้ก็ยังเห็นมีขายอยู่ราคาก็ไม่แพงด้วย แต่คราวนี้คงโชคไม่ดี ฟังได้ไม่กี่ชั่ว
โมงก็พังละ ก็ไปหาใหม่ ได้มาอีกตัว รวมค่าส่งก็ สองร้อยเจ็ดสิบบาท
ประมาณ....คราวนี้ก็ใช้ได้ยังทำงานดีอยู่


           ตัวแรกหน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ สายสีดำม้วนกว้างๆ หัวท้ายมีเหมือน
แท่งดำๆนั่นคือสายไฟเบอออปติคที่แถมมาให้ครับเป็นสายนำสัญญาณ
เสียงที่แปลงเป็นแสงสีแดงที่ออกมาจากทีวีมาเข้าที่เจ้ากล่องเล็กๆนี่

          
            หน้าตาเป็นอย่างที่เห็นครับมียางใสๆหุ้มที่ปลายเวลาใช้งานต้อง
ดึงออกครับค่อนข้างแน่นนิดนึง


          เสียบเข้าไปในช่อง Toslink นั่นแหละครับ เป็น Input หรือ
สัญญาณเข้าที่มาจากหลังทีวีครับ


        อีกด้านของเจ้ากล่องนี่ก็เป็นช่อง Output ทีเราคุ้นเคยกันดี ก็ใช้แจ๊ค
ขาวแดงเสียบเข้าไป แล้วอีกด้านก็ไปเสียบเข่ากับ Input ของเครื่องขยาย
เสียงก็เป็นอันเสร็จ แต่เจ้าตัวนี้ก็ไปก่อนวัยควรแล้ว ตัวใหม่มาก็เป็นแบบ
ข้างล่างนี้ครับ แตกต่างกันพอควร มันมีช่อง Output เป็น AUX 3.5 mm.
หรือช่องเสียบหูฟังใส่มาด้วย และมีที่ปรับเสียงดัง-เบาติดมาให้ด้วยครับ




         สัญญาณเข้าออกเหมือนเดิมครับนี่ก็หลายวันละยังแข็งแรงดีอยู่
วันก่อนเจ้าแมวลายสาวน้อยขอยของผม โดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วก็เขี่ย
เจ้านี่ลงมาขย้ำเล่น ผมมาเห็นอีกทีกระเด็นไปอีกทางละแต่ยังดีที่ยังไม่
ตกจากโต๊ะ เสายออปติคจากทีวีก็หลุดออกมาด้วย พอเอาทุกอย่างเข้าที่
เปิดสวิทย์เปิดทีวีเปิดเครื่องเสียง..........รอดไป ทุกอย่างยังทำงานเป็น
ปรกติเหมือนเดิม
      แต่พอใช้ไปสักพักก็เริ่มเห็นปัญหาละครับ ค่อนข้างสำคัญด้วย นั่นก็
คือ สัญญาณเสียงที่มาจากสมาทร์ทีวีออกมาทางช่อง Optical หรือ
Toslink นั้น มันปรับระดับความดัง-เบาไม่ได้ครับ ต้องมาปรับที่เครื่อง
ขยายเสียงเอาเอง ทีนี้ถ้าเครื่องขยายเสียงของใครไม่มีรีโมทก็งานงอก
อีกแล้วครับ เพราะเท่าที่เปิดทีวีดู ถ้าเป็นการดู ทีวีดิจิตอลรายการทั่วไป
เสียงมันจะเบากว่าการดูช่องยูทูปหรือเวปไซด์อะไรก็ตาม ครับก็เลยต้อง
มานั่งหาดูอีกว่า ระหว่างหาเครื่องขยายเสีบงใหม่กับการหาไอ้เจ้า DAC ที่
มันมีรีโมทมาด้วยเนี่ย อันไหนมันถูกกว่ากัน สุดท้ายก็มาจบที่ DAC ที่มา
พรอมรีโมท ราคารวมค่าส่งก็สามร้อยนิดๆครับ...เฮ้อ ความอยากทำให้
เสียเงินจริงครับงานนี้ ตามประสาคนเงินน้อย ก็หาของราคาถูกเข้าไว้ก่อน
ก็เลยต้องปวดหัวเป็นธรรมดา ทั้งหมดนี่ของจีนล้วนๆครับ ถ้าเป็นของจาก
ฝั่งญี่ปุ่นหรือทางฝรั่งรับรองว่าจับไม่ลงแน่ๆ ถูไถใช้ๆกันไปครับพังก็เปลี่ยน
ใหม่หรือเลิกฟังไปเลย หันกลับไปฟังเสียงที่มาจากทีวีเหมือนเดิม

       วันนี้เปลี่นมาทางสายเครื่องเสียงกันมั่งครับ กำลังมองหาลำโพงมา
อัปเกรดเสียงสักหน่อย ก็น่าจะเป็นพันเหมือนกัน ลำโพงก็ซื้อ ตู้ลำโพงก็ซื้อ
คราวนี้คงไม่ทำเองแล้วครับแรงไม่มีแต่ไม่แน่ เดี๋ยวต้องไปบ้านหม้อสัก
หน่อย ฮ่าๆ จะไปซื้อนั่น ซื้อนี่ คราวที่แล้วว่าจะไปซื้อวัสดุทำเรือมาเพิ่ม 
จนถึงวันนี้ยังไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ ก็คงอีกสีกไม่กี่วันนี้แหละครับ
     ตีสามอีกแล้ว ขอให้ทุกท่านนอนหลับฝันดี เรื่องดีๆ ตื่นมาเจอคนที่รัก
เจอเพื่อนที่ดี ราตรีสวัสดิ์ครับ
 3.03 น.