เรือ คายัค 2

   11 พฤศจิกายน 2565 16.00 น. สวัสดีครับทุกท่าน
      เรือ คายัค ต่อสองชิ้นเข้าด้วยกันด้วยกาวร้อน เล็งๆดีๆแล้วก็หยดกาว
ใส่เลยครับ ผลออกมานิ้วมือก็ติดตัวเรือไปด้วย ฮ่าๆๆๆ แล้วก็โป้วแดงปาด
ลงไปในร่องที่โหว่ แห้งแข็งดีแล้วก็ขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์หยาบๆ
หน่อยแล้วใช้เบอร์ 500 ขัดซ้ำลฃไปอีกทีก็เป็นอันเรียบร้อย แต่ดูแล้วไม่
ค่อยเรียบเท่าไรครับ ประสาทสัมผัสที่นิ้วมือกับสายตาที่แย่ลง เป็นสาเหตุ
หลักแล้วครับตอนนี้ นี่ก็ดูเหมือนจะต้องไปตัดแว่นใหม่อีกแล้ว เงินยังไม่มา
แต่รายจ่ายรอเป็นหางว่วาเลยทีนี้ 555555 วันนี้เล่าด้วยภาพแล้วครับ















    
                           
                               


           
            ภาพข้างบนทั้งหมดมันก็ได้เล่าเรื่องราวของมันเองอยู่แล้ว ผมไม่
จำเป็นที่จะต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่ถ้าใครสงสัยว่าเรือลำนี้มันมายังไง
จนมาเป็นอย่างในภาพที่เห็นนี่ก็ให้ย้อนกลับไปอ่านบทความเก่าๆ เรื่อง การ
ออกแบบและเขียนแบบเรือจำลองได้ในกล่องบทความครับ ถึงจะไม่มีตัว
อย่างการเขียนแบบของเรือลำนี้ แต่มี วิธีคิด วิธีออกแบบ ซึ่งให้ได้มาของ
แบบเรือลำนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไรนัก ลองไปอ่านดูครับ แล้วคุณจะรู้ว่า
ไม่ว่าเรืออะไรเราก็สามารถที่จะออกแบบและเขียนออกมาเป็นแบบเพื่อที่จะ
นำไปทำเรือจำลองได้ทั้งนั้น โดยไม่ต้องมาเสียเงินเสียเวลาเรียนกับผมก็
ได้ครับ และขั้นตอนต่อไปของเรือลำนี้ก็คือนำไปทำแม่พิมพ์ประกบเพื่อการ
ผลิตออกมาให้ได้ในจำนวนที่ต้องการ จะเพื่อจำหน่าย หรือแจกฟรี หรือทั้ง
สองอย่างก็เป็นได้ นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตอันไม่ไกลเกินไปนักที่ผมตั้งใจ
จะทำ ใช่แล้วครับ ช่วงนี้โปเจ็คเยอะมาก ไอ้นั่นก็จะทำขาย ไอ้นี่ก็จะทำ
ขาย ฯ แต่ไม่เห็นมันจะทำจนเสร็จมาขายซักที ก็ต้องบอกตามตรงว่ายัง
ขาดเครื่องมือและวัสดุที่สำคัญอีกหลายอย่างเพื่อที่จะทำให้งานมันมีความ
"สมควร"กับการนำมาขาย ซึ่งมันก็รวมๆกันเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว และ
ตอนนี้เงินกำลังเดินทางอยู่ครับอีกไม่นานก็คงจะถึง...........
         ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือมาเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้สู่กันฟังไปพลางๆก่อนครับ
แล้ววันนี้ก็หาเรื่องมาเล่าจนได้ อะฮ่า
         ไม่เกี่ยวกับเรือเลยครับแต่เป็นเรื่องของ "เครื่องบิน"ที่ผมชอบมากๆ
กอไก่ล้านตัวเลยก็ว่าได้ ก็อีกนั่นแหละครับใครที่หลวมตัวอ่านมาถึงตรงนี้
ถ้าไม่ชอบก็ช่วยไม่ได้แล้วครับเพราะผมพิมพ์บทความแบบไม่มี บท ไม่มี
สคลิป ไม่มีโฟชาทร์ ไม่มีไกด์ไลน์ คือนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ว่ากันสดๆออกมา
เลย เรื่องเรือคายัคก็เหมือนกันครับ ที่ทำออกมาทีแรกก็ไม่ได้คิดจะเอามา
ทำบทความเลย แต่นั่งคิดอะไรเพลินๆก็ไม่รู้ครับเลย เออ เอาอันนี้แหละ 55
5555 ตอนแรกเอาแต่รูปมาลงทิ้งไว้ก่อนเพราะไม่รู้จะพิมพ์อะไรดี ทิ้งไว้
เป็นชั่วโมง ฯ อะไรประมาณนั้นครับ
         ทีนี้ก่อนที่จะมาพิมพ์เรื่องเรือ คายัค ก็ไปหาจิ้มดูเครื่องบินในยูทูป
ก็ไปเจอคลิปนึง ภาพค่อนข้างชัดมากๆ เป็นคลิปของเรื่องบิน F 104
Starfighter ที่สร้างโดยบริษัท ล๊อคฮีตมาติน ตั้งแต่ยุค 1950 แล้ว
        ผมได้เห็นเครื่องบินรุ่นนี้เป็นครั้งแรกเมื่อตอนผมมาอยู่ที่บ้านท่านตา
ที่จังหวัดชัยภูมิแล้ว เห็นใน "โทรทัศน์ขาวดำ"ครับ น่าจะเป็นช่องเจ็ดใน
สมัยนั้น เพราะรับได้ช่องเดียว ถ่ายทอดมาจากสถานีเขายายเที่ยง ช่อง
สาม กับช่องเก้า ยังมาไม่ถึงในยุคนั้นครับ ผมก็อายุไม่เกินสิบสองขวบแน่ๆ
F 104 ถูกนำมาออกอากาศเป็นสารคดีขาวดำ ตอนค่ำแล้วก่อนปิดสถานนี
เห็นมันครั้งแรกในทีวีตอนนั้นก็มีอึ้งไปเหมือนกันครับ เครื่องบินอะไรฟะ
ปีกเล็กนิดเดียว แถมยังบินเร็วเหนือเสียงได้ด้วย ฯลฯ จำได้ว่าดูจบแล้วก็
ถูกไล่ให้ไปนอน แต่ภาพเครื่อง F 104 มันก็ติดตาตามเข้าไปนอนกับผม
จนหลับกันไปตอนไหนก็ไม่รู้ หลังจากนั้น มันก็ค่อยๆเลือนหายไปกับเวลา
ที่ค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ นั่นคือครั้งแรกที่ได้รู้จักมัน F 104 Starfighter

         นี่คือหน้าตาของมันครับ ผมถ่ายจากกล่องโมเดลที่ซื้อมาเกือบสิบปี
ได้แล้วมั้ง มันเป็นเครื่องบินรบความเร็ว 2 มัค หรือเร็วสองเท่าของความ
เร็วเสียง หรือ 2450.09 Kmph หรือ 1522.41 mph...
1 มัคคือความเร็วเสียง = 1225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 761.2 ไมล์ต่อ
ชั่วโมง ครับ
        F 104 ถูกออกแบบโดย แคลี จอห์นสัน เจ้าเก่าของล๊อคฮีตมาติน
เขามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 1933 แล้ว ออกแบบเครื่องบินลำเลียง เครื่องบินทิ้ง
ระเบิดและเครื่องบินรบใน WWII มากมายและหนึ่งในนั้นก็คือ P 38 นั่น
เอง จากในคลิปที่ฟังออกมั่งไม่ออกมั่งนั้น จับใจความได้ว่า ในสงคราม
เกาหลี เป็นการรบทางอากาศที่ใช้เครื่องบินเจ็ตเป็นครั้งแรกของโลก
USAF ใช F 80 ,F 84 และสุดท้ายต้องเปลี่ยนมาใช้ F 86 ถึงจะเอาเจ้า
Mig 15 ของโซเวียตในตอนนั้นลงได้ เพราะเครื่องบินสองแบบแรก ช้าและ
มีความคล่องตัวสู้ Mig 15 ไม่ได้แถมเพดานบินยังต่ำกว่าอีก ไม่เปลี่ยน
เครื่องบินมาสู้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว สงครามเกาหลีเกิดขึ้นเมื่อ มิถุนายน 
1950 ถึง กรกฏาคม 1953 ในปี 1952 เคลลี่ จอห์สันและทีมงาน ได้เริ่ม
ออกแบบเครื่องบินรบที่ใช้สกัดกั้น หรือที่บ้านเราเรียกว่าเครื่องบินขับไล่
นั่นแหละครับ โดยมีความต้องการอยู่ที่ บินได้เร็วมากๆ และสูงมากด้วย
ส่วนจะบินได้นานแค่ไหนผมก็ฟังไม่ทันซะด้วย ฮ่าๆ วิธีที่เขาใช้ในการออก
แบบนี่มันน่าทึ่งจริงครับ เขาไปเอาปีกเครื่องบินเจ๊ตที่พัฒนามาก่อนหน้านั้น
ทั้งเล็กและบางมากๆ จนไม่น่าเชื่อว่าจะพาเครื่องบิน บินขึ้นจากพื้นดินได้
 แล้วก็เอาเจ้าปีกนั้นนั่นแหละครับ มาติดเข้ากับจรวดทรงกระบอกขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลางห้านิ้ว ยิงขึ้นไปบนอากาศและติดกล้องถ่ายภาพยนต์ขึ้น
ไปด้วย เพื่อดู "เอคชั่น" ต่างของปีก ทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีกแก้แล้วแก้อีก
จนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรไม่ไให้ปีกเสียหายขณะที่บินด้วย
ความเร็วเหนือเสียง แล้วจึงมาออกแบบลำตัว เพื่อประกอปกับปีกแล้วทำ 
"โมเดล" ขึ้นมาเพื่อทดสอบในอุโมงลมแล้วก็ปรับแต่งแบบอีกหลายหน จน
นำไปสร้าง ม๊อคอัป หรือ โมเดล 1/1 ขนาดเท่าของจริง เพื่อดูตำแหน่งท่อ
ทางและอุปกรณ์ต่างๆรวมถึงน้ำหนักที่จะใส่ลงไป เมื่อแล้วเสร็จขั้นตอนนี้
ก็เริ่มผลิตเครื่องบินต้นแบบและขึ้นบินทดสอบในปี 1953 ....มั้งครับ นั่นคือ
ประวัติคร่าวๆเมื่อเกือบเจ็ดสิบปีที่แล้ว พวกเรายังไม่มาเกิดกันในชาตินี้
แน่ๆเลยใช่ไหมครับ แต่ไอ้กันมันบินด้วยความเร็ว 2 มัคไปแล้วอะ ฮ่าๆๆๆๆ
         หลังจากนำเข้าประจำการใน USAF แล้วก็ยังมีหลายประเทศที่นำเจ้า

 F 104 Starfighter ไปใช้อีกสิบกว่าประเทศ และได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้าง
ก็หลายประเทศเหมือนกันหนึ่งในนั้นก็คือ ญี่ปุ่นครับ แต่ที่เป็นประเด็นมากที่
สุดก็เห็นจะเป็น  F 104 Starfighter ของกองทัพอากาศเยอรมันตะวันตก
ในขณะนั้นที่ซื้อเอาไปใช้เป็นจำนวนมากและสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเกิดอุบัติเหตุ
กับเจ้า F 104 ของเยอรมันตะวันตกเป็นจำนวนมากและก็ทำให้นักบินเสีย
ชีวิตเป็นจำนวนไม่น้อยเลยก็ขอไว้อาลัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ นั่นคืออดีต
ของมัน และมันก็ยังถูกใช้งานมาจนข้ามศรรตวัตเลยปี ค.ศ. 2000 มาอีก
หลายปีจึงได้ปลดประจำการออกไป
          F 104 Starfighter ได้เข้าสงครามจริงๆไหมผมก็ไม่ทราบเหมือน
กันครับแต่เคยเห็นข่าวและภาพแวปๆอยู่เหมือนกันว่า ไต้หวันเคยใช้เจ้า
นี่สอยเครื่องบินของจีนมาแล้ว และก็ในช่วงแรกๆของสงครามเวียตนาม
ก็เห็นมีภาพอยู่บ้างเหมือนกันครับ แต่ไม่ทราบรายละเอียดเลยจริง
          ในยุคของมันเริ่มที่จะพัฒนาจรวดนำวิถีอากาศสู่อาศเองครับ ดังนั้น
อาวุธหลักของมันก็คือปืนกลอากาศ M 61 ขนาด 20 มิลลิเมตรเท่านั้น แต่
ในยุคนั้นมันเป็นปืนที่ยิงได้เร็วที่สุดในโลกแล้วอัตราการยิงน่าจะเกือบๆพัน
นัดต่อนาทีมากหรือน้อยกว่าผมก็จำไม่ได้แล้ครับ แต่ในคลิปเขาว่ามันเจอ
ปัญหาเรื่องปืนมากด้วยเกือบจะทำให้ไฟไหม้เครื่องบินก็หลายที กว่าจะแก้
ปัญหาได้ก็หวิดตายไปหลายหนล่ะครับ

  แต่เหตุที่ทำให้ผมชอบเจ้า  F 104 Starfighter มากๆก็เพราะว่า หนึ่ง
คือมันเติมฝันในวัยเด็กของผมนั่นเองครับ และรูปร่างหน้าตามันล้ำยุคมาก
จริงๆจะเรียกว่าข้ามกาลเวลามาก็ว่าได้ ทำโมเดลเสร็จแล้วเอามาวาง
ข้างๆ F 14 ,F 15 ,F 16 นี่ ไม่น่าเกลียดแน่นอนครับ ผมชอบมันมากกว่า
SR 71 ซะอีก ไอ้เจ้านั่นเรียกได้ว่าหลุดโลกไปเลยทีเดียว ขนาดหนังเรื่อง
Star War ยังเอาเจ้า SR 71 ไปทำเป็นยานอาวกาศความเร็วเหนือแสงตั้ง
หลายเท่าอีกต่างหาก 5555555 เคยซื้อโมเดล F 104 สเกล 1/72 มาลำ
นึงก็ไม่รอดกลายเป็นเศษพลาสติกกวาดทิ้งไปแล้วครับ ที่มีอยู่นี่ก็ซื้อมา
นานแล้วน่าจะเกือบสิบปีได้มั้งครับ ยังไม่กล้าต่อเพราะยังไม่มีที่เก็บดีๆ
ขืนต่อออกมาแล้วไม่มีตู้ใส่นี่ บรรลัยแน่ๆครับ

  แกะแต่กล่องแต่ถุงพลาสติกยังไม่ได้แกะออกมาดูเลยครับ ลำนี้น่าจะ
ซื้อมาในราคาประมาณ 800 กว่าบาทมั้งครับจำไมราคาไม่ได้ละ
สเกล 1/48 เป็นของ Hasegawa เป็นโมเดล F 104J ของญี่ปุ่น จำได้ว่า
ตอนนั้นที่ซื้อตัวนี้เพราะมันถูกที่สุดในสเกลเดียวกัน ของเจ้าอื่นหรือรุ่นอื่นๆ
พันขึ้นทั้งนั้นครับ ผมเน้นเเค่ใช่ก็พอไม่ต้องเหมือนเดะๆก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ไว้มีโอกาสประกอปเมื่อไรจะทำทำคลิปมาลงให้ดูกันแน่นอนครับ
      จะว่าไปเครื่องบินรบถ้ามันไม่ใช้รบกันก็คงจะดีไม่น้อยนะครับ แต่ละ
แบบกว่าจะมาเป็นเครื่องบินที่บินได้เร็ว สูง และไกลมากๆได้นี่ต้องใช้
ทรัพยากรณ์และบุคคลที่มีความรู้คสามสามารถมากมาย แต่ละประเทศ
ก็มีแนวิดเป็นของตัวเอง เครื่องบินทางฝั่งโซเวียตก็ออกแบบได้น่าทึ่งไม่แพ้
กันสักเท่าไร ก็ลอกหันไปก๊อปปี้กันมานั่นแหละครับ อันไหนดีก็เอามา
พัฒนาต่อยอดกันไป ในสมัยนั้น เครื่องบินของทั้งสองค่ายค่อนข้างคล้ายๆ
กันอยู่หลายรุ่นเหมือนกันนะครับ แต่พอย่างเข้ายุค ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา
รู้สึกว่าทางโซเวียตจะแผ่วๆลงไปทีละน้อย จนถูกทิ้งห่างอย่างมากใน
ปัจจุบันนี้ เหมือนกับว่าโซเวียตหยุดพัฒนาไปซะดื้อๆอย่างนั้น จนกระทั่ง
กำแพงเบอร์ลินโดนทลายลงและโซเวียตหรือเรียกเต็มๆว่า สหภาพโซเวียต
ในเวลานั้น ได้สลายแตกแยกย้ายเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยตั้งหลาย
ประเทศและหนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศ รัสเซีย เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในการ
แตกแยกในครั้งนั้นหรือจะเรียกอีกอย่างว่า หลายๆประเทศเขาก็หนี
คอมมิวนิสต์กันหมด เหลือแต่รัสเซียประเทศเดียวทีต่อมาก็ต้องเปลี่ยนการ
ปกครองมาเป็นประชาธิปไตยอยู่ดี ไม่งั้นไม่รอดแน่ๆ เพราะเศษฐกิจของ
รัสเซียหลังจากโซเวียตล่มสลายไปแล้วนั้นตกต่ำมากๆ จนมีอยู่ช่วงนึงที่
คนรุ่นผมได้ยินข่าวมาว่า ประชาชนชาวรัสเซียนั้นอดอยากมากๆ ประมาณ
นั้นครับพอหลังๆมานี่ขุดเจอก๊าซเจอน้ำมันเข้าก็เลยค่อยๆฟื้นตัวมาได้จนมี
เศษฐีใหม่ชาวรัสเซียออกไปตะเวณลงทุนไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในวงการ
กีฬาของยุโรป ตามที่เราก็ทราบกันดี จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วรัสเซียยกทหาร
บุกเข้าไปในยูเครนกะจะยึดให้ได้ภายในสามวัน........
        ครับ สงครามไม่ว่าจะอ้างอะไรก็ไม่ควรเกิดขึ้นทั้งนั้น ประวัติศาสตร์
ก็มีให้ศึกษากันตั้งเยอะ แต่คนเราก็ยังหาข้ออ้างมารบราฆ่าฟันกันอยู่ดี
      ผมจะทิ้งลิ้งค์ของคลิปที่ผมดูเรื่อง F 104 ไว้ข้างล่างนี้ครับใครสนใจ
ก็ตามไปดูกันได้ครับถือว่าดูเพลินๆก็แล้วกันครับ
         ตามนี้เลยครับ https://youtu.be/3LOUCfVrN2I
      ฮ่าๆวันนี้ก็หาเรื่องมั่วมาได้ก็ตามใจคนเล่าก็แล้วกันครับ นึกอะไรได้ก็
เล่าออกมาตามนั้น วันนี้ถือว่ามีเรือครึ่งนึงเครื่องบินครึ่งนึงก็แล้วกันนะครับ
และวันนี้ก็ใช้เวลนานมากๆอีกเหมือนกันนีก็เลยเที่ยงคืนมาจะตีหนึ่งอยู่แล้ว
ขอให้ทุกท่านนอนหลับฝันดี ตื่นมามีเรี่ยวแรงทำมาหากินกันต่อไป อีกไม่
วันหวยก็จะออกแล้วขอให้ทุกท่านโชคดี ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน
         

......................................................................................................